Thursday, 7 May 2009
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 63
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 63
ซองซงยอนตั้งใจเรียนรู้ระเบียบในวัง พระเจ้าจองโจเสด็จมาทอดพระเนตร
“จริงหรือนี่ เพราะลืมตัวไปพูดอ่อนน้อม เลยถูกพวกนางตักเตือนงั้นหรือ”
“ใช่แล้วเพคะ ให้หม่อมฉันพูดเสียงแข็งกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ทำยังไงก็รู้สึกไม่ชินน่ะเพคะ”
” ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ พออยู่ไปนานๆ เจ้าจะชินเอง แต่จะว่าไปแล้ว ข้าก็ต้องถูกพวกนางตำหนิเหมือนกัน เพราะไม่เห็นต้องสำรวมอะไร คุยกับเจ้าเหมือนปกติ”
“แสดงว่าข้าต้องเข้มงวดกับเจ้าบ้าง จะได้เป็นงานเร็วขึ้น เป็นไง พอไหวมั้ย”
“หึ ฝ่าบาท”
” เฮ่อๆๆ แย่จริง แค่วางมาดก็เหนื่อยแล้ว เฮ่อๆๆ” พระเจ้าจองโจทรงจับมือซองซงยอน “ช่างเหมือนความฝันจริงๆ ได้มาเดินเล่นกับเจ้า ท่ามกลางอากาศที่อบอุ่น จริงสิ หมู่นี้ทางเสด็จแม่เป็นไงบ้าง หลายวันแล้ว ยังไม่ให้เจ้าเข้าเฝ้าอีกหรือ”
“เอ่อ ไม่ใช่หรอกเพคะ วันก่อน หม่อมฉันไปตอนเย็นก็ได้เข้าเฝ้าแล้ว”
“หึๆๆ ฝ่าบาท”
“นี่ จริงหรือเปล่าน่ะ”
ทั้ง ที่ความจริงพระพันปีเฮคยองไม่ทรงยอมให้ซองซงยอนเข้าเฝ้าแม้แต่ครั้งเดียว จนยางซังกุงคนสนิทไม่อยากให้ซองซงยอนไปเฝ้าแล้ว และครั้งนี้ก็ไปเฝ้าแต่ยางซังกุงถอนใจจนซังกุงของพระพันปีเฮคยองไม่พอใจต่อ ว่าเสียงดัง จนพระพันปีเฮคยองต้องออกมาถาม
“มีเรื่องอะไร ถึงได้เสียงดังนัก ที่นี่เป็นวังหลวง ต่อให้โง่เง่ามาจากไหน ไม่รู้หรือว่าอยู่ในวังต้องสำรวมน่ะ”
“ทรงอภัยด้วยเพคะ เอ่อ เสด็จแม่เพคะ เสด็จแม่ หม่อมฉัน มาขอถวายบังคม”
” เจ้าเรียกข้าว่าไงนะ เสด็จแม่หรือ ใครอนุญาตให้เจ้ามาเรียกข้าแบบนี้ ข้าไม่เคยยอมรับคนอย่างเจ้าเป็นสะใภ้ ฉะนั้น ทีหลังห้ามเรียกข้าว่าเสด็จแม่อีก เข้าใจมั้ย” พระพันปีเฮคยองเสด็จไป
ยาง ซังกุงบ่นเลย “เฮ่ย เห็นมั้ยล่ะคะ ข้าบอกแล้วก็ไม่ฟัง มาก็ถูกลบหลู่เปล่าๆ ถ้าไง ข้าว่าเรื่องนี้ไปทูลพระมเหสีดีกว่า พระนางเคยตรัสว่า ถ้ามีปัญหาก็ไปทูล”
“อย่าทำอย่างงั้น นี่เป็นเรื่องเล็ก อย่าให้พระมเหสีไม่สบายพระทัยดีกว่า ฉะนั้นท่านไปบอกนางในทุกคน ให้ระวังปากคำหน่อย เรื่องนี้อย่าบอกให้ใครฟัง รู้หรือเปล่ายางซังกุง”
“จริงเพคะ หึ”
ฮงกุกยองเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ ทรงตรัสถามว่าทุกคนเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม ฮงกุกยองทูลว่าเรียบร้อย
“เฮ่อ เจ้าค่ะ นายหญิง”
“ดีมาก งั้นไปเลย”เดี๋ยว พะยะค่ะ การเสด็จออกไปคราวนี้ ด้านหน้ามีพวกเทซูถวายอารักขาก็จริง แต่รอบข้างจะมีองครักษ์แอบซ่อนอยู่ด้วย เพราะเรื่องปลงพระชนม์คราวก่อนยังจับคนร้ายไม่ได้ เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย ขอทรงอนุญาตให้ทำตามนี้ด้วย”
พระ เจ้าจองโจเสด็จไป และพบพ่อค้ารายย่อยถูกคนของพ่อค้ารายใหญ่ทำร้าย จึงสั่งให้พวกเทซู คังซกกีและซอจังบูไปช่วย และพาพวกพ่อค้ารายย่อยมาพบพระองค์
“งั้นก็ได้ ถ้าอย่างงั้นรีบไปเร็วเข้า เรามีงานต้องทำอีกมาก”
“ยังจำข้าได้ไหม” ชายหลายคนตกใจ “ฝ่าบาท”
แล้วพระเจ้าจองโจก็ทรงบอกว่าจะยกเลิกสัมปทานการค้า พ่อค้าเหล่านั้นตกใจ
“ก็เหมือนที่บอกเมื่อกี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ข้าจะไม่ให้มีการผูกขาดทางการค้าอีก ใครเป็นผู้ค้ารายย่อย ก็มีสิทธิ์ค้าขายได้อย่างเสรี”
“ฝ่าบาท”คราวนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เพื่อยืนยันคำมั่น ข้าเลยมาด้วยตัวเอง”
“ฝ่าบาท ทรงมีสัญญาอะไรหรือพะยะค่ะ”ท่านลืมแล้วหรือ ตอนข้ายังเป็นองค์ชายอยู่ เคยมาสัญญากับพวกท่านที่นี่ไง”
“หา อึมๆ องค์ชาย โปรดอย่ารับสั่งอย่างงั้น ถึงเกิดอะไรขึ้น เราก็ไม่โทษองค์ชายเลย แม้จะแค่ไม่กี่วัน องค์ชายก็เมตตา ให้พวกเราได้ค้าขาย โดยไม่มีใครมารังแก นี่เป็น สิ่งที่เราไม่เคยนึกฝันด้วยซ้ำ แล้วทำไม องค์ชายยังมารับสั่งแบบนี้อีก”
“ฟังข้าก่อน”ต่อ ให้ ตอนนี้ต้องกลับไปเหมือนเดิม เราก็ไม่โทษองค์ชายเลยซักนิด เพราะอย่างน้อย องค์ชายก็ทรงช่วย ให้คนต่ำต้อยอย่างพวกเรา ได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีบ้าง ชาตินี้เราจะไม่ลืมพระเมตตาขององค์ชายเลย”
“ไม่ หรอก เมตตาอะไรกัน ไม่มีซักนิด แต่ว่าข้าขอให้สัญญากับทุกท่านไว้ อนาคตต้องมีซักวัน ที่ฝันของพวกท่านจะได้เป็นจริง และถึงตอนนั้น จะไม่ใช่แค่ความฝันสั้นๆ ไม่กี่วันเท่านั้น”
“องค์ชาย”
เมื่อ กลับเข้าวังหลวงก็มีรับสั่งให้ฮงกุกยองออกประกาศ พวกพ่อค้ารายย่อยพากันดีใจ แต่พวกพ่อค้ารายใหญ่ต่างไม่พอใจและพากันมารวมตัวหน้าวังหลวง พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามฮงกุกยอง
“เหตุการณ์ข้างนอกเป็นไงบ้าง”เหล่าพ่อค้าทั้งงดขายของและนำสินค้าไปเผาทิ้ง ทหารพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะ แต่ปัญหาดูจะยิ่งลุกลามพะยะค่ะ”
และทรงตรัสถามแชจีคยอมว่า
“ของที่จะส่งให้พ่อค้ารายย่อยแถว ยียอง และ ฉิกแพ เป็นไงบ้าง”
“โชคดีที่ว่า สินค้าจาก ซงพอ และ โนวาน มาถึงตรงเวลา ไม่มีปัญหาพะยะค่ะ”
“ราคาโดยรวมผันผวนมั้ย”เนื่องจากสินค้าขาดตลาด ทำให้ราคาเกลือพุ่งขึ้น 3 เท่า ข้าวสาลีขึ้น 2 เท่าพะยะค่ะ”
พ่อค้ามาซื้อขายกันคึกคัก เรื่องนี้พระหมื่นปีจองซุนทรงทราบก็กระหยิ่มในใจ
“ได้ เวลาปล่อยสินค้าที่เราสำรองไว้ก่อนหน้านี้ บัณฑิตลี คืนนี้ไปที่คลังสินค้าท่าเรือมาโพและอื่นๆ ปล่อยสินค้าที่เราเตรียมไว้ขายให้พ่อค้ารายย่อยทั้งหมด”
“พ่อ ค้าเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่กุมเศรษฐกิจของบ้านเมือง ซึ่งมันจะหมายถึงอะไรบ้าง นั่นก็แปลว่า พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้าถึงคราวจำเป็นจริงๆ อาจถึงขั้นสั่งเปลี่ยนพระราชาด้วยซ้ำ”
พระมเหสีโยอึยเสด็จมาเฝ้าพระพันปีเฮคยอง และทรงได้ยินพระพันปีเฮคยองตรัสกับขุนนางเรื่องวันเลือกสนมใหม่ จึงตรัสถาม
“เสด็จแม่เพคะ เมื่อกี้หม่อมฉันได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า เลือกอะไรนะเพคะ”
“ทำไมต้องทำหน้าตกใจ ก็เลือกสนมให้ฝ่าบาทนั่นล่ะ”
“เสด็จแม่”เรื่องนี้ข้าเคยพูดกับเจ้าหลายหนแล้วนี่ กำหนดคัดเลือกวันที่ 25 เดือนนี้ เจ้าจงรู้ไว้ด้วย”
“แต่ตอนนี้ เราก็ได้ซงยอนมาเป็นสนมแล้ว”ซงยอนเป็นใคร แม่ไม่รับรู้ คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกจากฝ่ายใน จะถือเป็นพระสนมได้ยังไง”
“แต่ยังไงนางก็ได้เข้าพิธีกับฝ่าบาทแล้ว หม่อมฉันจึงอยากให้เสด็จแม่หายกริ้ว ประทานหนังสือแต่งตั้งให้นางดีมั้ยเพคะ”
พระมเหสีโยอึยได้แต่ถอนพระทัย และเสด็จไปหาซองซงยอนถามนางว่ากำลังทำอะไรอยู่
ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ยอมรับนาง”เสด็จแม่”ที่ ข้าตามเจ้ามา ไม่ใช่เพื่อฟังความเห็นที่ไร้สาระ เพียงแต่ว่า เรื่องนี้เจ้าควรรับรู้ไว้ก็เลยบอกให้ฟัง ตอนนี้หมดเรื่องแล้วเชิญออกไปเถอะ”
“เห็นว่าใกล้ถึงวันประสูติของเสด็จแม่ หม่อมฉันกำลังย้อมสีด้ายปักผ้าเพคะ”
“งานแค่นี้ให้ห้องเย็บปักทำก็ได้ ไม่เห็นต้องลงมือเองซักหน่อย”
“หม่อมฉันอยากทำเองเพื่อแสดงถึงความกตัญญู คงไม่เป็นไรนะเพคะ”
“หึ ได้ยินว่าเสด็จแม่ ป่านนี้ยังไม่ยอมให้เจ้าเข้าเฝ้าอีก เรื่องนี้ทำไมไม่เห็นบอกให้ข้ารู้ ข้าเคยสั่งไว้ มีปัญหาก็มาปรึกษาได้ไง”
“ทรงอภัยด้วยเพคะ”ไม่เป็นไร ที่จริงข้าก็รู้นิสัยเจ้า ยังบอกให้มาปรึกษาเรื่องพวกนี้อีก ว่าไปแล้ว เพราะข้าไม่ดีเอง”
“ไม่ หรอกเพคะ หม่อมฉันฟังแล้วละอายใจนัก เรื่องของเรื่อง เพราะความไม่เอาไหนของหม่อมฉัน เลยคิดว่า ปัญหานี้ควรแก้ด้วยตัวเองมากกว่ารบกวนพระมเหสี เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงหม่อมฉันหรอกเพคะ อีกอย่าง พระมเหสีอย่าเอาเรื่องนี้ไปทูลฝ่าบาทได้ไหมเพคะ เพราะทรงมีราชกิจมากมาย หม่อมฉันไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระให้ฝ่าบาทอีก”
โชบีมาแอบดูซองซงยอน แต่โดนคิมซังกุงเห็นและเรียกไปสอบถาม ว่ามาทำไม พอรู้ว่าเป็นคนสนิทกับซองซงยอนและมาแอบดูด้วยความเป็นห่วง
ด้านพ่อค้ายังคงประท้วงไม่เลิก ฮงกุกยองเองก็เกรงว่าเรื่องจะบานปลาย พระเจ้าจองโจทรงตรัสว่า
“แต่ว่าเจ้า”เรื่อง นี้ไม่ต้องทรงเป็นห่วงหรอกเพคะ ขอเพียงหม่อมฉันมีความจริงใจ เชื่อว่าซักวันต้องทำให้เสด็จแม่ ทรงยอมรับหม่อมฉันด้วยความเต็มพระทัย หึ”
“ไม่กี่วัน สินค้าก็ขาดตลาดแล้วหรือ”พะยะค่ะฝ่าบาท ที่เราสำรองไว้ก็มีจำนวนจำกัด ถ้าเหตุการณ์ยืดเยื้อไปซัก 10 วัน ความเดือดร้อนก็จะไปถึงราษฎรแน่นอน”
“ไม่ สี่วันก็พอแล้ว เพื่อรับมือสถานการณ์นี้ เราจะมีสินค้าจากต้าชิง ซึ่งพอประทังได้ 1 เดือน รอแค่เรือมาเทียบท่าเท่านั้น อ้า นี่คือแนวทางขั้นต่อไป ไปบอกพวกพ่อค้าให้รู้ ใครที่ยอมรับนโยบายการค้าเสรี และเลิกประท้วงโดยการหยุดค้าขาย จะได้รับการผ่อนปรนด้านภาษี เราใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งพร้อมกัน คิดว่าน่าจะได้ผล”
“ทราบแล้วพะยะค่ะ”แต่ ว่า แค่นี้พวกเขาอาจจะไม่ยอมง่ายๆ ถ้าอย่างงั้น เอานี่เป็นหลักฐานจับกุมพ่อค้ารายใหญ่ ชองแทยอง ลีจินเช และ ปาร์คยอนอู มาซะ ถ้ารู้ว่าทางการมีหลักฐานทุจริตของพวกเขาอยู่ในมือ ไม่นานก็จะยอมอ่อนข้อเอง”
“เอ่อ ฝ่าบาท” แชจีคยอมจะค้าน
“นัม ซาโชเข้ามาทูลว่าพระพันปีเฮคยอมไม่ยอมเสด็จไปร่วมงานเลี้ยงวันประสูติ พระเจ้าจองโจจะเสด็จไปเฝ้า แต่นัมซาโชบอกว่าตอนนี้พระมเหสีโยอึยเฝ้าอยู่
แต่ ก็เป็นไปได้ว่า พวกเขาจะดื้อแพ่งถึงที่สุด แต่ว่า ข้าก็ยังมีไม้ตายอีก ถึงตอนนั้นค่อยบอกให้รู้อีกที แต่ตอนนี้ หวังว่าคงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น”
“เสด็จ แม่ ยังไงวันนี้ก็เป็นวันประสูตินะเพคะ แล้วจะไม่เสด็จไปงานเลี้ยงได้ยังไง หึ โปรดทรงหายกริ้วและเสด็จไปร่วมงานเถอะเพคะ ทุกปีฝ่าบาทต้องจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อถวายพระเกียรติแด่เสด็จแม่ โปรดทรงเห็นแก่ความกตัญญูของฝ่าบาท”
“พวก โชบี ลีชอง ช่างเขียนตั๊ก มีซู ต่างมาหาถามดัลโฮเพราะคิดถึงและเป็นห่วงซองซงยอนมาก แต่ดัลโฮก็ไม่เคยได้พบเธอเลย พอดีซองซงยอนก็ปรากฏตัวเดินเข้ามา ทุกคนพากันดีใจ แต่พอพระพันปีเฮคยองเสด็จมาและพบหน้าซองซงยอนก็ตรัสถามพระมเหสีโยอึย
เห็นแก่ความกตัญญูหรือ”เสด็จแม่”เตรียมชุดทังอีให้ข้า”ทราบแล้วเพคะ”เจ้าจงรู้ไว้ด้วย ที่ข้ายอมไปร่วมงานเพื่อเห็นแก่ราชสำนักต่างหาก”
“นี่มันอะไรกันน่ะชุงจอน ผู้หญิงคนนี้มาอยู่นี่ได้ไง”
“เอ่อ เสด็จแม่เพคะ”ไม่ ได้ยินหรือไง ข้าถามว่าทำไมผู้หญิงคนนี้มาอยู่แถวนี้ได้ ไล่นางกลับไปตำหนักเดี๋ยวนี้ นี่ไม่ใช่ที่ๆ นางสมควรจะมา ทำไมไม่ทำตามที่ข้าสั่งล่ะ”
“เสด็จแม่อย่ารับสั่งแบบนี้สิเพคะ ซองซังกุงมีสิทธิ์จะร่วมงานเลี้ยง”
“งั้นก็ได้ ถ้านางไม่ยอมไป งั้นข้าไปเอง”
พระเจ้าจองโจทรงเรียกไว้ “เสด็จแม่ เสด็จแม่ ทำไมต้องไล่นางกลับไปพะยะค่ะ”
“เรื่อง นี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย เพราะข้าจำเป็นต้องทำตามกฎของฝ่ายใน คนที่ไม่ได้รับหนังสือแต่งตั้งให้เป็นสนม จะไปร่วมงานเลี้ยงของราชสำนักได้ยังไง”
“เสด็จแม่”
ซอง ซงยอนรีบทูลเตือน “ฝ่าบาท หึ เอ่อ คือ ทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉัน ไม่รู้กฎในราชสำนัก จึงได้ทำผิดใหญ่หลวง หม่อมฉันจะขอทูลลาเดี๋ยวนี้ พระพันปีอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ ขอพระพันปี ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”
ซองซงยอนเดินออกมา เทซูก็ออกมาพบ
“อ้อ เทซูๆ ไม่เจอตั้งนานแน่ะ ว่ามั้ย หึ เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วย ความจริงข้าดีใจที่ได้เจอเจ้า แต่ไม่สะดวกที่จะทักทาย หึ เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า ท่านอากับท่านน้าล่ะ คนที่ศูนย์ศิลปะด้วย ทุกคนสบายดีใช่ไหม”
“แล้วซองซังกุงล่ะครับ สบายดีหรือเปล่า ชีวิตในวัง พอจะอยู่ได้ไหม”
“หึ ซังกุงอะไรกัน หึ เรียกอะไรอย่างงั้น ข้าไม่ชอบฟังเลย”
“ไม่ ได้หรอกครับ ตอนนี้ท่านเป็นสนมของฝ่าบาทแล้ว ส่วนข้า เป็นแค่ทหารคนหนึ่ง จึงต้องมีการแบ่งแยก ฉะนั้น ต่อไปขอให้ท่าน ก็ถือว่าข้าเป็นบ่าวไพร่คนหนึ่งดีกว่า”
“หึ งั้นหรือ อย่างงี้นี่เอง ถึงข้าจะบอกให้ทำตัวเหมือนปกติ เจ้าก็คงไม่สามารถ พูดคุยเล่นหัวกับข้าเหมือนเมื่อก่อนได้อีก หึ แต่ว่า ยังไงก็ช่าง ข้าอยากให้เรา คบกันเป็นเพื่อนเหมือนแต่ก่อนได้ไหม ฮือ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าก็อยากให้เจ้า มองข้าเป็นซงยอนคนเดิมได้หรือเปล่า”
พระมเหสีโยอึยทรงตรัสกับพระเจ้าจองโจ
“ทรงอภัยด้วยเพคะ ทั้งหมดนี้เพราะหม่อมฉันไม่ดีเอง”
“ไม่ หรอก สิ่งที่เกิดขึ้น ต้องโทษความสะเพร่าของข้า ถ้าเป็นคนละเอียดอ่อนกว่านี้ คงไม่เชื่อคำพูดของนางว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ความกริ้วของเสด็จแม่ เพราะข้าเป็นต้นเหตุเอง แต่ทำให้นาง รวมถึงเจ้าอีกคน พลอยวางตัวลำบากไปด้วย เพราะข้าผิดต่อพวกเจ้าจริงๆ”
“ฝ่าบาท”จากนั้นพระเจ้าจองโจก็เสด็จไปหาซองซงยอน
“อ้อ ฝ่าบาท หึ ทำไมเสด็จมาเวลานี้ล่ะเพคะ หรือว่า วันนี้ทรงเสร็จงานเร็ว”
“เจ้ากำลังเขียนรูปอยู่หรือ”หึ เพคะ นานแล้วที่ไม่ได้จับพู่กันเขียนภาพ แต่ว่า ไม่รู้เพราะทิ้งไปนานหรือเปล่า ทำให้เขียนไม่ถนัดมือ มีความรู้สึกเหมือนว่า เกิดมาไม่เคยเขียนรูปน่ะเพคะ”
“เพราะความเห็นแก่ตัวของข้า ทำให้เจ้าต้องเสียหลายอย่าง มีความสามารถทางด้านนี้ กลับไม่ได้ทำงานเต็มที่”
“เอ่อ ฝ่าบาท”ขอโทษด้วยนะ เรื่องเมื่อกลางวัน”เรื่องนี้ อย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ชอบเก็บเรื่องไม่สบายใจมาคิดมาก แล้วทำไมฝ่าบาท ยังจะทรงรื้อฟื้นอีกล่ะเพคะ”
“เมื่อซองซงยอนทูลเช่นนี้ ยิ่งทำให้พระเจ้าจองโจทรงรู้สึกไม่ดี เสด็จไปเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
ซงยอน”ไม่ ต้องรับสั่งขอโทษหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นไรจริงๆ และไม่ใช่แค่ปากพูดเท่านั้น แม้แต่ในใจก็ไม่ได้คิดอะไรซักนิด ฝ่าบาททรงประทานความรักให้หม่อมฉันอย่างล้นเหลือ น่าจะทรงทราบดีว่า หม่อมฉันขอเพียงได้ส่วนนี้มา เรื่องอื่น ต่อให้ลำบากยากเข็ญกว่านี้ หม่อมฉันก็ทนได้เพคะ”
“ดึก ป่านนี้ยังมาพบแม่ มีธุระอะไรอีก ถ้าเป็นเพราะเรื่องเมื่อกลางวันละก้อ ขอบอกว่าให้กลับไปซะ เพราะแม่ไม่อยากรู้ไม่อยากฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
“หม่อม ฉันไม่ได้มาเพื่อทูลเรื่องนี้ แต่ที่มาเฝ้าเสด็จแม่ เพราะมีเรื่องอื่นจะทูลถาม ได้ยินว่า วันนี้เสด็จแม่เตรียมจะให้คัดเลือกสนมใหม่จริงมั้ยพะยะค่ะ”
“ใช่ แม่สั่งให้กรมพิธีการไปจัดการ แล้วเจ้าเห็นว่าไง จะบอกว่าไม่เห็นด้วยใช่ไหม ถ้าใช่ละก้อ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก กลับไปซะเดี๋ยวนี้”
“ไม่พะยะค่ะ เรื่องนี้ แล้วแต่เสด็จแม่จะโปรด และหม่อมฉันก็พร้อมจะทำตามรับสั่งของเสด็จแม่ทุกอย่าง แต่ว่า เกี่ยวกับเรื่องของซงยอน”
“ฝ่าบาท”นาง เข้าพิธีกับหม่อมฉันแล้ว ขาดแต่เพียงรับรองฐานะเท่านั้น หม่อมฉัน พร้อมจะทำตามพระประสงค์ของเสด็จแม่ แต่ขอให้นางมีหนังสือแต่งตั้ง”
“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ให้ไม่ได้”เสด็จแม่”เจ้า จะรับนางเป็นสนมก็แล้วแต่เจ้า แม่ก็จะรับของแม่เหมือนกัน ฉะนั้นเชิญกลับไปได้ อีกอย่าง ทีหลังถ้าจะมาพูดเรื่องของนางอีก เจ้าก็ไม่ต้องมาหาแม่อีกแล้วจะบอกให้”
“เสด็จแม่ เฮ่อ”พระหมื่นปีจองซุนทรงตรัสกับแชซกจูว่า
“พระพันปี ตั้งแง่รังเกียจสนมของฝ่าบาท เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อน”
“ได้ ยินว่า วันนี้พระพันปี สั่งให้มีการคัดเลือกพระสนมใหม่ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ คนใหม่ที่รับมา แม้จะมีพระโอรสก็ไม่แน่ว่าจะเป็นที่ยอมรับ”
“นั่นสิ แล้วฮงกุกยองมัวทำอะไรอยู่ เรื่ององค์ชายวานพงยังไม่มีคำตอบอีกหรือ”
“พะยะค่ะ เหมือนทางโน้นยังไม่กล้าตัดสินใจ”
“อีก ไม่นานจะมีการเสนอเรื่องรัชทายาท ฝ่าบาทอาจจะนึกเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แม้จะเป็นคนฉลาด แต่กับเรื่องนี้ ทำเหมือนไม่สนใจใยดี เราคงไม่ต้องรอนานนักหรอก บางคนอาจจะชอบหลอกตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ให้กับทะเยอทะยาน”
พระเจ้าจองโจทรงทราบจากฮงกุกยองว่ามีร้านค้าเปิดขายแล้ว
“เป็นความจริงหรือนี่ ร้านค้าแถวถนนวุนจองยอมเปิดขายแล้วหรือ”
“พะยะค่ะ เท่าที่ไปสำรวจ ปิดอยู่ไม่กี่ร้าน นอกนั้นที่เป็นร้านใหญ่ ล้วนเปิดหมดในวันนี้พะยะค่ะ”
“แต่ว่า เรื่องนี้น่าแปลกนะพะยะค่ะ เมื่อวานพวกเขายังดื้อแพ่ง ไม่ยอมเปิดร้านจนแล้วจนรอด ทำไมวันนี้จู่ๆ เปิดซะล่ะ”
“แผนการขั้นที่สองของฝ่าบาท เรายังไม่ได้ใช้เลย”
“หรือว่า พวกเขาจะเห็นด้วยกับทางการ ยุติการต่อต้านหรือเปล่าพะยะค่ะ”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมาขอเฝ้า ฝ่าบาท มีพ่อค้าชื่อคิมซอนวา มาขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
“อะไรนะ พ่อค้าน่ะหรือ”พวกเขายืนกราน จะขอเฝ้าให้ได้พะยะค่ะ”
แชจีคยอมออกไปพาคิมซอนวาเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ
“ท่านจะมาพูดเรื่องอะไรกับข้าอีก อยากให้ไปเจรจากับพ่อค้าหรือ หมายความว่า อยากให้ข้าร่วมงานเสวนากับเหล่าพ่อค้าหรือไง”
“ถูก แล้วพะยะค่ะ ในฐานะประธานกลุ่มการค้า หม่อมฉันสู้เกลี้ยกล่อมจนทุกคนยุติการประท้วง แต่นี่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จึงอยากทูลเชิญฝ่าบาทให้เสด็จไปถนนวุนจอง รับฟังปัญหาจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะความจำเป็นของพ่อค้าที่ได้รับสัมปทานด้วยเถอะพะยะค่ะ แม้เราจะเป็นแค่พ่อค้าวานิชย์ แต่ก็ไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย หาความสงบไม่ได้ จึงได้จัดงานนี้ขึ้นและทูลเชิญฝ่าบาทไปร่วมด้วย เผื่อบางทีจะได้ข้อสรุปที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายนะพะยะค่ะ”
“งั้น ก็ได้ เมื่อพวกท่านจริงใจแบบนี้ ข้าก็ไม่อยากทำให้ผิดหวัง ข้าก็ไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลายกว่าที่เป็นอยู่ ในฐานะพระราชา จะห่วงแต่พ่อค้ารายย่อยก็ไม่ถูกนัก พวกท่านเป็นพ่อค้าที่มีอิทธิพล ยิ่งมีความสำคัญต่อบ้านเมือง เอางี้ ให้ไปเมื่อไหร่ดี ถ้ารีบร้อนนัก ไปวันนี้ก็ได้ ข้าพร้อมจะคุยด้วยอยู่แล้ว”
“เป็นพระกรุณาพะยะค่ะ”
พระเจ้าจองโจรับสั่งกับฮงกุกยองว่าจะเสด็จไปเสวนากับพ่อค้า
“หา จะไปร่วมเสวนากับพวกพ่อค้าหรือพะยะค่ะ หม่อมฉันไม่เห็นด้วย”
“ท่านไม่เห็นด้วย ทำไมอย่างงั้นล่ะใต้เท้าฮง”
“ทุก วันนี้ พวกพ่อค้าล้วนแต่ไม่พอใจทางการ และก่อนหน้านั้นยังเกิดเหตุลอบปลงพระชนม์ด้วยซ้ำ แล้วฝ่าบาทยังจะเสด็จไปอยู่ท่ามกลางฝูงชนได้ยังไง ถ้าไง ให้พวกเขาส่งตัวแทนมาเข้าเฝ้า”
“ไม่ ไม่จำเป็นหรอก”ฝ่าบาท”
“ฮงกุกยองสั่งให้ เทซูกับคังซกกี จับตาดูพ่อค้าชื่อคิมซอนวา ฮันแทโซและชองฮักตงไว้ จากนั้นก็ชวนซอจังบูไปเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน
พวก เขาคงอยากรอมชอมด้วย จึงเป็นฝ่ายเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วจะให้ส่งเฉพาะตัวแทนมาคุยได้ยังไง การรับฟังปัญหาของพ่อค้า ก็เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของข้า ฉะนั้น วันที่พวกเขากำหนด ข้าจะออกไปพบปะพูดคุย ท่านไม่ต้องห้ามอีก เข้าใจมั้ย”
“เอาจดหมายนี่ไปแจกให้ทุกคน ไม่ต้องห่วง ข้าเตรียมปูทางไว้สำหรับเจ้าเรียบร้อยแล้ว” พระหมื่นปีจองซุนตรัส
“แต่ว่า เราจะปิดปากใต้เท้าชางยังไงดี ถ้าเขาออกหน้า คนอื่นก็จะเชื่อฟังหมดนะพะยะค่ะ”
“เรื่อง ตาแก่คนนี้ ขอเพียงเจ้าออกหน้าก็จัดการได้แล้ว ยังจำมินจูซีที่ยังหนีคดีได้หรือเปล่า ได้ยินว่าพักก่อน มีจดหมายติดต่อกับชางแทวูเป็นประจำ เพียงแต่เขาไม่เปิดเผย ไปค้นที่บ้านก็จะรู้ เจ้ามีทหารในมืออยู่แล้ว เรื่องแค่นี้คงไม่ยากหรอกนะ”
ฮงกุกยองพาคนไปจับตัวชางแทวู
“คังซกกีช่วยดู “เป็นลายมือมินจูซีจริงๆ ลงท้ายชื่อก็เขียนว่ามินจูซีด้วย”
ชางแทวูอึ้ง “มินจูซีอะไรกัน พวกเจ้าเอาอะไรมาพูด ทำไมจดหมายนั่น”
ใต้เท้า เชิญดูนี่ก่อนครับ” เทซูบอก
“เรื่อง นี้ ข้าควรเป็นฝ่ายถามท่านมากกว่า จดหมายของนักโทษหลบหนี ทำไมปรากฎในบ้านท่านได้ คนที่ควรตั้งคำถามไม่ใช่ท่าน แต่เป็นข้าต่างหาก”
“อะไรนะ”ฮงกุกยองสั่ง “เอาตัวไป”บังอาจนัก นี่เป็นการวางแผนชั่วร้ายเพื่อจะปรักปรำข้า นึกว่าคุมตัวข้าไว้แล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าคิดหรือ”
“ยืนเฉยทำไมอีก คุมตัวผู้ต้องหาไปเร็ว”พวกทหารรับคำ “ครับ”ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ จะพาข้าไปไหน เจ้าพวกสารเลว ปล่อยซี่ บอกให้ปล่อยข้า”
“บังอาจ ปล่อยข้านะ พวกเจ้ากล้าดียังไง ปล่อยนะ”
“พวกเจ้าใส่ร้ายข้าชัดๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้ เจ้าพวกสารเลว”
“จะพาข้าไปไหน บอกให้ปล่อยนะ”บังอาจนัก”
มิ นจูซีมองแล้วกล่าวว่า “อโหสิให้ข้าเถอะนะใต้เท้า ข้ารับใช้ท่านมานาน ท่านยังไม่เหลียวแล ในเมื่อเกิดเรื่องขนาดนี้ ก็ถือว่ารนหาที่เอง”
พระมเหสีโยอึยทรงเห็นองค์ชายวานพงจึงเชิญไปพบที่ตำหนัก
“เป็นไงบ้าง การมาอยู่ในวัง ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกข้าได้นะจ๊ะ”
“ไม่มีพะยะค่ะ ด้วยพระบารมีของฝ่าบาทและพระมเหสี ทำให้หม่อมฉันสบายดีทุกอย่าง”
“จริงหรือจ๊ะ ช่างพูดช่างจาจริงๆ อายุยังน้อยแต่มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่”
“เพราะอนาคต หม่อมฉันต้องสืบบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาท แม้จะเผชิญปัญหาใหญ่น้อย ก็ควรจะมีความสุขุมพะยะค่ะ”
“สืบบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทหรือ คำพูดนี้ใครเป็นคนบอกเจ้าน่ะ”
เวลาเดียวกันพระเจ้าจองโจทรงเสด็จประชุม
“ไม่ ควรปล่อยให้ตำแหน่งรัชทายาทเว้นว่าง นี่มันหมายความว่าไง ว่าไงล่ะเจ้ากรมแช ข้าถามว่าทำไมถึงปล่อยให้ตำแหน่งนี้ว่างไม่ได้ เพราะอะไร”
“เหมือน ที่หม่อมฉันได้ทูลเมื่อซักครู่นี้ ฝ่าบาททรงครองราชย์มาหลายปี แต่จนบัดนี้ยังหาผู้ที่จะเป็นรัชทายาทไม่ได้ เท่ากับทำให้บ้านเมืองสั่นคลอน บัลลังก์ของฝ่าบาทก็หาความมั่นคงไม่ได้ หม่อมฉันจึงอยากเสนอให้สถาปนารัชทายาทโดยเร็ว ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะพะยะค่ะ”
“แต่ว่า คำพูดท่านหมายความว่าไง ข้าไม่เข้าใจตรงนี้ จริงอยู่ ข้ายังไม่มีทายาท แต่ว่า”
“องค์ชายวานพงไงล่ะพะยะค่ะ บัดนี้ราชวงศ์ของเรา มีโอรสบุญธรรมของพระสนมวอนพิน ก็คือองค์ชายวานพงแล้ว”
“ท่านบอกว่าองค์ชายวานพงน่ะหรือ”ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทุกวันนี้องค์ชายวานพง เปรียบเสมือนโอรสองค์โตตามกฎมณเฑียรบาล ให้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทถือว่าเหมาะสมนัก”
“ท่าน เจ้ากรม พูดอะไรออกมาน่ะ รัชทายาทต้องเป็นสายพระโลหิตโดยตรง ที่สำคัญฝ่าบาทยังทรงหนุ่มแน่น มีเวลาที่จะมีทายาทอีก แล้วเรื่องอะไรเสนอให้คนนอกมาเป็นซะล่ะ”
“จริง อยู่ ถ้าฝ่าบาททรงมีทายาทเอง ย่อมจะดีกว่าคนนอก แต่ว่า มัวแต่รอไปรอมาอยู่อย่างงี้ บ้านเมืองก็หาเสถียรภาพไม่ได้ซะที ท่านเข้าใจหรือเปล่า”
“ท่านเจ้ากรม”ฝ่าบาท สมควรแต่งตั้งรัชทายาท เพื่อเห็นแก่ความมั่นคงของราชสำนัก นี่คือสิ่งที่พวกเรา ตั้งใจมาทูลให้พิจารณาพ่ะย่ะคะ”
“ ทรงพิจารณาด้วยเถอะๆๆ”
จบ ตอนที่ 63
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment