Monday, 25 May 2009

ละคร...กลยุทธ์การแก้ไข...ประวัติศาสตร์ชาติของเกาหลีใต้...



ถึง นักคัดลอกจากนิตยสารบางฉบับ

เนื่องด้วยบทความต่าง ๆ ที่ ทีมงานเขียนขึ้นนั้น เราตั้งใจจะทำให้เป็นวิทยาทานให้แก่ผู้สนใจ ซึ่งทางทีมงานของเราไม่ได้หวงห้ามในการคัดลอกข้อความ แต่ด้วยสาเหตุที่ท่านได้นำบทความของเราไปใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจของท่านด้วยการนำบทความหรือข้อความที่ทีมงานได้เขียนขึ้น ไปตีพิมพ์ในนิตยสารของท่านและวางจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศในขณะนี้ จึงนับเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

ขณะนี้เราทราบว่าท่านได้แวะเวียนมาคัดลอกบทความของเราเป็นประจำ แล้วนำไปตัดต่อหัวท้ายบทความ ขณะนี้เราได้รวบรวมหลักฐานเรียบร้อยแล้ว...และพร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับท่านตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537

ดังนั้น หากท่านไม่ต้องการให้เกิดเรื่องดังกล่าว กรุณาดำเนินการอย่างมีมารยาทในการคัดลอก ด้วยการ เครดิตที่มาของบทความให้ชัดเจน

ทั้งนี้แจ้งมาเพื่อเป็นการตักเตือนให้ทราบก่อนที่เราจะดำเนินการกับท่าน เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับผู้กระทำผิดตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ ของประเทศไทย

กาญจน์มุนี ศรีวิศาลภพ (ร้อยตะวัน) & TWSSG TEAM
roytavan@hotmail.com / byjtwssg@gmail.com


Dangun Wanggeom or Hwanung
Hwannug was the legendary founder of Gojoseon


ละคร...กลยุทธ์การแก้ไข...ประวัติศาสตร์ชาติของเกาหลีใต้...

สำหรับท่านที่อยู่ในวงการละคร บันเทิง และผู้ผลิตสื่อต่าง ๆ หลายท่านคงเข้าใจ
ถึงพลังอำนาจของสื่อละครกันเป็นอย่างดี ...และด้วยเหตุดังกล่าวรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ร่วมพลังสานสามัคคีในการที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ผ่านละคร TV อย่างต่อเนื่องในขณะนี้

ด้วยการสนับสนุนให้ ผู้ผลิตรายการละคร แต่ละช่องของประเทศสร้างละครและภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบัน ค่ายโทรทัศน์ที่เรารู้จักกันดีของเกาหลีใต้ คือ MBC , SBS , KBS 1, KBS 2, เป็นต้น ขณะเดียวกันก็เน้นที่ Arirang Global TV ซึ่งถือว่าเป็น ช่อง TV ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ไม่แพ้ NHK , CNN , CCTV ...ect.

และนี่คือกลยุทธ์หนึ่งที่นำมาใช้เพื่อการแก้ไข...ประวัติศาสตร์ชาติของเกาหลีใต้...
เหตุที่ผู้เขียนกล่าวเช่นนี้ก็เพราะเดิมนั้น ประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลีใต้ถูกเขียนขึ้นโดย จีนและญี่ปุ่น..แทบทั้งสิ้น. .ด้วยเหตุที่เกาหลีใต้เคยตกเป็นอาณานิคมของจีนและญี่ปุ่นมาก่อนนั่นเอง...

ตัวอย่างละครที่เข้ามาฉายในประเทศไทย..และนำพาให้คนไทยรู้จักประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้มากขึ้นไม่มากก็น้อย ก็คงต้องกล่าวถึง สี่กษัตริย์ประวัติศาสตร์เกาหลี อันได้แก่ กษัตริย์ จูมง ,กษัตริย์ มู, กษัตริย์กวางเกโตมหาราช และ กษัตริย์จองโจ หรือลีซาน ที่กำลังฉายอยู่ขณะนี้...
หากเราจับตามองวงการละครของประเทศเกาหลีใต้ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา 2007 -2008 จนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ทุ่มเทงบประมาณให้กับกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอย่างมากมายมหาศาล รวมทั้งเตรียมแผนส่งเสริมประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมของประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความพยายามที่จะจัดงานเทศกาลภาพยนตร์บันเทิง หรือการรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมเทศกาลอาหารเกาหลี ควบคู่ไปกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหอการค้าประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง...นับว่าเป็นความชาญฉลาดของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่น่าจับตามอง...

ตัวอย่างละครที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชนชาติของเกาหลีที่ประเทศไทยเคยนำมาออกอากาศแล้ว 4 เรื่อง ได้แก่ Jumong , Seo Dong Yo , The Legend , Yi San ซึ่งละครทั้งหมดนี้สร้งโดย Base on Real Story ทั้งสิ้น


Jumong The first King of Goguryeo

King Dongmyeong of Goguryeo (58 - 19 BC, r. 37 – 19 BC), "Dongmyeongseongwang" (東明聖王) also known by his birth name Jumong, was the founding monarch of Goguryeo, the northernmost of the Three Kingdoms of Korea. In the Gwanggaeto Stele, he is called Chumo-wang (King Chumo). In the Samguk Sagi and the Samguk Yusa, he is recorded as Jumong, with the surname Go. The Samguk Sagi states that he was also known as Chumo or Sanghae (상해, 象解). The name is also transcribed in other records as Chumong (추몽, 鄒蒙), Jungmo (중모, 中牟 or 仲牟), or Domo (도모, 都牟).

Jumong's kingdom of Goguryeo eventually grew into a great regional power. Goguryeo stood for 705 years and was ruled by a total of 28 kings in the Go Royal Family until it was conquered by the Silla-Tang alliance. Balhae and Goryeo succeeded it, and the modern descendants of Jumong still bear his family name "Go."


King Mu of Baekje

King Mu of Baekje (600 - 641, ? - 641) was the 30th king of Baekje, one of the Three Kingdoms of Korea. He was the son of King Beop.

The Samguk Yusa relates a legend regarding Mu's marriage to a princess of Silla, although historians consider it unlikely to be true, given the hostilities between the rival kingdoms. In this story, the young Seodong (Mu's childhood name) falls in love with Silla princess Seonhwa, and intentionally spreads a song about the princess and himself among the people[5]. Thanks to this song ("Seodong-yo," or "Seodong's Song") king Jinpyeong of Silla banishes the princess, and Mu marries her and becomes the king of Baekje.

Mu is one of the main characters of the South Korean television drama Seo Dong Yo (서동요). In the drama, Mu appears as the hidden fourth son of King Wideok of Baekje. After his mother's death, Mu meets his future wife, Princess Seonhwa of Silla, and falls in love with her.



Gwanggaeto the Great King of Korea

Gwanggaeto the Great of Goguryeo (374-413, r. 391-413) was the nineteenth monarch of Goguryeo, the northernmost of the Three Kingdoms of Korea. His full posthumous name roughly means "Very Greatest King, Broad Expander of Territory, buried in Gukgangsang.", sometimes abbreviated to Hotaewang or Taewang. He selected Yeongnak as his era name, and was called King Yeongnak the Great during his reign.

Under Gwanggaeto, Goguryeo once again became a major power of East Asia, having enjoyed such a status in the 2nd century CE. Upon King Gwanggaeto's death at thirty-nine years of age in 413, Goguryeo controlled all territory between the Amur and Han Rivers (two thirds of modern Korea, Manchuria, and parts of the Russian Maritime province and Inner Mongolia).
In addition, in 399, Silla submitted to Goguryeo for protection from raids from Baekjae. Gwanggaeto captured the Baekje capital in present-day Seoul and made Baekje its vassal. Many consider this loose unification under Goguryeo to have been the only true unification of the Three Kingdoms.

Gwanggaeto's accomplishments are recorded on the Gwanggaeto Stele, erected in 414 at the site of his tomb in Ji'an along the present-day Chinese-North Korean border. It is the largest engraved stele in the world.



Emperor Jeongjo of Joseon

King Jeongjo (1752–1800) was the 22nd ruler of the Joseon Dynasty of Korea. Because of his various attempts to reform and improve the nation, King Jeongjo is regarded as the reformation ruler in Joseon. He was preceded by his grandfather King Yeongjo (1724–1776) and succeeded by his son King Sunjo (r. 1800–1834). He is widely regarded as one of the most successful and visionary rulers of Joseon along with King Sejong.

***ส่วนละครประวัติศาสตร์ที่ยังไม่มีใครนำเข้ามาฉายในประเทศไทยได้แก่ Kingdom of the winds , Dae jo yong , Dae wang Sejeong , Empress Chunchu , Ja Meung Go และ Queen Seon Duk ซึ่งกำลังจะออกอากาศในประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้...



The Kingdom of The Winds
The drama about the life of Jumong's grandson, Moo Hyul, who was born with a curse to kill his parent, siblings, son and destroy Goguryeo.

เรื่องราวของกษัตริย์แดมูชินซึ่งเป็นหลานชายของกษัตริย์จูมง เดิมชื่อ มูฮุล ซึ่งเป็นผู้ฆ่ากษัตริย์ แทซู (ลูกชายของกษัตริย์กึมวาแห่ง ดงบูยอ ผู้ขับไล่องค์ชายจูมงออกจากอาณาจักรดงบูยอ) ซึ่งทำให้อาณาจักรดงบูยอล่มสลาย และภายหลังได้กลายมาเป็น...แดมูซิน กษัตริย์องค์ที่ 3 ของ โคคูเรียว

Daemusin of Goguryeo

King Daemusin of Goguryeo (4-44, r. 18-44) was the third ruler of Goguryeo, the northernmost of the Three Kingdoms of Korea. King Daemusin led early Goguryeo through a period of massive territorial expansion, conquering several smaller nations and the powerful kingdom of Dongbuyeo.

Prince Muhyul was the third son of King Yuri, and grandson of Jumong. He was made crown prince in the year 14, at the age of 11, and became king upon his father's death four years later. He was buried in Daesuchonwon.

Daemusin strengthened central rule of Goguryeo and expanded its territory. He annexed Dongbuyeo and killed its king Daeso in 22. Along the Amnok River, he conquered Gaema-guk in 26, and later conquered Guda-guk.

(Geumwa's eldest son Daeso became the next King. King Daeso attacked Goguryeo during the reign of its second ruler, King Yuri. Goguryeo's third ruler King Daemusin attacked Dongbuyeo and killed King Daeso. After internal strife, Dongbuyeo fell, and its territory was absorbed into Goguryeo.)


Dae Jo Yeong of Balhae (กษัตริย์แดโจยัง แห่งบัลเฮ)

The life about King Dae Jo Yeong and other heroes of the Balhae Kingdom. Yi Hae Go is Dae Jo Yeong's enemy and they both fight for the love of Cho rin. Cho rin is from the Georan tribe and she loves Dae Jo Yeong. But Dae Jo Young ends up marrying King Bojang's niece, Suk young.

ละครเกี่ยวกับกษัตริย์แดโจยังและนักรบของช่าวบัลเฮ ซึ่งกษัตริย์แดโจยังต้องต่อสู้กับอิ เฮโกะ ทั้งสองต้องต่อสู้กันทั้งทางการเมือง และความรัก เพราะเขาทั้งสองได้ชอบผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือ โชริน ซึ่งเธอมาจากเผ่าส์โกรัน แต่เธอนั้นมีใจชอบพอกับแด โจยัง แต่แด โจยังกลับไปแต่งงานกับหลานสาวของกษัตริย์โบจางที่ชื่อ ซุกยังแทน

Dae Jo-yeong or King Go of Balhae : The frist of Balhae

Dae Jo-yeong (Unknown - 719), also known in Korea as King Go (Hangul: 고왕, Hanja: 高王), established the state of Balhae, reigning from 699 to 719. His origin is heavily disputed (see below); most Korean scholars believed that he was of Goguryeo heredity, but most scholars in China believed that he was of Mohe (Malgal) ancestry.


The Great King Sejong of Choson (กษัตริย์เซจงมหาราช)

This drama is about the life of the fourth king of the Choson Dynasty, King Sejong. He is best remembered for creating the native Korean alphabet, Hangul.

ละครเรื่องนี้เกี่ยวกับกษัตริย์องค์ที่สี่ของราชวงศ์โชซอน กษัตริย์เซจง ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่คิดค้นตัวอักษรเกาหลี ฮันกุลขึ้นมา

Sejong the Great King of Korea

Sejong the Great (May 6, 1397 – May 18, 1450, r. 1418 - 1450) was the fourth king of the Joseon Dynasty of Korea. He is best remembered for creating the Korean alphabet hangul, despite strong opposition from the scholars educated in hanja (Chinese script). Sejong is one of only two Korean rulers posthumously honored with the appellation "the Great," the other being Gwanggaeto the Great of Goguryeo.



จักรพรรดินีชอนชู(ฮวางโบซู)

จักรพรรดินีชอนชูมีมีชื่อเดิมว่าฮวางโบซู นางเป็นหลานสาวของปฐมกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โครยอ และเป็นพระราชินีในพระเจ้าคยองจง(กษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์โครยอ)
อีกทั้งยังเป็นน้องสาวของพระเจ้าซองจง(กษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์โครยอ) และเป็นพระมารดาของพระเจ้าโมกจง(กษัตริย์ลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์โครยอ)ด้วย

ฮวางโบชูจำต้องแตกหักกับญาติพี่น้องของตัวเองเพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใน โครยอ แม้นางต้องสูญเสียทุกสิ่งที่นางรักไป แต่นางก็ยังมุ่นมั่นที่จะทำเพื่ออาณาจักรโครยอโดยไม่เคยย่อท้อ
ฮวางโบซูเกิดในปี ค.ศ. 964 นางเป็นลูกสาวของลูกชายในปฐมกษัตริย์แทโจกับพระราชินีซอนอึย เมื่อพระราชินีซอนอึย พระมารดาของนางสิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน พระจักพรรดินีซินจองซึ่งมีศักดิ์เป็นพระอัยยิกา(ย่า)จึงได้รับนางและน้องสาว มาเลี้ยงดู

โดยองค์ชายวังชี พี่ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันก็คือพระเจ้าซองจง กษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์โครยอนั่นเอง นอกจากนั้นฮวางโบซอลหรือพระราชินีฮอนจองน้องสาวของฮวางโบซูยังเป็นผู้ให้ กำเนิดพระเจ้าฮยอนจง กษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์โครยออีกด้วย แม้ฮวางโบซูจะมีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ แต่นางก็กลายมาเป็นผู้นำที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของเกาหลีในที่สุด
นับตั้งแต่นางพบกับคังโจ(ข้าราชบริพารฝ่ายทหาร) และคังกัมชัน(นายพลที่มีความสามารถ) ฮวางโบซูก็เริ่มมีความมุ่งหวังอันยิ่งใหญ่ที่จะรวมชาวโกคูรยอ, ชาวพัลแฮ และชาวชิลลา เข้ามาอยู่ในอาณาจักรโครยอ ภายใต้การปกครองอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

Empress Chun Chu

The drama is about the third empress of the Goryeo era who fought against the Tungusic people of Manchuria in order to achieve their dream of reclaiming their old land.


Empress Cheonchu

Empress Cheonchu and Kim Chi-yang to overthrow Mokjong of Goryeo . King Mokjong is known for his reform of the Jeonsigwa (land-allotment system), and for a plot by his mother,Empress Cheonchu and Kim Chi-yang to overthrow him. In the course of the turbulent events surrounding the plot, Mokjong was dethroned and sent into exile in Chungju. However, he was slain before he arrived there. Mokjong's tomb was known as Gongneung, but its present location is not known.


Queen Seon Duk of Silla (ราชินีซงดุกที่เป็นราชินีคนแรกของชิลลา)

กษัตริย์จิงเปียวไม่มีลูกชายที่จะให้สืบทอดบัลลังก์ของเขา ดังนั้นเขาจึงตั้งให้ลูกสาวคนโตของเขา "องค์หญิงดุกมัน" มาเป็นรัชทายาทของเขา ละครเรื่องนี้จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับองค์หญิงองค์นี้ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็นราชินีซงดุกที่เป็นราชินีคนแรกของชิลลา

King Jinpyeong did not have any sons to name as a successor to his throne. Thus he named his daughter, Princess Duk Man, to be his successor. The drama will be about the life of Princess Duk Man who was later known as Queen Seon Duk, the first Queen of Silla.

Queen Seondeok of Silla

Seondeok (Sŏndŏk) reigned as Queen of Silla, one of the Three Kingdoms of Korea, from 632 to 647. She was Silla's twenty-seventh ruler, and its first reigning queen.

In 634, Seondeok became the sole ruler of Silla, and ruled until 647. She was the first of three female rulers of the kingdom (the other two being: Jindeok of Silla and Jinseong of Silla), and was immediately succeeded by her cousin Jindeok (Chindŏk), who ruled until 654.
Sondok's reign was a violent one; rebellions and fighting in the neighboring kingdom of Baekje filled her days. Yet, in her fourteen years as queen of Korea, her wit was to her advantage. She kept the kingdom together and extended its ties to China, sending scholars there to learn. Like Tang's Empress Wu Zetian, she was drawn to Buddhism and presided over the completion of Buddhist temples.

