Tuesday, 5 May 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 60


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 60

ซองซงยอนพาซงอูมาที่บ้าน และขอให้มักซูไปตามหมอตรวจ พอมักซูรู้ว่าซองซงยอนไม่รู้จักกับซงอูก็ขอให้พาไปพักที่อื่น เพราะโรงเตี้ยมเป็นร้านค้า
ขณะที่ฮงกุกยองสั่งการกับพวกเทซู เรื่องการจับคนร้าย พระเจ้าจองโจก็เสด็จเข้ามา ทรงตรัสถามว่าทำไมไม่พักผ่อน ฮงกุกยองตอบว่าถ้ายังจับคนร้ายไม่ได้ไม่อาจที่จะพักได้อย่างสบายใจ
“งั้นหรือ ที่จริงข้าก็รู้นิสัยท่าน ยังบอกให้ไปพักผ่อนอีก ดูเหมือนข้าจะคิดผิดมากกว่า”
“ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ”
” แต่ว่า คนที่จับกลับมา ท่านเชื่อว่าเป็นผู้บงการเรื่องนี้จริงหรือ ที่ข้าถาม เพราะมีข้อข้องใจหลายอย่าง เห็นว่าคนที่ถูกจับ แทบไม่มีท่าทีขัดขืนต่อทหารที่เข้าไป จริงหรือเปล่า”


“หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม ว่าเรื่องนี้ ทรงทราบได้ยังไง”
” ก่อนเข้ามานี่ ข้าถามทหารที่อยู่ข้างนอก เขาตอบแบบนี้ แล้วท่านคิดยังไง คนที่ต้องสงสัยว่าทำร้ายข้า กลับต่อสู้ไม่เป็นและยังให้จับโดยดี ไม่คิดว่าแปลกบ้างหรือ”
“แต่ในบ้านนั้น ไม่เพียงเจอปืนแบบเดียวกับที่ใช้ลอบสังหาร ยังมีอาวุธร้ายแรงอีกหลายอย่างนะพะยะค่ะ”
“งั้นหรือ มีอาวุธร้ายแรงด้วย”
” พะยะค่ะ พรุ่งนี้ นอกจากจะไต่สวนพวกเขาแล้ว แม้แต่คนที่หลบหนีไป หม่อมฉันก็จะให้จับกลับมาเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ฉะนั้นฝ่าบาททรงวางพระทัย ให้หม่อมฉันจัดการเถอะพะยะค่ะ”
“งั้นก็ได้ แต่แรกมาข้าก็ตั้งใจมอบงานนี้ให้ท่านอยู่แล้ว จัดการไปละกัน”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
” แต่ว่า ก็อย่าโหมงานหนักเกินไป วันก่อนเห็นเทซูบอกว่า ท่านไม่กินไม่นอน เอาแต่ดื่มเหล้าหลายวันติดต่อใช่ไหม ความรู้สึกของท่าน ข้าเข้าใจดี แต่ถือว่าเห็นแก่คนที่ล่วงลับ ช่วยทำตัวให้เข้มแข็งหน่อยได้ไหม”
“ฝ่าบาท”
พระ เจ้าจองโจเสด็จกลับไปก็รับสั่งให้แชจีคยอมประกาศความดีความชอบให้ฮงกุกยอง เวลาเดียวกันนี้ฮงกุกยองออกมาเอาเรื่องทหารที่ทูลพระเจ้าจองโจและสั่งไล่ออก แม้พวกเทซูจะคัดค้านก็ไม่ฟัง บอกว่าขึ้นอยู่กับตัวเขาที่จะสั่ง และใครขัดขืนก็ระวังตัวให้ดี
และเรียกซอจังบูเข้าไปพบส่วนตัว มอบเงินให้และยังบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้ เพราะเขาไม่แข็งข้อเหมือนคังซกกีกับเทซู
พระพันปีเฮคยองบอกพระมเหสโยอึยให้เตรียมหาสนมใหม่ เพราะเรื่องทายาทเป็นสิ่งสำคัญ สร้างความหนักใจให้พระมเหสีโยอึยอย่างมาก


ฮงกุกยองมาเข้าเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน พระนางกล่าวยินดีที่จับคนร้ายได้ และยังได้ปูนบำเหน็จจากพระเจ้าจองโจ
” มิได้พะยะค่ะ เนื่องจากยังไม่ได้ไต่สวนข้อเท็จจริง จึงไม่อาจวางใจได้ แต่ยังไงก็ตาม ข้อมูลที่พระหมื่นปีให้มา ถือว่าช่วยหม่อมฉันได้มาก”
“งั้นก็ดีแล้ว ทีนี้จะว่าไง เชื่อหรือยังว่า ข้าภักดีต่อฝ่าบาทด้วยความจริงใจน่ะ”
” ขอทรงอภัย การจะเชื่อคนๆ หนึ่ง คงไม่อาจตัดสินได้ในเวลาอันสั้น แต่พระหมื่นปี ทรงช่วยงานหม่อมฉันได้มาก ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่าบาท ข้อนี้เป็นเรื่องจริง”
“แค่นี้ฟังแล้วก็ชื่นใจ ข้าจะได้รู้ว่ายังพอมีประโยชน์บ้าง ต่อไปก็ยังเหมือนเดิม ข้าพร้อมจะให้ความช่วยเหลือแก่เจ้า มีปัญหาอะไรก็มาบอกได้”
“ถ้าอย่าง งั้นละก้อ หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่ง ไม่ทราบจะรบกวนพระหมื่นปีได้หรือเปล่า หม่อมฉันหวังว่า พระหมื่นปีจะเป็นกำลังสำคัญ ช่วยขจัดเพทภัยที่จะมารบกวนหม่อมฉัน”
“เรื่องอะไร ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ข้าจะช่วยเต็มที่ ขอเพียงเจ้าพูดมา”
ฮงกุก ยองเข้าไปทูลพระเจ้าจองโจ ว่าอยากทำความฝันของพระสนมวอนพินให้เป็นจริง เรื่องการมีทายาท จึงขอเสนอโอรสองค์โตขององค์ชายอึนยอน คือ องค์ชายทัมยี ให้เป็นบุตรบุญธรรมของพระสนม พระเจ้าจองโจขอทรงคิดไต่ตรองก่อน
ด้านพระหมื่นปีจองซุนเรียกแชซกจูมาบอกกล่าว
“พระหมื่นปี รับสั่งถึงโอรสองค์โตขององค์ชายอึนยอนหรือ”
” ถูกต้อง ข้ายังไม่ทันคิดไปไกลขนาดนั้น ฮุกกุกยองกลับทำให้ข้าคาดคิดไม่ถึง ตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่มีทายาทซักคน แล้วจู่ๆ เอาลูกขององค์ชายอึนยอน ไปเป็นลูกบุญธรรมสนมวอนพิน จะมีความหมายอะไรบ้าง ถ้าฝ่าบาทยังไม่มีทายาทอีกหลายปี ไม่แน่ว่าเด็กคนนี้ อาจได้ขึ้นเป็นรัชทายาท ฮงกุกยองจะเอาเรื่องนี้ไปทูลฝ่าบาทเอง และไม่นานจะกลายเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียง ถึงตอนนั้น ท่านก็ให้คนของเรา สนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เข้าใจหรือเปล่า”
“แต่ว่าพระหมื่นปี หม่อมฉัน มีเรื่องหนึ่งรู้สึกไม่เข้าใจ การที่พระหมื่นปี ยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยฮงกุกยอง เพื่ออะไรหรือพะยะค่ะ”
“เพื่ออะไรหรือ”
“พะยะค่ะ”
“สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก ถ้างานนี้สำเร็จได้ ดีไม่ดี เราอาจได้ตัวฮงกุกยองมาเป็นกำลังสำคัญของขั้วอำนาจเก่า”
“อะไรนะ”
” ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เราแค่ปล่อยให้เขาเดินเรื่องต่อไป แล้วคอยหนุนให้คนๆ นี้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น เราก็จะอยู่เบื้องหลังคอยรับผลประโยชน์”

พระ เจ้าจองโจเสด็จไปพบเชกา และบอกว่าคนคือหนึ่งในรายชื่อที่จะต้องไปต้าชิง เพราะเขาสนิทกับคนของชมรมเจดีย์ขาว เชกาตกใจที่พระเจ้าจองโจทรงทราบ แถมยังให้เชกาไปกับพวกชมรมเจดีย์ขาวด้วย พวกชมรมเจดีย์ขาวพากันตกใจไม่น้อย แต่ก็ตื้นตันใจที่พระเจ้าจองโจทรงรู้จักพวกเขา
“นี่คือ สิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ากล้องส่องทางไกลได้มาจากต้าชิง พวกท่าน มีใครเคยรู้จักหรือเปล่า” พระเจ้าจองโจตรัสถาม
“กล่องส่องทางไกลนี่ หม่อมฉันจำได้ว่าเคยมีทูตคนหนึ่ง นำเข้าจากราชวงศ์ หมิงในสมัยก่อน” เชกาตอบ
” ถูกต้อง เพียงแค่กระจกสองแผ่นก็สามารถใช้ขยายการมอง เห็นกระทั่งเป้าหมายที่อยู่ไกล การใช้ของพื้นๆ มาประดิษฐ์ให้เป็นเครื่องใช้ที่มีประโยชน์มหาศาล ถือว่าเก่งมาก แม้เราจะเป็นเมืองขึ้นของต้าชิง แต่ถ้าอย่างไหนมีประโยชน์ เราก็ควรนำมาปรับใช้ และไม่เฉพาะแค่ต้าชิง แม้แต่ประเทศอื่นที่มีวิทยาการและความรู้ต่างๆ ถ้าเป็นสิ่งดี เราจะไม่ปฏิเสธเลย ข้าจึงอยากให้คนรุ่นใหม่ ได้ไปเปิดหูเปิดตาโลกภายนอก นำสิ่งที่เรียนรู้มาพัฒนาบ้านเมืองของเรา”
“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพะยะค่ะ”
” รับสั่งของฝ่าบาททำให้พวกเราตื้นตันเหลือจะกล่าวก็จริง แต่ว่าฝ่าบาท ทรงอภัยที่หม่อมฉัน บังอาจไม่เห็นด้วยกับพระดำริของพระองค์พะยะค่ะ”
เชกาดุ “นี่เจ้า”
“หึ ท่านไม่เห็นด้วยกับความคิดข้า หมายความว่าไงน่ะ” พระเจ้าจองโจตรัสถาม
“เพี้ยนหรือเปล่า ต่อหน้าพระพักตร์ สามหาวแบบนี้ได้ยังไง” เชกาดุอีก
“ไม่เป็นไร อย่าไปห้ามเขา ไหนลองบอกซิ ข้าอยากรู้เหตุผลของท่าน”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า นั่นเป็นเพราะ หม่อมฉันไม่เข้าใจพระดำริของฝ่าบาทจึงได้ทูลเช่นนี้”
“ไม่เข้าใจความคิดข้าหรือ”
” พะยะค่ะ ทุกวันนี้ทางการ มองคนที่หัวสมัยใหม่และนิยมต่างชาติเป็นกบฏ มีการปราบอย่างหนัก แต่ฝ่าบาทกลับส่งเสริมให้พวกเราไปแสวงหาวิทยาการใหม่ๆ สรุปแล้วจะเอาอย่างไหนแน่พะยะค่ะ”
พระเจ้าจองโจทรงแปลกพระทัย “ปราบอะไรกัน ข้าไม่เห็นเข้าใจที่ท่านพูดเลย ท่านบอกว่าทางการ เห็นใครเป็นกบฏและจะปราบพวกเขางั้นหรือ”
เมื่อพระเจ้าจองโจสดับฟังแล้วก็สั่งให้เรียกหัวหน้าองครักษ์มาพบ
“นี่คือ หนังสือที่ค้นได้จากบ้านผู้ต้องหาที่ถูกจับหรือ”
“พะยะค่ะ”


“นี่มันคือ ตำราของนิกาย ชอนจู นี่นา”
“ถูกแล้วพะยะค่ะ”
“อะไรกันนี่ แสดงว่าคนที่ใต้เท้าฮงจับมา ฝักใฝ่นิกายชอนจูงั้นหรือ”
“พะยะค่ะ หลังจากไต่สวนแล้ว เห็นว่าคนเหล่านี้มีความคิดแหวกแนว ไม่น่าไว้วางใจ”
” เกี่ยวกับเรื่องนิกายชอนจู ข้าเคยได้ยินมาบ้าง หลักคำสอนส่วนใหญ่ เน้นสิทธิเสรีและความเท่าเทียมของมนุษย์ มีแนวคิดต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็จริง แต่จะถือเอาแค่นี้ หาว่าพวกเขาคิดกบฏได้ยังไง”
“ไม่เพียงแค่นี้พะยะค่ะ ยังได้ค้นพบอาวุธปืนมากมายในฐานที่มั่นของพวกเขา เรื่องนี้ฝ่าบาทก็ทรงทราบอยู่แล้ว นี่ก็คือหลักฐานสำคัญของการกบฏ”
พระ เจ้าจองโจทรงมีรับสั่งให้เทซูกับพวกเข้าเฝ้า แต่เทซูกับคังซกกีไม่เห็นซอจังบูมาสองวันแล้ว ทั้งสองจึงไปเฝ้าพระเจ้าจองโจด้วยกัน พระเจ้าจองโจสั่งให้ทั้งสองสืบข่าวเกี่ยวกับฮงกุกยอง คังซกกีแปลกใจจึงทูลถามว่าหมายความว่ายังไง
“ข้ากำลังเป็นห่วงอยู่ว่า เขาจะเครียดกับเรื่องงาน จนทำอะไรเลยเถิดหรือเปล่า ทุกวันนี้ข้าเชื่อว่าเขายังเครียดกับเรื่องสนมวอนพินไม่หาย อาจจะด้วยอารมณ์วู่วาม ทำให้ไม่อาจแยกแยะผิดชอบชั่วดี รู้สึกว่าคนที่เขาจับมา มีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ เขาบอกว่า เจอปืนที่บ้านคนร้ายหลายกระบอก จนใช้เป็นหลักฐานได้ แต่เพียงแค่จุดนี้ กลับทำให้ข้าสงสัยมากกว่า”
“รับสั่งว่า สงสัยอะไรหรือพะยะค่ะ”
” เห็นว่าคืนนั้น พวกเขาไม่ได้ขัดขืนการจับกุมด้วยซ้ำ แล้วมันไม่แปลกบ้างหรือ ถ้ามีปืนไฟซุกซ่อนอยู่จริง ทำไมไม่ยิงทหารที่เข้าไปในบ้านล่ะ แสดงว่าเรื่องนี้ ต้องมีเลศนัยบางอย่างแอบแฝง แต่ว่าใต้เท้าฮง คงไม่มีเวลาทำงานให้ข้าอีก จึงอยากให้พวกเจ้า ช่วยข้าสืบเรื่องบางอย่างหน่อย”
“พะยะค่ะ”
เวลา นั้นฮงกุกยองทรมานนักโทษให้สารภาพเรื่องหนังสือ และสั่งให้ซอจังบูตามคนที่หนี และใครที่มีพิรุธให้จับมาให้หมด ซอจังบูไปพบคนที่กล่าวหาว่า ฮงกุกยองจับบัณฑิตไปแล้วหาว่าเป็นกบฏ ซอจังบูไม่พอใจจัดการชายเหล่านั้นจนสลบ โทษฐานที่กล่าวหาฮงกุกยอง


ด้านซงอูฟื้นขึ้นมาก็แปลกใจว่าทำไมมาอยู่ที่นี่กับซองซงยอน
” เอ่อ จำไม่ได้แล้วหรือ เจ้าหมดสติอยู่ถนน “คังพยอง” เสียเลือดมากจนเดินไม่ไหว หึ ดีที่ข้าไปเจอเข้า ไม่งั้นเจ้าคงตายจริงๆ เฮ่ย แต่ยังไงก็ถือว่าโชคดี เจ้าหมดสติไปตั้ง 2 วัน 2 คืน รีบกินยาเร็วเข้า หมอบอกว่าต้องพักผ่อน”
“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก หึ ข้าหายดีแล้ว เพราะข้าเป็นต้นเหตุ ทำให้แม่นางเดือดร้อน ขอโทษด้วย ข้า คงต้องขอตัวก่อน”
ซองซงยอนตกใจ “เอ่อ คือ”
ซงอูลุกขึ้นแล้วเจ็บ “โอ๊ะ”
“ว้าย ระวังหน่อย ถ้าเคลื่อนไหว เจ้าจะเจ็บหนัก”
“โอย ข้าต้องไปจากที่นี่ ไปเดี๋ยวนี้ด้วย”
” เพราะอะไร มีใครตามล่าใช่ไหม ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้ข้างนอกมีแต่ทหาร ถ้าเจ้าบุ่มบ่ามออกไป ไม่เกินสิบก้าวต้องถูกจับแน่ หึ ข้าจะเอายามาให้ใหม่ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากไปเร็วๆ ก็ต้องกินยาเยอะๆ หายก่อนแล้วค่อยว่ารู้มั้ย งั้น เจ้าพักผ่อนนะ”
“ทำไมต้องช่วยข้า รู้ทั้งรู้ว่าข้าถูกทหารตามล่า ทำไมไม่ไปแจ้งความ ให้ทางการรู้”
” ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เพียงแต่ รู้สึกว่าเจ้าไม่ใช่คนเลวร้าย บางที อาจจะ มีความจำเป็นบางอย่างก็ได้ อ้อ จริงสิ แล้วบ้านเจ้าอยู่ไหน ข้าไม่รู้อะไรเลยจึงไม่อาจส่งข่าวถึงใคร ป่านนี้ครอบครัวเจ้าคงเป็นห่วงแย่แล้ว แค่บอกว่าอยู่ไหนก็ได้ ข้าจะหาทางส่งข่าวให้พวกเขารู้”


“ไม่ต้องทำอย่างงั้นหรอก ข้า ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีตั้งนานแล้ว เหลือข้าตัวคนเดียว”
ซองซงยอนฟังแล้วตกใจ “หา”
” เห็นว่าตอนข้ายังเด็ก พ่อแม่แท้ๆ ก็จากไป มีแต่พี่สาวคนหนึ่ง ที่พยายามจะเลี้ยงดูข้า แต่ว่า สุดท้ายก็เกินกำลัง จำเป็นต้องพรากจาก ป่านนี้พี่สาวข้า คงนึกว่าข้าตายไปนานแล้ว”
“เอ่อ อ้อ ขอโทษด้วยนะ ข้าไม่ควรสอดรู้สอดเห็น”
“ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่ผ่านไปนานแล้ว ถ้ายังไง ข้าขอตัวดีกว่า”
“หา อะไรนะ”
“เจ้าบอกว่าถ้ากินยาก็ไปได้ไม่ใช่หรือ ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีก”
“เอ่อ ไม่ได้หรอก เจ้ายังเดินแทบไม่ไหวเลย”
” มีบางคน กำลังรอให้ข้ากลับไป ถ้าไม่เห็นหน้าข้า พวกเขาจะรออยู่ที่ๆ นัดหมาย ข้าไม่อยากให้เขา มีอันตรายเพราะข้าเป็นต้นเหตุ ข้าต้องกลับไป บอกให้พวกเขาไปจากที่นั่นซะ ขอบคุณมาก เราคงไม่ได้พบกันอีก แต่ข้าจะอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้คุ้มครองแม่นางตลอดไป และมีแต่ความโชคดี”
“แค่ส่งข่าวใช่ไหม ส่งข่าวแทนเจ้าก็พอแล้วนี่ บอกข้ามาเร็ว แค่ส่งข่าวให้พวกเขารู้ ให้ไปจากที่นั่นก็พอใช่ไหม”
“แต่ แต่ว่า”


“ถ้าอย่างงั้น ให้ข้าไปแทน”
“ไม่ได้หรอกนะ มันเสี่ยงมาก”
” ข้าก็เคยมีน้องชายคนหนึ่ง แต่เราจากกันตอนเขายังเด็กมาก นับแต่นั้นเหมือน ข้าสูญเสียน้องไปแล้ว จากนั้นอีกหลายปี ข้าเคยไปตามหาเขา แต่กลับได้ยินว่า เขาตายด้วยโรคระบาด เรื่องของเรื่อง ต้องโทษว่าข้าไม่ดีเอง ทีแรกคิดว่า ส่งเขาไปอยู่กับเศรษฐีแล้วจะสบาย ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ข้าคงจะ ไม่มีวันยกเขาให้คนอื่นเด็ดขาด หึ เจ้าบอกว่ามีพี่สาวใช่ไหม ถ้านางรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ คงจะดีใจไม่น้อย ฉะนั้น อย่าทำลายตัวเองง่ายๆ ยังไงก็ต้องอยู่ต่อไป เพื่อให้ได้เจอกับพี่สาวอีกครั้ง ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ในที่สุดซงอูก็ยอมให้ซองซงยอนช่วยส่งข่าวให้ และพอซองซงยอนไปพบปาร์ควอนแฮ ทำให้นางรู้ว่าซงอูคือน้องชายของเขา ซองซงยอนดีใจมาก
“เขาก็คือซงอู ชื่อของเขาคือ ซองซงอู”
“นี่แปลว่า ท่านไม่ได้ล้อเล่นกับข้านะ เอ่อ หนุ่มคนนั้น ชื่อซงอูจริงหรือ”
“ใช่ เขาก็คือ น้องชายที่เจ้าส่งไปอยู่ซานยอง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว”
“เป็น เป็นไปไม่ได้ มีคนบอกว่าเขา เป็นโรคระบาด ตายไปแล้ว”
” นั่นไม่ใช่ความจริง แต่เป็นเพราะว่า พ่อแม่บุญธรรมที่เอาเขาไปเลี้ยง พอโตขึ้นหน่อยก็จับไปขายซะ พอเจ้าไปหา พวกเขาก็เลยโกหก ภาพเขียนนี้ ยังจำได้หรือเปล่า”
ซองซงยอนมองแล้วร้องไห้ “นี่คือ สิ่งที่เขาหวงแหนที่สุด เขาบอกว่าวันที่พรากจาก พี่สาวเป็นคนใส่ไว้ในเสื้อของเขา มีรูปของพ่อแม่ และพี่สาวไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะไม่หยิบภาพนี้ออกมาดู”
ซองซงยอนร้องไห้ “น้องพี่ ฮือๆๆ ฮือๆๆ ฮือ น้องพี่ๆ ฮือ”
มื่อ นางรู้เช่นนั้นแล้วก็วิ่งกลับบ้านไปด้วยน้ำตานองหน้า เมื่อนางถึงบ้านก็พบว่าฮงกุกยองนำทหารมาล้อมบ้านนางเอาไว้ เพราะซอจังบูสืบตัวหมอที่รักษาซงอูพบ ฮงกุกยองจึงมาตามซองซงยอน และจับตัวไปทันที
พระเจ้าจองโจทรงเสด็จออกไปนอกวัง ดูความเป็นอยู่ของประชาชน และได้พบกับคนของบัณฑิตยางจินซู ออกมาแจกข้าวคนจน จึงเรียกมาสอบถาม และบอกว่ายางจินซูถูกจับข้อหากบฏ ทั้งที่เขาเป็นคนใจบุญช่วยเหลือคนยากจน ทันใดนั้นนัมซาโชก็เข้ามาทูลว่าซองซงยอนถูกจับ พระองค์จึงรีบเสด็จกลับ

จบ ตอนที่ 60

No comments:

Post a Comment