Tuesday, 5 May 2009
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 61
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 61
ซองซงยอนไม่ยอมบอกอะไรกับฮงกุกยอง บอกเพียงว่าเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น และถ้าฮงกุกยองจะลงโทษเธอก็ยินดี
เท ซูมาหาซองซงยอน เธอก็ยอมบอกความจริงว่าซงอูคือน้องชายของเธอ และขอร้องให้เทซูช่วยพาเขาหนี เทซูยอมไปช่วยซงอู และบอกให้เขาหนีไปให้ไกล เพื่อที่จะได้กลับมาพบพี่สาวอีกครั้งหนึ่ง
แล้วเทซูก็ถูกทหารจับตัวได้ ฮงกุกยองเห็นแล้วตกใจไม่น้อย เขาขอคุยกับเทซูลำพัง เขาคาดคั้นถามเทซูว่าทำไมต้องช่วยคนร้าย เทซูจึงยอมบอกว่าคนคนนั้นคือน้องชายของซองซงยอนที่พลัดพรากกันแต่เด็ก
พระเจ้าจองโจทรงเสด็จไปสอบถามความจริงจากซองซงยอน
” ทันทีที่รู้ข่าวว่าเจ้าถูกทหารจับมา ข้าแทบไม่อยากว่าเป็นเรื่องจริง ยิ่งมาเจอเจ้าที่นี่ด้วย ข้าก็ยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรกับเจ้า เรื่องเป็นมายังไงกัน ทำไมเจ้าถึงได้ทำแบบนี้ บอกข้าหน่อยได้ไหม หรือว่า ถ้าถูกคนร้ายข่มขู่ละก้อ”
“ไม่ใช่หรอกเพคะ ไม่มีใครมาขู่หม่อมฉัน คนที่ใต้เท้าฮงต้องการตัว หม่อมฉันเป็นคนช่วยเขา และให้ที่พักพิงจริงๆ”
“มีเหตุผลหรือเปล่า สิ่งที่เจ้าทำมักมีเหตุผลเสมอ เขามีความสำคัญยังไง เจ้าถึงยืนกรานไม่ยอมปริปาก ซงยอน”
” ถึงหม่อมฉันจะพูดยังไง ก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่ก่อขึ้นได้หรอกเพคะ ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันจึงไม่ได้หวังจะให้มีการลดโทษ ฉะนั้น ถึงใครจะลงโทษยังไง ก็ขอให้ฝ่าบาท อย่าทรงเป็นห่วงหม่อมฉันอีกเลย”
“ซงยอน”
“ฝ่าบาท เจ้ากรมราชทัณฑ์มาขอเฝ้าเพคะ”
“มีธุระอะไร”
“ได้ยินว่ามีนักโทษกบฎถูกจับมาอยู่นี่ หม่อมฉันจึงมารับตัวพะยะค่ะ”
“ไปกรมราชทัณฑ์หรือ”
“ตามกฎหมาย ผู้ต้องหากบฎต้องไปกรมราชทัณฑ์ จะโปรดให้ทหาร คุมตัวหญิงคนนี้ไปได้หรือยังพะยะค่ะ”
พระเจ้าจองโจทรงอึ้ง นิ่งคิดหาทางช่วยซองซงยอน ทรงเรียกฮงกุกยองมาพบ
“เมื่อคืน เห็นว่ายังจับคนร้ายที่หลบหนีไม่ได้ เพราะอะไร”
” ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ แต่หม่อมฉันยังให้คนไปตามหาอยู่ เชื่อว่าไม่นานคงได้ตัวกลับมา ได้ยินว่าซงยอน ถูกคุมตัวไปยังเรือนจำแล้ว คงต้องรีบหาคนร้ายให้พบ เพื่อจะได้ล้างมลทินให้นาง ทั้งหมดนี้ เป็นความผิดของหม่อมฉันพะยะค่ะ”
“เรื่องนี้ ท่านไม่ต้องกังวลหรอก ไม่นานซงยอนต้องถูกปล่อยแน่ ไม่เพียงแต่นางคนเดียว แม้แต่ทุกคนที่ถูกจับ ก็ต้องถูกปล่อยเหมือนกัน”
“หา อะไรนะ”
” ท่านบอกว่าคนที่ถูกจับ ล้วนต้องสงสัยว่าคิดกบฎ แถมยังพบอาวุธในบ้านบัณฑิตยาง สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ใช่ไหม แต่ไม่แน่ว่า ของเหล่านี้อาจไม่ใช่ของพวกเขา”
“หม่อมฉัน ไม่เข้าใจที่ฝ่าบาทรับสั่ง”
” ปืนสิบกว่ากระบอกที่บอกว่าเป็นของกลางล้วนมาจากต้าชิง มูลค่านับล้านตำลึง แต่พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นบ่าวไพร่ ถึงชนชั้นสูงก็ไม่มีสมบัติมากมาย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้ออาวุธ”
“แต่ว่า พวกเขามีแกนนำชื่อ”ยางจินซู ซึ่งหม่อมฉันตรวจพบว่า พักก่อนจู่ๆ เขาก็ขายทรัพย์สินทั้งหมด จนน่าสงสัยว่า อาจจะเอาไปซื้ออาวุธ”
“เปล่า เขาไม่ได้ซื้ออาวุธเลย”
ฮงกุกยองตกใจ “หา”
” หึ ลองอ่านดู อ่านแล้วจะรู้ว่า เงินที่เขาได้มา ไปใช้ที่ไหนหมด ตอนท่านบอกว่าเข้าไปจับพวกเขา โดยแต่ละคนไม่มีการขัดขืน ข้าก็รู้สึกแล้วว่า ประเด็นนี้น่าสงสัยมาก ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าพวกเขามีการซ่องสุมกำลังจริง ทำไมไม่เอาปืนมายิงต่อสู้ เพราะทหารที่ไป แต่ละคนก็มีแค่ทวนกับดาบเท่านั้น ต้องสืบให้รู้ว่าอาวุธพวกนั้นมาจากไหน พวกเขาคิดวางแผนก่อกบฎจริงหรือเปล่า ก็ต้องสืบให้ชัดเหมือนกัน”
ฮงกุกยองทูลพระเจ้าจองโจว่าชายคนนั้นคือน้องชายของซองซงยอน พระเจ้าจองโจทรงอึ้ง และคิดหาทางช่วย
ส่วน ฮงกุกยองก็ไปพาเทซูออกมา และถามเรื่องที่พระเจ้าจองโจให้คังซกกีกับเทซูไปสืบเรื่องที่มาของปืนไฟ ฮงกุกยองถามรายละเอียดจากทั้งสอง
“หมู่นี้แถว ซอกัง และฮูพู มีสินค้าเถื่อนระบาดไปทั่ว โดยเฉพาะต้าชิง ต้องการโสมในปริมาณมาก ทำให้มีการเอาโสมแลกปืนมากขึ้นน่ะครับ”
“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ปืนไฟไม่ใช่สิ่งที่จะนำเข้าออกได้ง่ายๆ”
“ถ้าไม่ใช่ได้จากพ่อค้า หรือว่า จะเป็นพวกโจรสลัดหรือเปล่าครับ”
“อะไรนะ โจรสลัดหรือ”
“ใช่ครับ หมู่นี้แถวเกาะคังวา มีโจรสลัดอาละวาดเป็นประจำ”
“เดี๋ยวก่อน เกาะคังวาหรือ”
“ใช่ครับ”
” หึ หึ ใช่แล้ว เมื่อหนึ่งเดือนก่อน มีเรือสินค้าจากต้าชิง ถูกปล้นบริเวณเกาะคังวา เทซู รีบไปสืบดูว่าสินค้าที่ถูกปล้นมีอะไรบ้าง มีปืนรวมอยู่ด้วยหรือเปล่า”
“ครับ”
“ส่วนพวกเจ้า ไปดูว่ามีใครติดต่อซื้อขายกับพวกโจรสลัดแล้วรีบมาบอกข้า เข้าใจมั้ย”
“ครับใต้เท้า”
แถว ท่าเรือ มินจูซีรู้จากลูกน้องว่าฮงกุกยองเปลี่ยนเป้าหมายมาทางนี้ จึงสั่งให้ลูกน้องจับตาดูให้ดี และรีบมาส่งข่าวแชซกจู เขารีบปรึกษากับพระหมื่นปีจองซุน และคิดว่าพระเจ้าจองโจทรงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีผู้เกี่ยวข้องอีกกลุ่ม หนึ่ง
“มีผู้เกี่ยวข้องอีกกลุ่มหรือ พูดแบบนี้หมายความว่าไง ถ้าไม่ใช่พวกฝักใฝ่นิกายอื่น แล้วใครจะกล้าปองร้ายฝ่าบาท ลงทุนซื้อปืนมาลอบสังหาร มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ เดี๋ยวก่อน หรือว่าจะเป็นพวกเขา”
“พระหมื่นปี ทรงมี เบาะแสแล้วใช่ไหมพะยะค่ะ” พระหมื่นปีจองซุนทรงถอนพระทัย
เท ซูกับซอจังบูไปหลอกซื้ออาวุธแต่ถูกจับได้ ฮงกุกยองออกมาช่วย พวกคนร้ายพากันกินยาพิษฆ่าตัวตาย แต่ฮงกุกยองสั่งให้หมอรักษา และทูลพระเจ้าจองโจให้ทรงทราบ
“เป็นล่ามชื่อ คิมชุงซี หรือ”
“พะยะ ค่ะ เป็นอดีตลูกขุนนางตกยาก ตอนหลังไปเป็นล่ามที่ต้าชิง เพียงไม่กี่ปีฐานะก็ล่ำซำขึ้นใหม่ ถ้าคนแบบนี้ยังมีปืน สามารถคิดปองร้ายได้ แสดงว่าคงไม่ได้กระทำเพียงคนเดียว อาจมีคนบางกลุ่มที่รอดหูรอดตาทางการ วางแผนปลงพระชนม์ฝ่าบาทก็เป็นได้ ฝ่าบาททรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะพะยะค่ะ ถ้าไม่เพราะหม่อมฉันทำงานเลินเล่อแต่แรก คงไม่ปล่อยให้พวกเขาหนีไปง่ายๆ”
” ไม่ ไม่เกี่ยวกับท่านหรอก ทำแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว ถึงจะจับคนร้ายตัวจริงไม่ได้ก็ช่าง อย่าตำหนิตัวเองนัก ตอนนี้ก็พอมีเบาะแสแล้ว ข้าเชื่อว่า ถึงเวลาต้องปราบพวกเขาได้แน่”
“ฝ่าบาท”
” อีกอย่าง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะหยุดพักได้ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าคนกลุ่มนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ก็อย่าจับมาขังไว้ รีบปล่อยให้เป็นอิสระซะ ที่สำคัญ แม้แต่ซงยอนก็ต้องรบกวนท่านด้วย”
“พะยะค่ะ”
ซองซงยอนออกมาได้ก็ถามหาซงอู เทซูบอกว่ารออยู่ที่บ้าน เธอรีบไปพบทันที
“พี่ใหญ่”
“ฮือ ฮือ เจ้ายังไม่ตาย ฮือ ที่แท้ เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ฮือๆๆ”
“พี่ใหญ่”
” ฮือ ขอโทษด้วยนะ ฮือ พี่ต้องขอโทษเจ้า ฮือ ที่จำเจ้าไม่ได้ ฮือ เจ้าช่างเหมือนพ่อของเรา ฮือ ช่างเหมือน ท่านพ่อของเรา ที่เสียชีวิตไปแล้ว ฮือๆๆ แต่พี่ก็โง่ ฮือ เห็นแล้วยังจำไม่ได้อีก ฮือๆๆ ฮือๆๆ น้องพี่ ฮือ น้องพี่ ฮือๆๆ”
เทซูกับดัลโฮพลอยดีใจไปด้วย เทซูต่อว่าซงอู
“แย่จริง บอกแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว ทำไมไม่ยอมพูดกับพี่เจ้าล่ะ”
” หึ มันยากจะเอ่ยปากน่ะครับ ถึงไม่ใช่ความรู้ต้องห้ามก็เถอะ แต่ข้าศรัทธาในนิกายที่ทางการไม่ให้การยอมรับ กลัวจะทำให้พี่ใหญ่เดือดร้อนด้วยเลยไม่กล้าพูดน่ะครับ”
“ถึงงั้นก็ไม่ควรปิดไปเรื่อยๆ ไม่ยอมเผยตัว เจ้าจะไม่ยอมรับพี่สาวหรือไง”
“ซักวันคงได้เปิดเผยน่ะครับ แต่ช่วงนี้ เพราะสถานการณ์บังคับ ให้ข้าต้องอยู่ห่างๆ คอยแอบดูพี่ใหญ่ แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว”
“เฮ่อๆ ยังไงก็ช่าง ได้เจออีกครั้งก็ถือว่าโชคดีแล้วจริงมั้ย เฮ่อๆๆ” ดัลโฮตัดบท
“นั่นสิท่านอา เห็นซงยอนดีใจขนาดนี้ ข้าก็ดีใจตามด้วย”
“ต้องขอบใจเจ้า เพราะเจ้าช่วยเราไว้” ซองซงยอนกล่าว
” เฮ้ย อย่าพูดอย่างงั้น จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร แถมยังถูกจับ ดีที่ฝ่าบาททรงทราบเรื่องด้วย หึ พอข้าถูกจับแล้ว ฝ่าบาทก็ให้คนไปช่วยซงอูในป่า และพามาอยู่ที่นี่ เพราะฝ่าบาททั้งนั้น”
“อะไรนะ”
“เจ้าไม่รู้หรือ พอฝ่าบาททรงทราบเรื่องของเจ้า ก็ให้ใต้เท้านัมไปหาซงอูทันที”
ฮงกุก ยองช่วยซงอูแล้วก็มาทูลพระเจ้าจองโจ ทรงดีพระทัย ฮงกุกยองจึงพูดเรื่องการรับลูกชายขององค์ชายอึนยอนเป็นลูกบุญธรรมให้พระสนม วอนพิน พระเจ้าจองโจทรงยอมอนุญาต เพราะฮงกุกยองมีผลงานไม่น้อย
พระเจ้าจองโจทรงพาพวกขุนนางไปที่ศูนย์รวมของพวกวณิพกขอทาน
“พวกท่านรู้มั้ยว่านี่เป็นที่ไหน”
“ที่นี่ เป็นศูนย์รวมของพวกวณิพกขอทาน เรียกว่า โทมัก”
” ถูกต้อง ที่นี่คือโทมัก ผู้คนที่อยู่นี่ ล้วนเป็นพวกจรจัดไม่มีหัวนอนปลายเท้า และไม่เฉพาะแค่จุดนี้ ยังมีแถว ชองเก และ โซวามุน ที่เต็มไปด้วยชาวบ้านยากจนแทบไม่มีข้าวให้กิน ปัญหาอยู่ที่ไม่เฉพาะแค่ขุนนาง แม้แต่พระราชาอย่างข้าก็ไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง แล้วรู้มั้ยใครที่ยอมขายสมบัติทั้งหมด เพื่อจะช่วยคนเหล่านี้ ก็คือ คนที่ศรัทธาในนิกายชอนจูนั่นแหละ ทุกครั้งที่มานี่ ข้าจะรู้สึกละอายอย่างบอกไม่ถูก เป็นเจ้าแผ่นดินแท้ๆ กลับไม่อาจดูแลปากท้องชาวบ้าน ต้องไปรบกวนคนอื่นแทน ข้าจึงอยากให้พวกท่าน จดจำภาพเบื้องหน้านี้เอาไว้ เข้าใจหรือยัง สิ่งที่เราต้องทำ ไม่ใช่รวมหัวคัดค้านสารพัดนิกายที่เข้ามา หากแต่ช่วยให้ชาวบ้านได้อิ่มปากอิ่มท้อง ไม่ให้อยู่อย่างลำบากต่างหาก”
ฮงกุกยองเห็นฎีกาเรื่องการหาฤกษ์มงคลในการเลือกสนมใหม่ เขาจึงไปเฝ้า และเห็นพระมเหสีโยอึยทูลเชิญองค์ชายอึนยอนกลับไป
” ถ้าจะมาคุยกับองค์ชายอึนยอนเกี่ยวกับเรื่องลูกบุญธรรม ขอบอกให้เลิกล้มความคิดซะดีกว่า เพราะข้าได้อธิบายให้เขาฟัง ว่าเรื่องนี้ผิดต่อธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งเขาก็เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดแต่โดยดี”
“พระมเหสี”
“ที่จริงการจะให้วอนพินมีลูกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก แต่ว่าต้องไม่ใช่ลูกขององค์ชายอึนยอน”
“ไม่ใช่โอรสขององค์ชายอึนยอนหรือ แต่เรื่องนี้ฝ่าบาททรงเห็นชอบ และอนุญาตหม่อมฉันแล้ว”
“ฝ่าบาทน่ะหรือ”
“ถูกแล้วพะยะค่ะ”
” หึ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ข้าคงเห็นด้วยไม่ได้ การเป็นลูกบุญธรรมของวอนพินมีความหมายยังไงบ้าง นั่นก็คือ ตราบใดที่ฝ่าบาทยังไม่มีโอรส ซักวันเด็กคนนี้จะได้ขึ้นเป็นรัชทายาทใช่หรือเปล่า การที่ท่านเสนอเรื่องนี้ อย่าบอกว่าไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อน หรือจะเถียง?”
“แล้วพระมเหสี จะมีรับสั่งอะไรกับหม่อมฉันอีก ทรงหมายความว่า หม่อมฉันทะเยอทะยานอยากเป็นพระมาตุลาของรัชทายาท ใช่ไหมพะยะค่ะ”
” ท่านมีจุดประสงค์อะไร,คงไม่ต้องให้ข้าพูดซ้ำอีก แต่ว่าตำแหน่งรัชทายาทของเรา ต้องเป็นสายพระโลหิตโดยตรงของฝ่าบาทเท่านั้น คนอื่นจะมายุ่งไม่ได้”
“ด้วยเหตุนี้ พระมเหสีจึงโปรดให้รับสนมใหม่ใช่ไหม ที่จริงหม่อมฉัน ก็ไม่คัดค้านหากว่าฝ่าบาทจะทรงมีสนมอีกหลายคน แต่ตอนนี้ตำหนักซุกชาง ยังมีร่องรอยพระสนมวอนพินอยู่ทุกที่ แล้วให้คนใหม่เข้ามาหรือ ปล่อยให้ดวงวิญญาณพระสนมอยู่ไม่เป็นสุขในปรโลก พระมเหสีทรงทำได้ยังไง เป็นเพราะว่า ไม่โปรดที่หม่อมฉันเสนอให้พระสนมมีทายาทใช่ไหม หรือเป็นห่วงว่า หม่อมฉันจะมีอำนาจมากกว่านี้ เลยต้องขวางไว้ก่อนใช่ไหมพะยะค่ะ”
“ใต้เท้าฮง ท่านใช้คำพูดเกินไปหรือเปล่า ข้าเป็นถึงพระมเหสี ท่านเป็นแค่ข้าราชบริหาร มีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่ายการตัดสินใจของข้า ที่แล้วมา ข้าอดทนต่อความสามหาวของท่าน เพราะเห็นใจที่เสียน้องสาว ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา แต่ว่าต่อไปขอเตือนว่าจงอย่าทำอีก เพราะข้าจะไม่มีวันให้อภัยเป็นครั้งที่สอง ส่วนเรื่องจะให้ลูกขององค์ชายอึนยอนมาเป็นโอรสบุญธรรม ข้าก็ไม่เห็นด้วย ฉะนั้นจงอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวของท่าน มาทำให้ราชสำนักมัวหมองอีก เข้าใจมั้ย” พระมเหสีโยอึยเสด็จไปเลย
ฮงกุกยองโกรธ “เฮ่ย ก็เอาซี่ ในเมื่อพระมเหสีรับสั่งแบบนี้ หม่อมฉัน ก็จะทำตามความประสงค์ของพระนาง ฉะนั้นคอยดูไปเถอะ หม่อมฉันจะให้โอรสขององค์ชายอึนยอนมาเป็นลูกบุญธรรมให้ได้ แล้วหลังจากนั้น หม่อมฉันก็จะเป็นพระมาตุลา หึ”
ซองซงยอนคิดจะไปเมืองฮาชองกับซงอู จึงมาบอกปาร์คยองมุน เขาบอกเพียงให้ซองซงยอนลาพักงานไปพักผ่อนได้
เทซูไปเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ และชวนพระองค์ดื่มเหล้า
“นานแล้วที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแบบนี้ ข้าหมายถึงล้อมวงดื่มเหล้าด้วยกัน”
“นั่นสิพะยะค่ะ ครั้งสุดท้ายดูเหมือนว่าฝ่าบาทยังไม่ได้ครองราชย์ แล้วหม่อมฉันตามเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้านข้างนอก”
“หึ ใช่ วันนั้นข้ายังดื่มจนเมา ขายหน้าพวกเจ้าอีกต่างหาก”
“เอ่อ ไม่หรอกพะยะค่ะ”
” แต่พูดก็พูด เมื่อก่อนเวลาไปข้างนอก จะมีเจ้าหรือซงยอนคอยติดตาม ตั้งแต่เด็กมา ที่เราสามคนได้รู้จักกัน ทุกครั้งที่ข้ามีปัญหา คนแรกที่นึกถึงก็คือพวกเจ้า”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท ความจริงวันนี้ หม่อมฉันมาเฝ้าเพราะมีเรื่องบางอย่างจะทูลให้ทรงทราบ”
“งั้นก็พูดมาสิ ข้าก็รู้อยู่แล้ว เจ้าต้องมีอะไรมาพูดแน่”
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน ได้ยินว่าจะมีการเลือกพระสนมใหม่จริงมั้ยพะยะค่ะ ถ้าไง คราวนี้ให้ซงยอนเข้าวังได้ไหม”
“เทซู”
“หม่อมฉันรู้ว่า คนที่ฝ่าบาททรงต้องการมากที่สุดคือซงยอน ฉะนั้น โปรดให้นางเข้าวังเถอะพะยะค่ะ”
“หึ แต่ว่า ข้าทำอย่างงั้นไม่ได้ เจ้าก็รู้ดี เพราะใจของนาง”
” นั่นเป็นเพราะ ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยผิดไปเอง ความรู้สึกของนาง หม่อมฉันเข้าใจดี เรารู้จักกันมานาน และซงยอน ตั้งแต่เด็กจนวันนี้ มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่อยู่ในใจ เมื่อก่อน ที่นางปฏิเสธไม่ยอมเข้าวัง เพราะมีสาเหตุอื่นพะยะค่ะ”
“สาเหตุอื่นหรือ”
“เป็นเพราะพระพันปีพะยะค่ะ เอ่อ ไม่ใช่ความประสงค์ของนาง แต่จำเป็นต้องทำตามรับสั่งของพระพันปี”
“อะไรนะ รับสั่งของเสด็จแม่หรือ”
“สำหรับนางแล้ว ถ้าเป็นสิ่งที่ดีต่อฝ่าบาทก็พร้อมเสียสละเสมอ”
“หา หึ” พระเจ้าจองโจทรงนิ่งคิด
ซองซงยอนกลับจากทำงานก็เข้ามาหาของ
“เอ่อ หายไปไหนนะ แย่จัง”
“หาของสิ่งนี้อยู่ใช่ไหม”
“เอ่อ ฝ่าบาท”
“นี่คือ สายคาดเอวที่ข้าเคยผูกให้เจ้า ตอนเจ้าได้รับบาดเจ็บที่แขน สมัยที่เรายังเด็ก ที่แท้ เจ้ายังเก็บถึงทุกวันนี้หรือ”
“ฝ่าบาท ทำไมเสด็จมาถึงนี่ได้”
“ข้า จะมารับเจ้า ตามข้ากลับวังเถอะนะซงยอน”
“ตามฝ่าบาทกลับวังหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง”
“ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าไม่ยอมเข้าวัง จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เพราะอยากเขียนภาพ หรือเจ้าไม่อยากอยู่กับข้า”
“หา หึ”
“เจ้าเคยไปเฝ้าเสด็จแม่มา ก็เลยตัดสินใจอย่างงั้น”
“ฝ่าบาท”
“รู้มั้ยว่าเป็นความคิดที่โง่ขนาดไหน การไม่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง สำหรับข้าเป็นความเจ็บปวด เจ้าไม่เข้าใจบ้างหรือ”
“เอ่อ เสด็จกลับไปเถอะเพคะ การที่ฝ่าบาทมารับสั่งแบบนี้ หม่อมฉันคงไม่อาจรับได้ เชิญเสด็จกลับเถอะเพคะ หึ”
“ซงยอน”
” ทุกวันนี้ฝ่าบาท ทรงเป็นประมุขแห่งโชซอน ส่วนหม่อมฉัน เป็นเพียงจิตรกรต่ำต้อย เราเหมือนอยู่กันคนละโลก แล้วฝ่าบาทจะทรงลดพระองค์ลงมา”
“แต่ตอนนี้ ข้าไม่ได้พูดกับเจ้าในฐานะพระราชา สมัยก่อน เจ้าไม่ได้รู้จักข้าในฐานะองค์ชาย จนวันนี้ข้าก็ไม่ใช่พระราชาสำหรับเจ้า หึ เข้าใจหรือเปล่า ข้าไม่ใช่พระราชา แต่มาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ขอให้เจ้าอยู่กับข้า โปรดอย่าหนีข้าไปอีก ที่สำคัญ ข้าไม่อยากรอต่อไปอีกแล้ว ไม่อยากฟังเหตุผล ไม่อยากฟังใครพูดทั้งนั้น ถ้าวันนี้เจ้าไม่ไปกับข้า ข้าก็จะไม่กลับวังเหมือนกันรู้ไว้ด้วย”
ซองซงยอนอึ้งไป “ฮือ”
จบ ตอนที่ 61
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment