Thursday 21 May 2009

ดูหนังดูละครย้อนดูตัวลีซาน : จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน


คอลัมน์ โต๊ะกลมระดมความคิด
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ประจำวัน พุธ ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2009
โดย ชมเพลิน อยู่เพลิน

ดูหนังดูละครย้อนดูตัวลีซาน : จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน

เป็นสิ่งที่วงการภาพยนตร์ไทยน่าศึกษาจากเกาหลีอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะต่อความสำเร็จที่ซีรี่ส์เกาหลีแนวประวัติศาสตร์ประสบผลสำเร็จและถูกต้อนรับอย่างน่าทึ่งจากผู้ชมโทรทัศน์ชาวไทย...ซีรี่ส์อิงประวัติศาสตร์เหล่านี้เปิดฉากกระหึ่มมาตั้งแต่ “แดจังกึม : จอมนางแห่งวังหลวง” ซึ่งออกมาฉายในตอนนั้นพร้อมกับโกยเรทติ้งแบบถล่มทลาย จากแดจังกึมเป็นต้นมา ซีรี่ส์เกาหลีแนวประวัติศาสตร์ก็สามารถยึดตรึงหัวหาดผู้ชมชาวไทยได้เรื่อยๆมา

ซีรี่ส์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีล้วนประสบความสำเร็จ มีสำเร็จสุดขีดกับสำเร็จเรื่อยๆ แต่ไม่มีเรื่องใดล้มเหลวเหี่ยวเฉา เราอาจไล่ไปตั้งแต่ “อิมซังอ๊ก : ยอดพ่อค้าหัวใจทระนง” กระทั่ง “ซอดองโย : สายใยรักสองแผ่นดิน” ไล่มาจนถึง “จูมง : มหาบุรุษกู้บัลลังก์” และ “ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์” แล้วที่ฮือฮาระดับน้องๆแดจังกึมอีกเรื่องเห็นจะได้แก่ “คิมซูซอน : สุภาพบุรุษมหาขันที” คิวล่าสุดที่เป็นปัจจุบันคือ “ลีซาน : จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน”

ลีซานเป็นเรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์ของกษัตริย์จองโจแห่งโชซอน ซึ่งพระองค์ถือเป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้ที่ราษฎรรักเทิดทูนมากที่สุด เป็นผู้ปกครองอาณาจักรด้วยความโอบอ้อมอารี แล้วที่สำคัญยังทรงพยายามปฏิรูปและปรับปรุงการบริหารประเทศชาติให้เหมาะสมแก่กาลยุคสมัย


กษัตริย์จองโจสืบราชบัลลังก์ต่อจากกษัตริย์ยองโจ ผู้เป็นพระอัยกา โดยจองโจเป็นพระราชโอรสขององค์รัชทายาทซาโต ซึ่งเป็นโอรสองค์ที่สองของ “ยองโจ” แต่ “ซาโต” กลายเป็นผู้มีปัญหาขึ้นมา แม้จะได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีก็ตาม เพราะถูกหมายมั่นปั้นมือให้ขึ้นนั่งบัลลังก์เช่นกัน รัชทายาทซาโตมีพระอาการหวั่นเกรงพระราชบิดาของพระองค์ กลายเป็นความกลัวที่หลบซ่อนอยู่ในจิตใจ กระทั่งเกิดเป็นอาการทางจิต ทำให้รัชทายาทต้องมีนิสัยระบายออกด้วยการชอบไล่ทุบตีผู้อื่นหรือก้าวร้าวไปถึงขนาดเข่นฆ่าผู้คนเพื่อเป็นการระบายความตึงเครียด!

พระอารมณ์ขององค์รัชทายาทได้สร้างความผิดหวังให้กับองค์กษัตริย์ยองโจเป็นอันมาก...แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ชัดเจนนัก ยังมีอยู่บางบันทึกระบุว่ากลุ่มขุนนางราชนิกุลฝ่าย “มเหสีจองซุน” ได้ร่วมกันใส่ร้ายองค์รัชทายาทซาโตว่ามีความพยายามโค่นล้มราชบัลลังก์ของกษัตริย์ยองโจ จึงเลี่ยงไม่พ้นที่พระราชบิดารับสั่งให้จับซาโตเอาไปขังไว้ในลังไม้ ภายหลังถูกขังได้ 8 วัน จึงสิ้นพระชนม์ ..ซึ่งถือเป็นอีกเหตุการณ์สำคัญหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์เกาหลี นักวิชาการต่างรู้จักกันดีในนาม Imo Incident

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นั้นคงทำให้กษัตริย์ยองโจรู้สึกเสียพระทัยจนต้องสถาปนาพระนามให้แก่รัชทายาทที่ตายในลังไม้เสียใหม่ว่า “ซาโต” โดยแปลความหมายว่า “รู้สึกสำนึกเสียใจ” (เดิมซาโตมีพระนามเป็นเจ้าชายชางฮอน)...ในคำจารึกที่สุสานของกษัตริย์ยองโจทรงลิขิตไว้ว่าพระองค์มิได้ตั้งพระทัยที่จะฆ่าพระราชโอรสของพระองค์ แต่ต้องการให้บทเรียนแก่ซาโตเท่านั้นเอง พระองค์รู้สึกเสียพระทัย ทั้งยังไม่อยากให้ผู้คนมองว่า “เป็นพ่อที่ใจร้ายและทารุณ”

กษัตริย์ยองโจยังกล่าวไว้อีกว่า “เจ้าชายต้องฉลาด แต่เขากลับไม่เรียนรู้ในสิ่งดีงาม ประพฤติตนไม่เหมาะสม คบอันธพาลที่เป็นภัยต่อบ้านเมือง...”

เขียนแนะนำซีรี่ส์อิงประวัติศาสตร์เกาหลีเพราะเห็นว่าน่าสนใจดี ดูแล้วได้แง่มุมคิดมุมมองบทเรียนแสบๆเจ็บๆหลายอย่าง วันก่อนดูไปตอนหนึ่งก็ประทับใจจนต้องจับเอามาเขียนแนะนำ...เป็นฉากที่กษัตริย์ยองโจประชวรหนัก ฝ่ายลีซาน (กษัตริย์จองโจ) รู้สึกสำนึกที่ไม่สามารถดูแลอาการเจ็บป่วยของพระอัยกาให้หายทุเลาได้ ..เมื่อหลานห่วงใยอย่างจริงใจและจริงจังเช่นนั้น ปู่ก็บอกว่า “...เจ้าอย่าไปคิดสำนึกเสียใจแบบนั้น โรคภัยของปู่ขนาดแพทย์หลวงก็รับมือไม่อยู่ เจ้ามิใช่หมอแล้วจะไปช่วยอะไรได้...จำไว้อย่าพยายามคิดหรือทำอะไรให้เกินศักยภาพของมนุษย์ที่จะทำได้!”

ดูละครซีรี่ส์เกาหลีอิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้มุมมองถึงข้อจำกัดของมนุษย์เราในการรับมือหรือขอบเขตแก้ไขปัญหา ก็ไม่รู้จะคล้ายๆกันกับกรณีโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่า “...ทั่วโลกมีปัญหา ความสามารถในการแก้ปัญหาโดยเด็กสองคนก็ลำบาก เด็กสองคนช่วยกันแก้ก็คงยาก มันไม่ง่ายอย่างที่คิด...”

สังคมไทยปัจจุบันเรายังมีศักยภาพเหลืออีกสักขนาดไหน? ที่จะก้มหน้าก้มตาพยายามแก้ไขปัญหาอย่างย้อนความจริง ย้อนเวลา และมันเกินศักยภาพแล้วยัง? ทั้งของไอ้จุก ไอ้เปีย และไอ้ตี๋เล็ก!!

1 comment:

  1. ชอบเรื่องนี้มากๆ เลย

    ReplyDelete