She built the "Tower of the Moon and Stars," or Cheomseongdae, considered the first observatory in the Far East. The tower still stands in the old Silla capital of Gyeongju, South Korea.



Princess Ja Myung Go (องค์หญิงจามยองโก)

ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน อาณาจักรนังนังมีกลองศํกดิ์สิทธิ์
ชื่อจามยอง (จามยองโก) ซึ่งสามารถส่งเสียงดังได้เองเมื่อมีข้าศึกมารุกราน
แต่ในความเป็นจริง จามยองโก ไม่ใช่กลอง แต่คือลูกสาวของพระราชา องค์หญิงจามยองโก

องค์หญิงจามยองและองค์หญิงนักรังเกิดในวันและเวลาเดียว ทั้งคู่เกิดจากพระบิดา
องค์เดียวกันแต่ต่างมารดา มีคำทำนายว่าองค์หญิงองค์หนึ่งจะเป็นผู้กอบกู้ประเทศชาติ
ในขณะที่อีกองค์หนึ่งจะเป็นผู้ทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรลง
มารดาขององค์หญิงนักรังใช้อำนาจของครอบครัวที่มีอยู่โน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อว่า
บุตรสาวของนางคือคนที่จะกอบกู้ประเทศ
ในขณะที่องค์หญิงจามยองซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่จะทำให้ประเทศประสบกับหายนะ
หนีรอดจากความตายมาได้โดยความช่วยเหลือของมารดา และเติบโตขึ้นมาในฐานะสามัญชน
เมื่อนางทราบถึงฐานะที่แท้จริงของตนเอง องค์หญิงจามยองเดินทางกลับสู่อาณาจักรของนาง
ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองและการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ

องค์หญิงจามยองและองค์ชายโฮดงแห่งอาณาจักรข้าศึกโกคุรยอตกหลุมรักกัน
แต่ชะตาลิขิตไม่ให้ทั้งคู่ได้สมหวัง องค์หญิงนักรัง ที่หลงรักองค์ชายโฮดงอยู่เช่นกัน
จงใจมอบอาณาจักรของตัวเองให้กับเขาโดยการทำลายกลองศักดิ์สิทธิ์ลง
องค์หญิงจามยองที่ต่อสู้เพื่อกอบกู้อาณาจักรของนาง สุดท้ายได้แทงดาบไปที่หัวใจ
ขององค์ชายโฮดงผู้เป็นที่รัก

Legend has it that more than 2000 years ago, the Kingdom of Nangnang possessed a mystical Ja Myung Drum (Ja Myung Go) which will sound by itself when enemies invade. In reality, Ja Myung Go does not represent the drum but instead, is embodied by the King's daughter, Princess Ja Myung. Princess Ja Myung and Princess Nak-Rang are born on the same day and time to the same father but different mothers. It is predicted that one princess will become the nation's savior while the other will bring the entire nation down. Using her family's powerful background, Princess Nak-Rang's mother successfully establishes her daughter as the savior princess while Princess Ja Myung, who is branded the princess of destruction, escapes death with the help of her mother and grows up among the common folk. When she learns of her true identity, Princess Ja Myung returns to her Kingdom, resulting in a new wave of internal politics and power struggles. Princess Ja Myung and Prince Hodong of the rival state of Goguryeo fall in love but fate has it that they cannot be together. Princess Nak-Rang, who is also in love with the Prince, willingly gives her nation up to him by destroying her Kingdom's mystical war drum. Princess Ja Myung, fighting to save her nation, finally pierces her sword towards her beloved Prince Hodong...

The Real Love Story of Prince Hodong of Goguryeo

Prine Hodong is son of King Daemusin, King Daemusin strengthened central rule of Goguryeo and expanded its territory. He annexed Dongbuyeo and killed its king Daeso in 22. Along the Amnok River, he conquered Gaema-guk in 26, and later conquered Guda-guk.
After fending off China's attack in 28, he sent his son, Prince Hodong, to attack the Nangnang Commandery in northwestern Korea in 32. He destroyed Nangnang in 37. The legendary love story of Prince Hodong and Princess of Nangnang, recorded in the Samguk Sagi, is well known in Korea to this day. The princess is said to have torn the war drums of her castle, so that Goguryeo could attack without warning.

http://www.popcorn2.com/

http://www.newworldencyclopedia.org/

http://en.wikipedia.org/

http://www.chinahistoryforum.com/index.php?showtopic=1898&mode=threaded

Roytavan@Copyright


1 comment: