ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 62
ซงอูกลับมาหาพี่สาว และพบว่าเธอออกมานั่งคิดบางอย่าง
” พี่ใหญ่อยู่นี่เองหรือ ไม่นึกว่าจะมาอยู่นี่ อุตส่าห์หาซะตั้งนาน ของที่บอกว่าทำหาย หาเจอหรือยัง บอกว่าจะไปหาของบางอย่าง แต่ตั้งนานก็ไม่กลับมา ข้ายังนึกว่าหาไม่เจอซะอีก”
“ไม่ใช่หรอก เจอตั้งนานแล้ว นี่ไงล่ะ ของที่บอกว่าทำหาย”
” โชคดีจริงๆ เห็นท่าทางร้อนใจของท่าน นึกว่าเป็นของสำคัญซะอีก ว่าแต่ ท่านจะไม่เดินตรงไปจริงหรือ ป่านนี้ฝ่าบาท คงรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่สุดทางเส้นนี้ อย่าให้เสียเวลาอีกเลย”
“เอ่อ ซงอู”
“ถ้าเป็น เพราะห่วงข้าละก้อ ขอบอกว่าไม่จำเป็น ข้าจะอยู่นี่ต่อก็ได้ ถ้าท่านคิดถึงข้า มีเวลาก็มาหาได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นท่าน รีบกลับเมืองหลวงดีกว่า หึ ถ้าคราวนี้ปฏิเสธฝ่าบาทอีก เชื่อว่าอนาคต ท่านจะอยู่กับความเสียใจไปชั่วชีวิต ขนาดแค่สายคาดเอวหายไป ท่านยังร้อนใจแทบแย่ ต้องรีบกลับไปหาทันทีทันใด เพราะฉะนั้น ถ้าพรากจากฝ่าบาทอีก ท่านจะอยู่ต่อได้หรือ”
ซองซงยอนคิดตามคำพูดของน้องชาย และในที่สุดเธอก็วิ่งกลับไปหาพระเจ้าจองโจอย่างไม่คิดชีวิตจนได้รับบาดเจ็บ
“ซงยอน”
“หา ฝ่าบาท ฮือ ฮือ ฝ่าบาท”
“หา หา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมีแผลล่ะ”
“ฮือ ไม่เป็นไรเพคะ ฮือ แผลแค่นี้สำหรับหม่อมฉันเป็นเรื่องเล็ก”
“ยังจะปากแข็งอีก เลือดออกตั้งมากขนาดนี้”
“ฮือ นึกว่าฝ่าบาทกลับไปแล้ว ฮือ เพราะหม่อมฉันมาช้า ฝ่าบาทเลยไม่รออีก”
“ซงยอน”
“หม่อมฉันจะตามพระองค์กลับไปถ้าไม่ทรงรังเกียจ หม่อมฉันจะขออยู่กับฝ่าบาท”
พระเจ้าจองโจทรงดีพระทัยมาก “หา”
” ฮือ หม่อมฉันมีแต่ใจที่จงรัก ไม่มีความคู่ควรใดๆ หากจะถวายให้ฝ่าบาทได้ ก็มีแต่หัวใจเท่านั้น ฮือ ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงรังเกียจ หม่อมฉันก็ขออยู่เคียงข้างพระองค์ ฮือ สิ่งที่หม่อมฉันสามารถทำได้ ฮือ ก็คือถวายชีวิต มอบแด่ฝ่าบาท ขอเป็นทาสรับใช้ตลอดไป ฮือๆๆ”
“มีแต่หัวใจงั้นหรือ เจ้าบอกว่าไม่คู่ควรกับข้า มีแต่หัวใจหรือ”
“ฮือ ฝ่าบาท”
“หึ เฮ่อ ฮือ ต่อไปห้ามบาดเจ็บอีก ข้าจะดูแลปกป้องเจ้า จะไม่มีวัน ให้เจ้าต้องเจ็บตัวอีก”
“ฮือๆๆ ฮือ ฝ่าบาท”
พระเจ้าจองโจทรงมีพระราชประสงค์ที่จะรับซองซงยอนเป็นสนม พระพันปีเฮคยองกลับคัดค้านไม่เห็นด้วยเนื่องจากซองซงยอนมีคดีติดตัวอยู่
