Saturday 16 May 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 66


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 66

“อ้อ ฝ่าบาท นี่คืออาหารพื้นเมือง ที่ชาวบ้านที่นี่ตั้งใจนำมาถวาย ปรุงจากเคียวแบ๊ะ มีเฉพาะในถิ่นนี้พะยะค่ะ” นัมซาโชทูล
“งั้นหรือ”
“ลองเสวยดู”
ทัน ใดนั้นซังกุงก็เข้ามาบอกว่ายังมีเครื่องเคียงที่ไม่ได้ถวายอีก นัมซาโชจึงถามว่าชิมหรือยัง ซังกุงบอกว่าชิมแล้ว นัมซาโชจึงให้นำมาถวายได้
พระเจ้าจองโจตรัสถาม “กินได้แล้วใช่ไหม”
“ทรงอภัยด้วยเพคะ”
“ไม่เป็นไร ผิดพลาดกันได้”
ซังกุงออกไปก็บ่นว่าซังกุงอีกคนที่ทำงานสะเพร่า และถามว่า
“ใครเป็นคนชิมเครื่องเสวยชุดนี้”
“ข้าเองเจ้าค่ะ”
“งั้นก็เป็นความผิดของเจ้า ปกติหมี่เย็นแบบนี้ต้องมีเครื่องเคียง เจ้าไม่รู้หรือไง”
“ขอโทษด้วยค่ะ หมี่เย็นที่ถวายไปก่อนหน้า ข้าไม่ได้เป็นคนชิมนะคะ”
ซํงกุ งตกใจ “อะไรนะ ถ้าอย่างงั้น ใครเป็นคนชิมคนแรก บอกมาซิ อะไรกันนี่ ไม่มีใครตอบข้าเลย ขอถามอีกครั้ง ใครเป็นคนชิมหมี่เย็นที่นำขึ้นถวายน่ะ”
“โทษนะคะนายหญิง ทำไมเรื่องนี้ท่านมาถามข้าน้อย เพราะมีซังกุงจากตำหนักใหญ่ รับคำสั่งจากท่านให้มาช่วยงานไม่ใช่หรือ”
“อะไรนะ ซังกุงตำหนักใหญ่รับคำสั่งจากข้าหรือ ข้าไม่เคยสั่งใครซักหน่อย”
“อะไรนะคะ แต่เราเห็นป้ายคำสั่งของท่านชัดๆ นึกว่าท่านเป็นคนใช้ให้มาน่ะค่ะ”
“อะไรนะ ตายแล้ว”
ซังกุงรีบไปบอกนัมซาโชทันที นัมซาโชรีบทูลไม่ให้พระเจ้าจองโจเสวย
“ฝ่าบาทๆ อย่าเพิ่งเสวยพะยะค่ะ ได้โปรดหยุดการเสวยเดี๋ยวนี้”
“ทำไมล่ะ”


“ฝ่าบาท” นัมซาโชอึกอัก
ด้านฮงกุกยองรีบไปหาลูกน้องของเขา ซึ่งก็กำลังลังเลว่าพระมเหสีไม่ได้เสด็จมางาน ฮงกุกยองมาถึงก็ถามว่ายิงหรือยัง
“เอ่อ ยังครับใต้เท้า”
“หึ งั้นหรือ ค่อยยังชั่ว ไม่ต้องยิงแล้ว แผนการล้มเลิก”
“แต่ว่าใต้เท้า เรามองยังไง ก็ไม่เห็นพระมเหสีเสด็จมานี่ครับ”
“หมายความว่าไง”
“งานนี้ไม่มีพระมเหสี มีแต่ฝ่าบาท เสด็จร่วมงานเลี้ยงเพียงลำพัง”
“อะไรนะ หึ”
ซอจังบูก็สั่งให้ทหารคุมทุกด้าน ห้ามคนออกแม้แต่คนเดียว เทซูถามว่ามีเรื่องอะไร
“เกิดอะไรขึ้นน่ะครับ ได้ยินว่าเครื่องเสวยของฝ่าบาทถูกวางยางั้นหรือ”
“ข้าก็ไม่รู้ แต่เห็นว่ามีคนแปลกหน้าแอบอ้างคำสั่งซังกุงห้องเครื่อง ไปชิมเครื่องเสวยเข้า”
เทซูตกใจมาก เวลานั้นแชซังกุงจะออกไปแต่ทหารสั่งห้ามไว้
ฮงกุกยองสั่งให้ทหารไปตามแชซังกุงมาด่วน
“ใต้เท้าคะ ใต้เท้า”
“หา อ้อ หึ แชซังกุง เป็นไงบ้าง ได้รับคำสั่งข้ามั้ย ที่บอกให้ยุติน่ะ”
“ค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านเลยไม่ได้ทำอะไร”
“หึ งั้นหรือ แต่ว่า ทำไมท่านยังอยู่นี่ ไม่รีบออกไปซะล่ะ”
“หึ แต่ว่า ใครก็ออกจากที่นี่ไม่ได้น่ะค่ะ”
“อะไรนะ หึ หึ เอาห่อยามาให้ข้า”
“เจ้าค่ะ หึ หึ”


ฮงกุก ยองรู้สึกผิดอย่างมหันต์ “หม่อมฉัน เกือบทำความผิดใหญ่หลวงที่ไม่อาจให้อภัยได้ซะแล้ว ฮือ เสียทีฝ่าบาททรงไว้วางพระทัยหม่อมฉัน หม่อมฉันกลับคิดไม่ซื่อ ทำสิ่งที่ทรยศต่อพระองค์ ฮือ ฮือ ฝ่าบาท ฮือ”
เวลาเดียวกันที่พักของซองซงยอน พระมเหสีโยอึยทรงตรัสถามหมอหญิง
“ท่านบอกว่าโรควิงเวียนงั้นหรือ”
“ใช่แล้วเพคะ อาการของซองซังกุงเพราะเกิดจากโรควิงเวียนศีรษะ”
“แน่ใจหรือเปล่า จากที่คนสนิทของนางแจ้งมา ข้ายังนึกว่าเป็นอาการตั้งครรภ์ซะอีก”
“หม่อมฉันตรวจดูแล้ว เหมือนจะไม่ใช่เพคะ”
“เฮ่อ งั้นก็ช่างเถอะ ท่านออกไปได้แล้ว”
“เพคะ” หมอหญิงออกไป
“หม่อมฉันคิมซังกุงเพคะ”
“เข้ามา”
“หึ พระมเหสี เกิดเรื่องแล้วเพคะ”
“เกิดเรื่องอะไร ทำไมต้องหน้าตาตื่นเข้ามาด้วย”
“ได้ข่าวว่าในงานเลี้ยงที่ฝ่าบาทไปร่วมด้วย เกิดเหตุการณ์น่ากลัวอย่างหนึ่งเมื่อซักครู่เพคะ”
“เหตุการณ์น่ากลัว หมายถึงอะไรน่ะ”
พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามหัวหน้าองครักษ์
“หมายความว่าไง สอบถามซังกุงห้องเครื่องทุกคนแล้ว ไม่มีใครชิมอาหารของข้างั้นหรือ”
” พะยะค่ะ เท่าที่สันนิษฐาน คงมีผู้ไม่หวังดีแอบปลอมป้ายคำสั่งของซังกุงห้องเครื่อง เพื่อหวังกระทำการบางอย่าง แต่ยังดีที่ว่า เครื่องเสวยไม่มีปัญหา ด้วยพระบารมีจึงได้แคล้วคลาดจากอันตราย แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ยังไงก็ต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง”
“นั่นสิพะยะ ค่ะ ไม่เพียงแต่คนในวังเท่านั้น แม้แต่ชาวบ้านที่มาร่วมงานก็ควรถูกสอบ เพื่อให้ได้ตัวคนที่คิดปองร้ายจริงๆ นะพะยะค่ะ” แชจีคยอมว่า


“งั้นก็ได้ เรื่องนี้ให้พวกท่านไปจัดการ ทำงานให้รอบคอบละกัน”
“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ”
พระเจ้าจองโจจะเสด็จออกไป พระมเหสีโยอึยก็เสด็จมาถึงพอดี ทรงตรัสถามเรื่องที่เกิดขึ้น
ซองซอยอนรู้เรื่องก็จะไปเฝ้าพระเจ้าจองโจ แต่โชบีห้ามไว้
“ไม่ได้นะคะนายหญิง ท่านยังไม่แข็งแรงดี จะออกไปเดินข้างนอกได้ยังไง”
“ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับฝ่าบาท แล้วข้าจะเอาแต่นอนได้ยังไง”
“แต่ว่าท่าน”
“ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าฝ่าบาทเป็นไงบ้าง”
“โธ่ นายหญิงคะ”
ซองซงยอนดื้อไปจนได้ เจอกับเทซูหน้าตำหนัก
“มีธุระอะไรถึงมานี่ได้ครับ” เทซูถาม
“ข้ามาขอเข้าเฝ้า ฝ่าบาททรงอยู่ข้างในใช่ไหม อ้อ ฝ่าบาท” พระเจ้าจองโจเสด็จมาพอดี
“ใครให้เจ้ามาอยู่แถวนี้ สุขภาพไม่ดีก็ควรพักผ่อน แล้วยังออกมาทำไม”
“หม่อมฉัน ได้ยินว่าเกิดเหตุร้ายในงานเลี้ยง ทรงเป็นไงบ้างเพคะ พระวรกายมีปัญหาหรือเปล่า หึ”
“ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้เจ้าพลอยเป็นห่วง แต่ว่า ข้าสบายดี ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ว่าฝ่าบาท”
“รีบกลับที่พักเร็วเข้า เกิดล้มป่วยจริงๆ มิแย่หรอกหรือ เจ้าคือคนสนิทของซองซังกุงใช่ไหม”
“เอ่อ เพคะ ฝ่าบาท”
“รีบพาซองซังกุงกลับที่พักเร็ว ถ้าหาก เห็นนางออกมาเดินข้างนอกอีก ข้าจะลงโทษเจ้าเป็นคนแรก”
“ว้าย พระอาญาไม่พ้นเกล้า หม่อมฉันจะดูแลซองซังกุงอย่างเข้มงวดเพคะ”
เมื่อซองซงยอนกลับไปแล้ว พระเจ้าจองโจมีรับสั่งกับเทซูว่า
“เจ้าเชื่อมั้ยว่าในงานเลี้ยง มีคนคิดทำอะไรบางอย่างน่ะ มีคนใส่ยาในอาหาร เพื่อหวังปองร้ายข้า เจ้าเชื่ออย่างงั้นมั้ย”
” เอ่อ หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า เรื่องไม่คาดฝันอาจเกิดได้ทุกเมื่อ เพราะยังหาต้นตอไม่พบ ว่าเครื่องเสวยของฝ่าบาท ได้ผ่านใครบ้างไม่ใช่หรือ”
“แต่ว่า ถึงจะเป็นเรื่องจริง มันก็มีประเด็นที่แปลก”
“หา แปลกตรงไหนหรือพะยะค่ะ”
” ที่ข้าไปงานเลี้ยงวันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่วางแผนไว้ก่อน เหมือนที่เจ้ารู้อยู่ เดิมที คนที่จะไปคือพระมเหสี แต่นางไปดูแลซองซังกุง ข้าก็เลยมางานนี้แทน ที่ข้าข้องใจก็คือประเด็นนี้ ถ้าจะมาปองร้ายข้าจริง ทำไมไปวางยาในอาหารของพระมเหสีแทนล่ะ หึ ว่าแต่ ใต้เท้าฮงอยู่ไหนรู้มั้ย วันนี้ทั้งวัน ข้าแทบไม่ได้เห็นหน้าเขาเลย กลัวว่า จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เทซูอึ้งไป “เอ่อ หา”

แชซังกุงกังวลใจมากถามฮงกุกยองว่า
“หึ ทำไงดีล่ะคะใต้เท้า ซังกุงที่ห้องเครื่องหลายคนเคยเห็นหน้าข้า อีกไม่นานต้องสาวมาถึงข้าแน่”
“ข้าถึงสั่งแล้วสั่งอีก พอยุติแผนการก็ให้ออกจากที่นี่ทันที”
“ข้าก็อยากไปเหมือนกัน แต่ทหารปิดทางเข้าออกหมด แล้วจะให้หนียังไงล่ะคะ หึ”
“หึ ท่านไปเก็บตัวที่ห้องพักก่อน ไว้คืนนี้ ข้าจะให้คนพาหนีออกจากที่นี่ เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ ใต้เท้า”
หัวหน้าองครักษ์เห็นหน้าฮงกุกยองก็ถามทันทีว่า
“ท่านไปไหนมา ไม่เห็นหน้าทั้งวัน ปล่อยให้ทุกคนตามหาซะแทบแย่ เป็นหัวหน้าหน่วยทหารพิเศษจะละทิ้งหน้าที่ได้ยังไง”
“เอ่อ ขอโทษด้วยครับ ข้าเข้าไปในตัวเมือง สอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้าน”
” อีกไม่นาน จะมีการเรียกตัวซังกุงและนางในทั้งหมด เพราะมีหลายคนเคยเห็นหน้าซังกุงที่แอบอ้างคำสั่ง ถ้าเรียกมาไต่สวน ไม่นานก็จะรู้ความจริง”
“เอ่อ ครับ หึ”
เทซูไปหาซังกุงคนหนึ่ง และถามนางว่า
“หึ ข้าเป็นทหารชื่อปาร์คเทซู มีเรื่องจะขอถามพวกท่าน วันนี้ที่ฝ่าบาท จะเสด็จไปร่วมงานเลี้ยง มีใครมาแจ้งก่อนหรือเปล่า”
” ไม่มีใครมาแจ้งหรอกค่ะ เรายังนึกว่า คนที่เสด็จออกคือพระมเหสีด้วยซ้ำ แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับเห็นฝ่าบาทเสด็จแทน เลยเปลี่ยนเครื่องเสวยไม่ทันน่ะค่ะ”
เทซูฟังแล้วทำให้นึกถึงคำพูดของซอจังบูที่ว่า
“ที่จริงข้าก็ไม่อยากพูด หลายวันก่อนใต้เท้า สั่งให้ข้าไปจับผิดพระมเหสี”
“จับผิดพระมเหสีหรือ”
“ก็ใช่น่ะซี้ แถมยังว่าถ้าไม่เจออะไรก็ให้สร้างหลักฐานเท็จได้”
ระหว่างที่หัวหน้าองครักษ์กำลังสืบหาตัวซังกุงที่ปลอมมา เทซูก็ไปพักจับแชซังกุงที่กำลังให้นายกองคนหนึ่งพาหลบหนี
“ใต้เท้าปาร์ค”
“เจ้ามาทำอะไรแถวนี้”
“เอ่อ คือ คือว่า ข้ารับคำสั่งมา ให้ส่งซังกุงคนนี้ไปจวนผู้ว่าเมืองยางจูน่ะครับ”
“รับคำสั่งจากใคร” นายกองคนนั้นอึกอัก
” ไม่ได้ยินหรือ ข้าถามว่ารับคำสั่งจากใครกันแน่ ตอนนี้ทั้งซังกุงและนางใน ล้วนไปชุมนุมอยู่ที่ลานกว้าง ที่สำคัญ ภายใต้คำสั่งห้ามออกจากที่นี่ ใครอนุญาตให้เจ้าพานางออกไปข้างนอก”
แชซังกุงตกใจร้อง “ว้าย”
“หลีกทางไปเดี๋ยวนี้”
“เป็นคำสั่งใต้เท้าฮง ให้ทำแบบนี้ใช่ไหม พูดมาเร็ว ถามว่าใช่คำสั่งใต้เท้าฮงหรือเปล่า”
นายกองคนนั้นอึกอัก และคิดต่อสู้กับเทซู แชซังกุงรีบหนี แต่ผลสุดท้ายก็ถูกพวกทหารจับกุมตัวไว้ได้ นายกองคนนี้ก็ร้องบอกเทซูว่า
“หึ อภัยให้ข้าเถอะ ข้าเพียงแต่ ทำตามคำสั่งใต้เท้า เขาให้ทำอะไรก็ต้องทำน่ะ ฮือ”
“จริงหรือ นี่เป็นคำสั่งใต้เท้าฮงใช่ไหม ทั้งหมดนี้ เป็นการวางแผนของใต้เท้าฮงจริงหรือเปล่า” เทซูถึงกับถอนหายใจ
ช่วงเวลาไม่นาน ชางแทวู แชซกจูและพวกขุนนางต่างก็รู้เรื่องฮงกุกยอง


นัมซาโชเองก็เข้าไปทูลเรื่องราวให้พระเจ้าจองโจทรงทราบ พระเจ้าจองโจทรงตกพระทัยมาก
“ท่านเอาอะไรมาพูดน่ะ”
“ฝ่าบาท”
เวลาเดียวกันนี้ลูกน้องของฮงกุกยองรีบกลับมาบอกฮงกุกยอง
“นายกองคังถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนแชซังกุง ก็กินยาตายระหว่างหลบหนีครับ ใต้เท้า เราจะทำไงต่อดีครับ”
“อย่าตกใจไปเลย มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว จุดจบ มันต้องออกมาในรูปนี้”
ลูกน้องฮงกุกยองตกใจ “ใต้เท้า”
ซอจังบูกับคังซกกีมาหาฮงกุกยอง
“ใต้เท้า”
“ขอโทษด้วย ข้าทำให้พวกเจ้าผิดหวัง หึ ข้าจะไปเฝ้าฝ่าบาท โปรดผ่อนผัน ให้เวลาข้าซักนิดได้ไหม”
พระเจ้าจองโจทรงตรัสกับนัมซาโชและแชจีคยอมว่า
“พาทหารคนนั้นมาพบข้า ข้าจะไต่สวนด้วยตัวเอง หึ มีเหตุผลอะไรถึงต้องปรักปรำใต้เท้าฮง ข้าจะถามเขาให้รู้”
“ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่การปรักปรำ แต่ใต้เท้าฮงบงการจริงๆ”
“ข้าไม่อยากฟัง บอกแล้วว่ายังไงก็ไม่เชื่อ”
“ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาทๆ ใต้เท้าฮงมาขอเฝ้า รออยู่ในที่ประทับแรมแล้ว”
พระ เจ้าจองโจเสด็จทันที “นี่มันเกิดอะไรขึ้น หึ ช่วยบอกหน่อยซิ ท่านสั่งให้ลูกน้องและแชซังกุง วางแผนปองร้ายพระมเหสี ช่างเป็นการกล่าว หาที่ไร้สาระที่สุด เฮ่อ ข้าแทบไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ เฮ่อ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้อะไรก็รีบบอกข้ามา ใครที่ช่างบังอาจ ปรักปรำท่านถึงขนาดนี้”
“เรื่องนี้ ไม่ใช่การปรักปรำ แต่เป็นความจริงทั้งหมด เหมือนที่ฝ่าบาททรงทราบ เป็นความจริงพะยะค่ะ” ฮงกุกยองร้องไห้ออกมา
“หึ ท่านบอกว่า ท่านบอก บอกว่าไงนะ ความจริงอะไรกัน ใครบอกว่าเรื่องที่เกิด เป็นความจริงหรือ”
“ฮือ ฝ่าบาท ฮือๆๆ” ฮงกุกยองยังกล่าวอะไรไม่ออก เอาแต่ร้องไห้
“ไม่หรอก นี่ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นไปไม่ได้”
“ฮือ ฝ่าบาท ได้โปรด ประหารหม่อมฉันเถอะพะยะค่ะ”
” ไม่ต้องพูดแล้ว หึ มันจะเป็นเรื่องจริงได้ไง ท่านคิดปองร้ายพระมเหสี ใครจะไปเชื่อ ใครจะเชื่อว่าท่านกล้าทำเรื่องแบบนี้ หึ หึ บอกข้ามาซิ เพราะอะไร มีเหตุผลอะไร ทำไมท่านต้องปองร้ายนางด้วย”
“ฮือๆๆ เพราะว่าพระมเหสี ฮือ ทรงรู้ความผิด ฮือ ที่หม่อมฉันทำไว้ ฮือๆๆ”
“อะไรนะ”
“หม่อมฉันเคย ฮือ ปิดบังฝ่าบาท สมรู้ร่วมคิดกับพระหมื่นปี ถูกพระมเหสีทรงทราบเข้า”
พระเจ้าจองโจทรงตกพระทัยอย่างมาก “หา”
“ฮือ หม่อมฉัน ฮือ กลัวว่าฝ่าบาทจะทรงทราบเรื่อง จึงเกิดความคิด จะกำจัดนาง ฮือๆๆ”
“หา เฮ่อ” พระเจ้าจองโจทรงอึ้งไปทีเดียว ฮงกุกยองร้องไห้หนักขึ้น
นัมซาโชเรียก “ใต้เท้าฮง”
“ข้ายังต้อง ขอโทษใต้เท้าทั้งสองด้วย ให้คนมามัดข้าได้แล้ว”

ซองซงยอนมาขอเข้าเฝ้าพระมเหสีโยอึย
“พระมเหสี”
” นั่งเร็วเข้า เจ้ารีบร้อนมาดูข้า แสดงว่ารู้ข่าวแล้วสิ ถึงกับคิดปองร้ายข้า ใช่ มันก็น่าอยู่หรอก ที่แล้วมา เขาคงเกลียดชังข้ายังกะอะไร”
“พระมเหสี”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงแทนหรอกนะจ๊ะ แต่คนอื่นจะรู้สึกยังไง โดยเฉพาะฝ่าบาทจะทรงผิดหวังแค่ไหน สิ่งเหล่านี้ ยังน่าเป็นห่วงมากกว่า”
ที่ ศูนย์ศิลปะฯทุกคนต่างพูดเรื่องของฮงกุกยอง เพราะไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำแบบนี้ ต่างวิจารณ์กันใหญ่ ปาร์คยองมุนเข้ามาได้ฟังแล้วก็ถอนใจ
“คงจะคุยเรื่องไปสุสานหลวงล่ะสิ”
ใต้เท้าคังกล่าว “ไม่แปลกหรอกครับท่าน ตอนนี้ใครๆ ต่างก็พูดถึงแต่เรื่องนี้”
“เฮ่ย แย่จริง”
ช่าง เขียนตั๊กกล่าวกับลีชองว่า “ช่างเขียนลีๆ หึ เจ้าว่า ชะตาของใต้เท้าฮงจะเป็นไงบ้าง ข่าวลือแบบนี้ต่อให้จริงแค่ครึ่งเดียว เขาก็ไม่รอดแล้ว”
ลีชองเห็นด้วย “ก็ถึงว่าน่ะซี้ คนเจ้าเล่ห์ยังไงก็ต้องเจ้าเล่ห์ นอกจากไม่ซื่อแล้วยังทรยศหักหลัง ลามปามถึงเบื้องสูง แบบนี้ไม่ถูกประหารก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
มีซูเตือน “ช่างเขียนลี อย่าพูดอย่างงั้นสิคะ น่ากลัวจะตาย”
“น่ากลัวอะไร เรื่องจริงทั้งนั้น อายุไม่เท่าไหร่ก็มีอำนาจวาสนา ไม่รู้จักควบคุมตัวเองก็เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ”
“มิน่า ใครๆ ก็ว่าเขาร้ายกว่าใต้เท้าชองโฮคยอมในอดีตซะอีก”
“แล้วเขาจะถูกไต่สวนมั้ยคะ”
“ไม่ต้องสอบอะไรอีกแล้ว ข้าว่า ลากไปตัดหัวเสียบประจานก็สิ้นเรื่อง”
ทุกคนตกใจ “ต๊าย”
ลีชองบอกทุกคน “พวกเรา ก็ต้องเตรียมตัวไว้บ้าง คราวนี้อาจต้องไปเขียนรูปใต้เท้าฮงถูกบั่นคอคาตาก็เป็นได้”
ทุกคนกลัว “ตายแล้ว น่ากลัวจัง ไม่อยากฟังแล้ว นั่นสิ เฮ่ย”
แชซกจูรีบมาเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน
“พระหมื่นปี”
“นั่งลง ข้ากำลังอยากพบท่านอยู่พอดี ท่านว่าไงนะ ใต้เท้าชางแทวูขออาสาไต่สวนคดีนี้น่ะหรือ”
” พะยะค่ะ และฝ่าบาทก็ทรงเห็นชอบ มอบอำนาจให้เต็มที่ ใต้เท้าชางจึงประกาศว่าจะสาวถึงเบื้องหลัง ไม่ว่าฮงกุกยองเคยทำอะไร เขาจะขุดคุ้ยให้หมด ที่สำคัญ ไม่เพียงองค์ชายวานพง แม้แต่ขุนนาง ใครก็ตามที่เคยข้องแวะกับฮงกุกยองก็ต้องถูกสอบหมดพะยะค่ะ”
“เฮ่อ ถ้าเขาทำแบบนี้ ที่เราเคยติดต่อกับฮงกุกยอง มิถูกแฉหมดหรอกหรือ ดีไม่ดี เราจะถูกฮงกุกยอง ลากไปตายพร้อมกันด้วย
” เป็นไปได้นะพะยะค่ะ ถ้าชางแทวูลองคิดจะสืบเรื่องนี้ เขาต้องเอาพวกเราไปโยงกับการปลงพระชนม์แน่ ฉะนั้น ช่วงนี้เราต้องเก็บตัว อย่าทำอะไรออกหน้ามากนัก”
“หึ ใต้เท้า ข้าจะแกล้งป่วยแล้วไปอยู่บ้านเดิมซักพัก ส่วนท่านก็หาข้ออ้าง ออกจากราชสำนักซักระยะหนึ่ง ท่านว่าดีหรือเปล่า”
“ดีพะยะค่ะ หม่อมฉันก็เห็นด้วย”
ชางแทวูเข้ามาสอบสวนฮงกุกยอง
“ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหม ถึงจะปิดยังไง ความผิดที่ก่อก็ต้องโชยกลิ่นออกมาอยู่ดี”
“ข้าก็รู้ว่าท่านต้องรับผิดชอบคดีนี้ แต่ว่า ถ้าจะลงโทษก็ลงที่ข้าคนเดียว อย่าไปใส่ร้ายคนอื่น ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
” ถ้าคิดว่าข้าจะแก้แค้นส่วนตัวละก้อ ขอบอกว่าผิด เพราะคนที่มอบหมายงานนี้ให้ข้า คือฝ่าบาทเอง เพื่อเปิดโปงเบื้องหลังวีรกรรมที่เจ้าเคยสร้างไว้ ข้ามีสิทธิ์ทำทุกอย่าง นี่ก็เป็นพระบัญชาเหมือนกัน จงรู้ไว้ด้วย ยืนเฉยทำไม จับนักโทษมัดไว้กับเก้าอี้”
ทหาร 2 คนลงมือจัดการฮงกุกยองทันที
” เห็นแล้วจงจำไว้ด้วย นี่คือจุดจบของอำนาจที่เจ้าแสวงหานัก อีกไม่นานนักหรอก ยิ่งเจ้ามีอำนาจล้นฟ้าเท่าไหร่ วันนั้นจะยิ่งมาถึงเร็วขึ้น และสุดท้าย เจ้าก็จะมีจุดจบไม่ต่างกับข้า ที่ได้แต่อยู่ในเรือนจำ เหมือนข้าตอนนี้ ถูกใครต่อใครหัวเราะเยาะ”
“หึ ๆๆๆ ฮือ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ ฮือๆๆ”
เชกาอดที่จะบ่นถึงฮงกุกยองกับลูกน้องไม่ได้ว่า
“เฮ่ย ทุกวันนี้ มีแต่คนบอกให้ยกเลิกนโยบายที่ใต้เท้าฮงเคยเสนอมา”
“ก็ถึงว่าน่ะสิ นโยบายบางอย่างเป็นเรื่องดีก็ถูกปฏิเสธหมด เห็นทีจะยุ่งยากซะแล้ว”
” ที่แย่กว่านั้นคือ แนวคิดของเขาสอดคล้องกับนโยบายที่ฝ่าบาททรงวางไว้ ดีไม่ดี อาจทำให้นโยบายของฝ่าบาทพลอยชะงักไปด้วย น่าเป็นห่วงจริงๆ”


“แล้วฝ่าบาททรงเป็นไงบ้าง มีข่าวบ้างมั้ย”
“ได้ยินว่าไม่ออกจากตำหนักใหญ่ตั้งหลายวัน”
พระพันปีเฮคยองทรงตรัสถามเรื่องฮงกุกยองกับซังกุ
“แล้วยังไง ผลการไต่สวนเป็นไงบ้าง”
“ได้ยินว่าใต้เท้าฮงยอมรับความผิดทั้งหมด ไม่มีการปฏิเสธ คาดว่า ไม่นานคงมีการตัดสินโทษแน่”
“หึ ใช่ ยังไงคงไม่รอดอยู่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ ยังนึกว่าคนๆ นี้ซื่อสัตย์พอที่จะไว้ใจได้ซะอีก”
“พระพันปี” พระพันปีเฮคยองถอนพระทัย
000000000000000
คิมซังกุงจะมานอนเป็นเพื่อนพระมเหสีโยอึย
“ท่านทำอะไรน่ะ”
“อ้อ หลายวันนี้เห็นพระมเหสีบรรทมไม่ค่อยหลับ หม่อมฉันเลยคิดว่าจะมานอนเป็นเพื่อนน่ะเพคะ”
“หึ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวท่านจะพลอยนอนไม่หลับไปด้วย กลับไปเถอะ”
” ใครว่านอนไม่หลับเพคะ อยู่ที่นี่กลับนอนสบายซะอีก พระมเหสี อย่าทรงคิดเรื่องใต้เท้าฮงอีกเลยนะเพคะ หม่อมฉันแค่นึกถึงว่า ที่แล้วมา เขาแสดงความโอหังต่อพระมเหสีแค่ไหน ก็รู้สึกสมน้ำหน้าเขาแล้ว ถึงหม่อมฉันจะโง่ แต่ความภักดีและทะเยอทะยานมันเป็นคนละเรื่อง คนที่รู้จักแยกแยะสองอย่างนี้ ถึงควรจะอยู่ใกล้ชิดฝ่าบาทนะเพคะ”
แชจีคยอมทูลพระเจ้าจองโจถึงการไต่สวนฮงกุกยองว่า
” นี่คือผลการไต่สวน ที่ใต้เท้าชางส่งมาพะยะค่ะ นักโทษฮงกุกยอง ยอมรับว่าคิดปองร้ายพระมเหสี ส่วนนายกองชื่อ “คังจงพิล” และพลทหาร “ชาง คยอมโฮ” ก็สารภาพว่าทำงานตามคำสั่งของฮงกุกยองพะยะค่ะ ฝ่าบาท”
“ข้ารู้แล้ว พรุ่งนี้จะมีการตัดสินโทษ ท่านออกไปก่อนเถอะ”
“หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม โทษที่เขาได้รับ”
“ความผิดของเขา ทั้งหลอกลวงเบื้องสูง วางแผนปองร้ายพระมเหสี โทษของคนที่ทำผิดขนาดนี้ คิดว่ามีอะไรบ้าง”
ซอจังบูแค้นใจ ต่อว่าฮงกุกยองแรง คังซกกีจึงเตือนเขา ทำให้ซอจังบูโมโห
“ว่าไงนะ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า หาว่าข้าเกินไปหรือ เกินไปยังไง หา”
“เดี๋ยว พี่ซอ ท่านทำอะไรน่ะ” เทซูห้าม
“ปล่อยข้า คนถ่อยก็คือคนถ่อย ใครทำผิด รับโทษก็สมควรแล้ว ไม่เห็นจะเกินไปตรงไหนเลย”
“ข้าไม่ได้ว่าใต้เท้าไม่ผิด แต่ถึงอย่างงั้น เขาก็เคยเป็นนายของเรา แล้วจะไปตำหนิเขา สมน้ำหน้าเขาได้ยังไง” คังซกกีว่า
“เพราะข้าเจ็บใจน่ะสิ มันน่าแค้นนัก ข้ามันตาบอดแท้ๆ หลงนับถือคนอย่างเขา ทำงานให้ถึงป่านนี้”
“แต่ยังไงเจ้าก็ไม่ควรว่าเขา ใต้เท้าไว้ใจเจ้ามาตลอด แถมยังเลื่อนตำแหน่งให้อีกไม่ใช่หรือ”
“อะไรนะ ประชดข้าใช่ไหม”
เทซูเตือน “พี่ซอ ใจเย็นก่อนได้ไหม หา ไม่เอาน่า”
“ข้าซอจังบู เป็นลูกผู้ชายพอนะ”
ฮงกุกยองขอพบเทซู เขาบอกเทซูว่า
” เทซูๆ ข้ามีเรื่องจะไหว้วานเจ้า ที่ห้องทำงานข้า มีบันทึกเกี่ยวกับการปรับโครงสร้าง โดยเฉพาะ การปฏิรูปหน่วยทหารพิเศษและ 5 กองกำลังในราชสำนัก อยากให้เจ้ารับช่วงต่อ และอนาคต ก็สานต่อให้สำเร็จ หึ พอข้า รู้ว่ามีเจ้า ตอนนี้เลยเบาใจขึ้นเยอะ เจ้าอาจคิดว่า ข้ายังมีหน้าขอร้องเจ้าอีกหรือ แต่มันเป็นเรื่องที่ เกี่ยวกับฝ่าบาท ฮือ”
” ท่านทำเพื่ออะไร จนวันนี้ ข้ายังไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ท่านเป็นคนวางแผน ปองร้ายพระมเหสีจริงหรือ ถ้าหาก วันนั้นที่ไปคือพระมเหสี ไม่ใช่ฝ่าบาท ท่านยังคิดจะ เดินหน้าต่อไปอีกมั้ย” เทซูถามอย่างข้องใจ
พระเจ้าจองโจทรงเสด็จมาพบฮงกุกยองคืนก่อนวันตัดสิน ฮงกุกยองตกใจ
“ฝ่า ฝ่าบาท”
“เพื่อจะมีวันนี้ ท่านเลยมาหาข้าใช่ไหม ให้ข้าได้เห็นจุดจบของท่าน สมัยก่อนถึงมาพบข้าในวังงั้นหรือ”
“ฝ่า ฝ่าบาท”
” พรุ่งนี้ ข้าต้องสั่งลงโทษท่านแล้ว รู้ตัวหรือเปล่า ข้า จำเป็นต้องตัดสิน โทษของท่านในขั้นรุนแรงที่สุด ฮือ ทำไมไม่ยอมแก้ตัวล่ะ ข้าเคยบอกว่าเชื่อใจท่าน ไม่ว่าจะพูดอะไร ข้ายินดีเชื่อหมดทุกอย่าง รีบพูดมาเร็วเข้า ไม่ว่าอะไรก็ช่าง ข้าพร้อมจะเชื่อเสมอ ตอนนี้ยังไม่สาย บอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่คิด”
“ฮือ ฝ่าบาท ฮือๆๆ หม่อมฉัน ฮือ เป็นคนถ่อยที่คิดไม่ซื่อ ฮือ ทำความผิดอย่างมหันต์จริงๆ ฮือ เพราะฉะนั้น ทรงลงอาญา หม่อมฉันให้หนักเถอะพะยะค่ะ ฮือ เพื่อไม่ให้หม่อมฉัน มีโอกาส ฮือ ได้ทำความผิด ล่วงละเมิดต่อฝ่าบาทอีก”
“เฮ่อ ในสายตาข้า เห็นท่านเป็นคนยังไง เคยรู้บ้างมั้ย ข้าเคยคิด จะให้ท่านมาช่วยทำงานอีกมาก เพื่อบ้านเมือง หลายโครงการที่ข้าวาดหวังไว้ ล้วนมีท่านเป็นส่วนหนึ่ง สำหรับข้าแล้ว ท่านไม่ได้เป็นแค่ขุนนาง แต่ยังเป็นเพื่อนที่รู้ใจ ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน”
“ฮือ ฮือๆๆ ฝ่าบาท ฮือๆๆ”
“แต่แล้ว ทำไมท่านถึงได้ โหดร้ายกับข้าขนาดนี้ ทำไมต้องทำใน สิ่งที่ข้ายากจะให้อภัย ทำไมต้องให้ข้า เป็นคน สั่งประหารท่านด้วยตัวเอง”
ฮงกุกยองได้แต่ร้องไห้ “ฮือ ฮือๆๆๆ ฮือๆๆ”


พระเจ้าจองโจทรงไประบายทุกข์กับซองซงยอน
“อย่างน้อยก็ละเว้นชีวิตเข้า ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากให้อภัยในบางส่วน อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่ต่อไป”
“ฝ่าบาท”
“แต่ว่า ไม่มีทางเป็นอย่างงั้น ไม่ใช่ ต้องบอกว่าผ่อนผันไม่ได้ เพราะนี่คือ สิ่งที่พระราชาอย่างข้า จำเป็นต้องทำ”
ดัลโฮกลับถึงบ้านมักซูก็ถามว่า
“นี่ เรื่องใต้เท้าฮงไปถึงไหนแล้ว”
“เห็นว่าวันนี้จะตัดสินโทษ ใครๆ ก็ว่า ไม่พ้นตัดหัวคั่วแห้งแน่นอน หรือถ้า โชคดีหน่อย ก็คือประทานยาพิษ”
“อะไรนะ โอ๊ย ตายล่ะ มิน่าพ่อหลานชายของเรา มาถึงก็ดื่มเอาๆ ไม่พูดกับใครเลย”
“หา เทซูมานี่ด้วยหรือ”
“ใช่ มานั่งดื่มตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง เมาก็หลับอยู่แถวนี้แหละ”
“หา เอ่อ เฮ่ย นี่ อ้า มา ดื่มน้ำผึ้งหน่อย เอ่อ อารู้ว่าเจ้าเสียใจมาก แต่ก็อย่าดื่มให้หนักนักสิ”
“ขอโทษด้วยท่านอา”
” หึ มันก็จริง ถ้าข้าอายุน้อยกว่านี้หน่อย ก็อยากดื่มเหมือนเจ้า เพราะมันเป็นความจริงที่โหดร้าย แทบไม่อยากรับรู้ด้วยซ้ำ เอ่อ นี่ แต่ว่า เทซู คือ เรื่องการไต่สวนของกรมอาญา เจ้าพอรู้บ้างมั้ย”
“รู้อะไร”
“ก็ หมายถึงว่า เรื่องที่เกิด จะมีการสอบพยานเพิ่มมั้ย อะไรทำนองนี้”
“ท่านจะรู้ไปทำไม”
“หา โธ่เอ๊ย ข้ากำลังจะบ้า แม้ว่าจะเป็นห่วงใต้เท้าฮง แต่ข้าเอง ก็กลัวจะไม่รอดเหมือนกัน”
“พูดอะไรก็ไม่รู้”
“นี่ เทซู เจ้ามีอาแค่คนเดียว ถ้าข้าเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องช่วยข้ารู้มั้ย หา”
“เฮ่ย พูดให้เข้าใจหน่อยได้ไหม จะมีอะไรเกิดกับท่านได้เล่า”
“ก็คือ แบบว่า จริงๆ แล้ว ข้าแค่ส่งข่าวเท่านั้น ไม่รู้อะไรนะ”
เทซูตกใจ “หา”
” คือก่อนที่ งานเลี้ยง กำลังจะเริ่มขึ้น ข้าได้เจอใต้เท้าฮง ตอนนั้น เขาวิ่งมาเหมือนคนเสียสติแล้วจับข้าไว้ บอกให้ไปห้องเครื่อง ยังไงก็ต้องหาแชซังกุงให้พบ ให้ยุติสิ่งที่เคยสั่งไว้ทุกอย่าง แต่ ตอนนั้น ใครจะไปนึกว่า ที่แท้เขาได้ทำเรื่องน่ากลัวขนาดนี้ จริงมั้ย ข้าเลยไม่คิดอะไร วิ่งหน้าตั้งไปที่ห้องเครื่อง หาแชซังกุงจนพบ แล้วพูดกับนางตามที่ใต้เท้าฮงสั่ง”
“ท่านอา ท่านพูดอีกทีซิ”
“หา อะไร?”
“บอกว่าใต้เท้าฮง ให้ท่านไปพูดอะไรกับแชซังกุง ที่ให้ยุติทุกอย่างน่ะ พูดมาซี่ เขาบอกให้ยุติอะไร”
“เอ่อ คือ คือว่า”

จบ ตอนที่ 66

No comments:

Post a Comment