” อย่าหวังเลย เรื่องนี้แม่คงเห็นชอบด้วยไม่ได้ หรือเจ้าคิดว่าจะให้เลยตามเลย จึงดั้นด้นออกไปหานางโดยไม่ฟังเสียงทักท้วง จากนั้นก็พานางกลับมา จงใจยั่วให้แม่โมโหล่ะสิ”
“เสด็จแม่”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ถึงเจ้าอธิบายยังไง แม่ก็ไม่มีวันอนุญาต แม่จะไม่ให้คนที่ไม่มีสกุลรุนชาติมีลูกกับเจ้าเด็ดขาด”
” ถ้าทรงเกี่ยงที่ชาติกำเนิดของนาง แล้วสมัยก่อนพระมารดาของเสด็จปู่ ไม่ได้เป็นบ่าวไพร่หรอกหรือ ทั้งเสด็จพ่อและหม่อมฉัน ก็ได้รับสายเลือดมาส่วนหนึ่ง แล้วทำไมเสด็จแม่ถึงเอาเรื่องนี้มาปฏิเสธซงยอนล่ะพะยะค่ะ”
“ที่เจ้าถาม เพราะไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ จริงอยู่ เจ้าพูดก็ถูก สมัยก่อนพระมารดาของเสด็จปู่ เป็นแค่คนงานหาบน้ำในวังเท่านั้น ด้วยเหตุนี้วัยเยาว์ของเสด็จปู่เจ้า จึงต้องผ่านความลำเค็ญอย่างเหลือแสนกว่าจะได้ครองราชย์ เจ้าก็รู้นี่นา ตลอดพระชนม์ชีพไม่อาจเซ่นไหว้พระมารดา ซ้ำยังต้องคอยห่วงว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดอ่อนให้คนมาล้มล้างพระองค์ ถ้าผู้หญิงคนนี้มีลูกกับเจ้า ก็จะเจริญรอยตามเสด็จปู่ไม่มีผิด แม้จะเป็นโอรส ก็ไม่มีใครให้เกียรติในฐานะรัชทายาท ซ้ำยังมีขบวนการจ้องเล่นงานจุดอ่อนข้อนี้อีก เหล่านี้ล้วนเป็นภัยต่อราชสำนักอย่างใหญ่หลวง เรื่องพวกนี้เจ้าจะไม่เข้าใจบ้างหรือ”
“เสด็จแม่ ที่มีรับสั่งมานั้น หม่อมฉันเข้าใจดี แต่แม้จะเป็นอย่างงั้น คราวนี้หม่อมฉันก็จะไม่ฟังใครอีก หม่อมฉัน จะให้นางเป็นสนมให้ได้ อนาคตถ้ามีลูกชายก็จะให้เป็นรัชทายาท แล้วหม่อมฉันจะรับรองฐานะเขาด้วยตัวเอง”
“ฝ่าบาท”
“ทุกวันนี้ ถ้าให้หม่อมฉันพรากจากนางอีก หม่อมฉันคงอยู่ไม่ได้ ฉะนั้น ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ความคิดที่จะให้นางอยู่กับหม่อมฉัน จะไม่มีวันเปลี่ยนอีก”
“ฝ่าบาท”
“เสด็จแม่”
พระพันปีเฮคยองทรงโกรธไปถึงพระมเหสีโยอึย และสั่งให้มีการเลือกสนมต่อไปด้วย
พระมเหสีโยอึยเสด็จมาเฝ้าพระเจ้าจองโจ
“ป่านนี้ เสด็จแม่คงยังไม่หายกริ้วสินะ ที่เมื่อคืน”
” หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ ว่าฝ่าบาท โปรดให้ซงยอนเข้าเฝ้าถวายตัวเมื่อคืนนี้ แต่ว่า ไม่นานก็เห็นฝ่าบาทเสด็จไปห้องอักษรแทน ตอนนี้คิดว่าเสด็จแม่คงยังไม่ทรงทราบเรื่องนี้ แต่หม่อมฉัน ก็เข้าใจเหตุผลที่ฝ่าบาททรงทำลงไป”
“ชุงจอน”
“ทรงวางพระทัยเถอะเพคะ การเกลี้ยกล่อมเสด็จแม่อาจต้องใช้เวลาบ้าง แต่เชื่อว่าไม่นาน เสด็จแม่ต้องทรงหายกริ้วแน่”
“ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่สบายใจเหมือนกัน แต่ยังไงก็ขอขอบใจเจ้า”
“ฝ่าบาท”
“เพราะความเห็นแก่ตัวของข้า ทำให้เจ้าพลอยมีภาระหนัก ถูกเสด็จแม่ตำหนิ ต้องขอโทษด้วยนะ”
” ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะเพคะ การจะให้ซงยอนมาเป็นสนม เป็นสิ่งที่หม่อมฉันหวังมานานเช่นกัน และเชื่อว่าเสด็จแม่คงเข้าพระทัยความคิดของฝ่าบาทดี ฉะนั้น ไม่ต้องทรงคิดมากหรอกเพคะ”
ด้านฮงกุกยองก็เชิญองค์ชายอึนยอนมาพบ และเสนอพระนามใหม่ องค์ชายอึนยอนจะไม่พูดเพราะพระมเหสีโยอึยไม่เห็นด้วย แต่ฮงกุกยองกลับบอกว่า
” รับสั่งของพระมเหสี ท่านไม่ต้องใส่ใจนักหรอก เพราะเมื่อฝ่าบาททรงเห็นชอบ แล้วพระมเหสีจะมีความหมายอะไร อักษร “วาน” เป็นชื่อประจำของสกุลลี ส่วนคำว่า “พง” เป็นสายสกุลเดิมของพระสนม รวมกันเป็น “วานพง” ไม่ทราบว่าพอใจหรือเปล่า”
“ทำไมต้องมีการตั้งชื่อใหม่ ใต้เท้าฮง นี่มันหมายความว่าไง”
” จะมีความหมายอะไรอีก ท่านคงไม่ใช่แกล้งไม่รู้ถึงมาถามข้าหรอกนะ หากว่าคุณชายน้อย ได้เป็นโอรสบุญธรรมจริง นั่นจะหมายถึงอะไร ก็แปลว่า อีกหน่อยอาจเป็นทายาทองค์เดียวของฝ่าบาท ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นไปได้มาก อีกไม่นาน คุณชายน้อยอาจได้เป็นรัชทายาท ต่อจากนั้น ก็จะขึ้นครองบัลลังก์แทนฝ่าบาท เพื่อเห็นแก่บ้านเมืองของเรา ข้าจะสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่ ฉะนั้น ขอเพียงท่านเชื่อข้า และทำตามที่แนะนำก็พอแล้ว”
พระเจ้าจองโจตรัสกับพวกเชกาว่า ระหว่างที่เขาไปต้าชิง ทางนี้จะเตรียมตัวรับศึกหนัก พวกเชกาแปลกใจว่ารับศึกอะไร
” อีกไม่นาน เมืองหลวงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะว่า ข้าจะยกเลิกกฎหมายการค้าที่ให้สัมปทานเฉพาะพ่อค้าบางรายเท่านั้น เชื่อว่าพวกท่านก็คงรู้ สมัยที่ข้าเป็นผู้สำเร็จราชการอยู่นั้น อยากถอนสิทธิ์พ่อค้ารายใหญ่ที่ผูกขาดมานานปี เปิดเสรีด้านการค้า ให้พ่อค้ารายย่อยมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากบ้าง ต่ว่า ตอนนั้นเพราะข้าวู่วามไป ไม่ทันวางแผนรัดกุม ปรากฎว่าสุดท้าย กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ครั้งนี้จะแตกต่างโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่ข้าครองราชย์ก็ได้วางแผนเพื่อเรื่องนี้มาโดยตลอด เพื่อไม่ให้พ่อค้ารายใหญ่ผูกขาดด้านการค้าอีก ต้องยกเลิกระบบนี้และเปิดให้ค้าขายเสรีให้ได้”
“แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ จะทำได้ง่ายๆ พ่อค้าใหญ่เหล่านี้ล้วนแต่กุมเศรษฐกิจของบ้านเมือง แล้วมีหรือจะยอมเฉือนเนื้อตัวเองง่ายๆ น่ะพะยะค่ะ”
“ข้าก็รู้ ถึงบอกว่าครั้งนี้เป็นศึกหนักของพวกเราไง พวกพ่อค้าต้องไม่ยอม และพยายามต่อต้านถึงที่สุดแน่ มันจะเป็นเส้นทางแห่งความวิบากสำหรับทุกคน แต่ว่า ข้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อเหมือนกัน สมัยก่อน ข้าเคยให้สัญญากับพ่อค้าเร่ไว้ คราวนี้ ต้องทำให้เป็นจริง”
แชซกจูคุย กับฮงกุกยองและพระหมื่นปีจองซุนถึงเรื่องนี้เช่นกัน แชซกจูถามว่ามีทางอื่นที่จะรับมือได้มั้ย ฮงกุกยองถามว่าหมายความว่ายังไง พระหมื่นปีจองซุนตอบว่า
“พ่อค้าเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่กุมเศรษฐกิจของ บ้านเมือง ซึ่งมันจะหมายถึงอะไรบ้าง นั่นก็แปลว่า พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้าถึงคราวจำเป็นจริงๆ อาจถึงขั้นสั่งเปลี่ยนพระราชาด้วยซ้ำ ฉะนั้น ได้เตรียมถวายอารักขาความปลอดภัยของฝ่าบาทหรือยัง นี่คือสิ่งที่เราอยากรู้”
“เปลี่ยนพระราชาองค์ใหม่หรือ ทรงหมายความว่า”
” ได้ยินว่า เจ้ากำลังไต่สวนคดีลอบปลงพระชนม์และเบื้องหลังการตายของล่ามคนหนึ่ง ไม่บอกก็รู้วา คงเอาเรื่องนี้มาพัวพันกับขุนนางเก่าไม่คนใดก็คนหนึ่ง จริงหรือเปล่า”
“หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง หรือว่า เบื้องหลังการปลงพระชนม์ฝ่าบาท เกี่ยวข้องกับพ่อค้าบางรายหรือพะยะค่ะ”
” มันก็ไม่แน่นัก เพราะว่าก่อนหน้านี้ ข้ารู้มาว่าพวกเขามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ที่ข้าให้เจ้ามาพบก็เพราะสาเหตุนี้ ความปลอดภัยของฝ่าบาทเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าเราจะถวายอารักขาเต็มที่ แต่เรื่องบางอย่างในโลกมันก็ยากจะคาดเดา ฉะนั้น เพื่อเห็นแก่อนาคตของฝ่าบาท เราต้องรีบสนับสนุนให้มีการแต่งตั้งองค์ชาย “วานพง” โดยเร็ว เจ้าก็รู้ ถ้ามีรัชทายาทซักคน ฝ่าบาทจะยิ่งมั่นคงขึ้น ยิ่งเป็นตอนนี้ ถ้าองค์ชายวานพงได้ขึ้นมาจริง จะเป็นกำลังสำคัญให้เจ้าด้วย ฉะนั้น นี่คืองานเร่งด่วนที่ต้องทำ เข้าใจหรือเปล่า” พระหมื่นปีจองซุนตรัส
พอ ออกมาแชซกจูกล่าวกับฮงกุกยองว่า “พระหมื่นปีต้องการช่วยเจ้า ให้คนของเราทั้งหมดช่วยกันสนับสนุน ถ้ามีพวกเราออกหน้า ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าต้องการ ขอให้หายห่วงได้”
พระมเหสีโยอึยทรงเรียกซองซงยอนมาเฝ้า
“พระมเหสี”
“นั่งลงเร็ว”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“คิมซังกุง เอาออกมาซิ”
“เพคะ” คิมซังกุงรับคำแล้วนำของออกมา
“พระมเหสี นี่คืออะไรหรือเพคะ”
“ของที่อยากให้เจ้ามานาน รีบเปิดดูเร็วเข้า”
“เอ่อ เอ่อ พระมเหสี”
“เป็นเครื่องประดับที่ข้าเคยใช้ ไม่รู้จะถูกใจเจ้าหรือเปล่า”
“เอ่อ ทรงประทาน ของมีค่าให้ขนาดนี้ หม่อมฉันรับไม่ได้หรอกเพคะ เพราะมันสูงค่ามากไป ทรงรับคืนเถอะเพคะ”
“อย่าถ่อมตัวไปเลย อีกไม่นานเจ้าจะเข้าวังเป็นสนมของฝ่าบาทแล้ว ตามกฎของฝ่ายใน ต้องมีเครื่องประดับบ้างถึงจะสมฐานะ”
“หึ พระมเหสี”
“ดูแล้วชอบหรือเปล่า”
“หึ ทรงมีน้ำพระทัย เมตตาผู้ยากไร้อย่างหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่รู้จะตอบแทนยังไงดีแล้วเพคะ”
“ตอบแทนอะไรกัน เกรงใจไปได้ คนที่ควรขอบใจคือข้าต่างหาก เจ้าได้สร้างผลงานไว้มากมาย มีหรือข้าจะไม่รู้”
“พระมเหสี”
” ชีวิตในวัง ไม่ได้สบายเท่าไหร่หรอกนะ จนวันนี้เสด็จแม่ยังทรงกริ้วอยู่ ไม่แน่ว่า อาจไม่ทรงยอมรับเจ้าไปอีกพักใหญ่ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ เรื่องนี้ข้าพอช่วยได้ ไม่ต้องห่วง มีอะไรเจ้าก็มาปรึกษาข้าได้ ที่สำคัญ ขอให้เจ้าอยู่เพื่อนคู่พระทัยฝ่าบาท เป็นที่ปรึกษาในบางเรื่องก็พอ เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดใช่ไหม”
“ขอบพระทัยยิ่งแล้วเพคะ หม่อมฉัน จะไม่ลืมรับสั่งของพระมเหสี ชาตินี้ขอถวายชีวิต แด่ฝ่าบาทและพระมเหสีจนวันตายเพคะ”
ซองซงยอนกลับมาที่ศูนย์ศิลปะอีกครั้ง พบกับปาร์คยองมุน
“ขอโทษด้วยนะคะ ท่านช่วยให้ข้าได้เป็นช่างเขียนตามที่ใฝ่ฝัน แต่ข้ากลับต้องทิ้งที่นี่ไป จนไม่รู้จะพูดกับท่านยังไงดีน่ะค่ะ”
“เรื่องนี้ไม่ต้องใส่ใจหรอก เจ้าได้ไปถวายการรับใช้ฝ่าบาท ในฐานะหัวหน้า ข้ากลับรู้สึกดีใจแทนเจ้าด้วยซ้ำ”
“หึ ใต้เท้า”
” แต่ยังไงก็หวังว่า เจ้าคงไม่ทิ้งการเขียนรูป มีเวลาก็หมั่นฝึกฝนบ้าง พรสวรรค์เป็นเรื่องเฉพาะตัว ถึงไม่มีโอกาสจับพู่กัน มันก็ยังอยู่ในใจเสมอ ฉะนั้น ถึงไปอยู่ในวัง ก็ขอให้อย่าลืมความรักในส่วนนี้ซะ”
“ทราบแล้วค่ะ ข้าจะไม่ลืมคำพูดของท่าน”
และคืนนี้พระเจ้าจองโจก็เสด็จมาหาซองซงยอน
“การได้อยู่กับเจ้าแบบนี้ ข้ารู้สึกเหมือนไม่เชื่อตัวเอง กลัวว่าจะอยู่ในความฝัน พริบตาเจ้าก็หายไปต่อหน้า มันไม่ใช่เรื่องจริง”
“ฝ่าบาท”
” ข้าอยากให้เจ้ารับปากเรื่องหนึ่งได้ไหม ต่อไปต้องอยู่กับข้า เหมือนอย่างงี้ทุกวัน อย่าห่างหายแม้แต่วันเดียว เจ้าต้องอยู่เคียงข้าง อยู่กับข้าชั่วชีวิต”
“ได้เพคะ หม่อมฉันให้สัญญา หม่อมฉัน จะขออยู่กับฝ่าบาทชั่วชีวิต ถวายการรับใช้ ไม่มีวันพรากจาก ไม่มีวันห่างไกล”
จบ ตอนที่ 62
No comments:
Post a Comment