Tuesday, 5 May 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 58


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 58

” ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มานั่งใกล้ๆ สิ มาก็ดีแล้ว ข้ากับชุงจอนกำลังคุยถึงเรื่องท่านอยู่พอดี ไม่นึกว่าจู่ๆ ท่านจะเข้ามา” พระเจ้าจองโจตรัส
พระมเหสีโยอึยตรัสต่อว่า “ข้าอยากรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับใต้เท้าฮง จึงมาเข้าเฝ้าทูลถามฝ่าบาท ทำไมทำหน้าแปลกๆ ล่ะ ข้าทูลถามฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องของท่าน ทำให้ไม่พอใจหรือไง”
“เอ่อ มิได้พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี หม่อมฉันเพียงแต่”
“ดึกป่านนี้ยังมาขอเข้าเฝ้า แสดงว่าใต้เท้าฮง คงมีเรื่องสำคัญจะทูลฝ่าบาท ถ้าไงหม่อมฉันขอทูลลาก่อนนะเพคะ”
“จะไปแล้วหรือ”
“เพคะ” พระมเหสีโยอึยออกมาและกระซิบบอกกับฮงกุกยองว่า
“ฝ่าบาทรับสั่งว่า ทรงมีความไว้วางพระทัยต่อท่านมาก ข้าเลยหวังว่าใต้เท้าฮง จะมีความจงรักภักดีสมกับความเชื่อมั่นของฝ่าบาทล่ะ”
ฮงกุกยองเข้าเฝ้า พระเจ้าจองโจตรัสถามว่า
“ไหนลองว่ามาซิ มาพบข้ามีเรื่องอะไร”
” ฝ่าบาท ก่อนที่หม่อมฉันจะทูล ทรงอนุญาต ให้ถามเรื่องหนึ่งก่อนได้ไหม พระมเหสีตรัสว่า ทรงมาถามเกี่ยวกับเรื่องของหม่อมฉัน นั่นคือ อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อยากรู้เรื่องนี้หรอกหรือ คิดดูก็น่าแปลก จู่ๆ นางก็มาซะดึก ถามข้าว่าท่านเป็นคนยังไง ส่วนท่านก็อยากรู้ว่า นางมาถามอะไรข้าบ้าง นางก็ถามเรื่องทั่วๆ ไป เกี่ยวกับด้านนิสัยใจคอ ถามว่าข้าเห็นท่านเป็นคนยังไง ไว้วางใจมากน้อยแค่ไหน”
“เอ่อ หม่อมฉันขอบังอาจทูลถามว่า คำตอบของฝ่าบาทมีอะไรบ้าง เพราะหม่อมฉันอยากรู้ว่า ทรงตอบพระมเหสียังไงน่ะพ่ะย่ะค่ะ”
” ข้าหรือ ก็ตอบว่าเชื่อท่าน เหมือนที่เชื่อใจตัวเอง ถึงท่านจะวู่วามไปบ้าง ชอบทำอะไรผิดพลาดเรื่อย แต่ความภักดีที่มีต่อข้า เชื่อว่าไม่เคยเปลี่ยน ทุกย่างก้าวที่ข้าเดิน มีแรงกายแรงใจของท่านรวมอยู่ด้วยตลอด”
“หึ ฝ่าบาท” ฮงกุกยองอึ้งไป


” ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีข้าในวันนี้ อุดมการณ์ที่ข้าคิดไว้ หากไม่มีท่าน คงไม่ได้เห็นผลอย่างรวดเร็ว เป็นไงล่ะ คำตอบแบบนี้ ทำให้ท่านพอใจหรือเปล่า”
ซองซงยอนออกมาก็พบกับเทซู จึงเล่าให้ฟัง เทซูตกใจไม่น้อย
“เจ้าบอกว่าไงนะ พระสนมวอนพินไม่ได้ทรงแท้งหรือ ถ้าอย่างงั้น ความหมายของเจ้าคือ ตั้งแต่แรกมา นางก็ไม่ได้ทรงตั้งครรภ์ด้วยน่ะสิ”
” สงสัยจะใช่ ข้าได้ยินพระมเหสีก็รับสั่งแบบนี้ หรือต่อให้ทรงครรภ์แล้วแท้งจริง ก็เพราะยาที่ส่งจากบ้านเดิมของนาง ชื่ออิโมโชเป็นต้นเหตุ”
“หา หึ เป็นไปไม่ได้หรอก งั้นก็แปลว่าใต้เท้าฮง ถ้าเป็นอย่างเจ้าว่าจริง เขาคงรู้ว่าอะไรเป็นอะไรมาแต่แรก ไม่น่าเป็นไปได้ เจ้าน่ะ รู้มั้ยสิ่งที่พูดหมายถึงอะไรบ้าง เพื่อสะกดรอยหมอหลวง ทำให้พี่ซอได้รับบาดเจ็บ และไม่ใช่น้อยๆ ด้วย ตอนนี้เป็นหรือตายยังไม่รู้ แสดงว่า นี่เป็นคำสั่งใต้เท้าฮงหรอกหรือ แทนที่จะเป็นคนอื่น กลับเป็นใต้เท้าฮงโกหกฝ่าบาท แถมยังคิดฆ่าพี่ซอได้ไง”
“หึ เทซู” เทซูได้แต่ถอนใจ


ฮงกุกยองไปเฝ้าพระมเหสีโยอึยที่ตำหนัก พระมเหสีโยอึยทวงสัญญา
” เมื่อก่อนท่านเคยสัญญาเป็นมั่นเหมาะกับข้า ว่าแม้จะกลายเป็นพระญาติ ก็จะไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือหลงระเริงเป็นอันขาด แต่ว่า ท่านไม่สามารถทำตามคำพูดนี้ งั้นก็จำเป็น ต้องรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้”
“หม่อมฉัน จะทูลขอพระมเหสีเรื่องหนึ่ง หึ ที่พระสนมทรงทำความผิดถึงขนาดนี้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระมเหสีทรงอภัยให้นางซักครั้ง”
“ไม่ ข้าให้อภัยไม่ได้ คนที่ทำความผิดถึงขั้นนี้ แสดงว่านาง หมดสิทธิ์ได้เป็นสนมของฝ่าบาทอีกแล้ว”
“พระมเหสี”
” ที่ข้าไม่ทูลความจริงให้ฝ่าบาททรงทราบ เพราะเห็นใจพระองค์ ไม่อยากให้ทรงรับฟังความผิดของขุนนางคนโปรด จากปากคนอื่นแม้ว่าจะเป็นข้าก็ตาม เพราะฉะนั้น เมื่อท่านทำผิดเอง ก็ไปสารภาพกับฝ่าบาทและยอมรับอาญาซะ นี่คือความเมตตาครั้งสุดท้ายที่ข้าสามารถมอบให้แก่ท่าน หึ”
หมอหลวงที่ฮงกุกยองจับตัวมาได้กัดลิ้นตาย ฮงกุกยองตกใจมาก เพราะเขาคิดจะไปสารภาพผิดพร้อมหมอหลวงคนนั้น
ขณะ ที่พระเจ้าจองโจทราบเรื่องแพ่กจูหายไป พร้อมกับหมอหลวงที่หายตัวไป ดัลโฮก็เข้ามาทูลว่าพระสนมวอนพินมาคุกเข่าที่หน้าตำหนัก เพื่อขอรับอาญา


พระพันปีเฮคยองเสด็จออกมาถามว่าพระสนมวอนพินจะทำอะไร และบอกให้ซังกุงพาเข้ามาในตำหนัก
“นี่มันหมายความว่าไง เจ้าบอกว่าที่แท้งลูก ไม่เกี่ยวกับยาของชุงจอน แต่เป็นเพราะเจ้ากินยาอื่นส่งเดชงั้นหรือ”
“เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะ จงใจกินยาที่มีผลต่อครรภ์นะเพคะ”
” เจ้าฟังที่ข้าถามให้ชัดก่อน ไหนบอกว่า นอกจากยาของพระมเหสีแล้ว เจ้าไม่เคยกินยาอื่นที่นอกเหนือจากนี้ไง แล้วตอนนี้กลับบอกว่ามียาอื่น พูดจา กลับไปกลับมาแบบนี้มันหมายความว่าไง”
“เอ่อ นั่นเป็นเพราะ ที่แล้วมา หม่อมฉันอยากให้ตั้งครรภ์เร็วๆ จึงได้กินยาที่ส่งมาจากบ้านเดิมเพคะ ฮือ หม่อมฉันรู้มาว่า ยาอิโมโชจะช่วยให้ตั้งครรภ์ง่าย ก็เลยกินมาตลอด โดยไม่ได้คิดอะไรเพคะ”
“อะไรนะ เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ เจ้ากินยาอิโมโชหรือ ทั้งที่กำลังท้องอยู่ มีเด็กอยู่ในครรภ์ ยังจะกินยาตัวนี้อีกหรือ”
“เสด็จแม่”
” ช่างเหลวไหลสิ้นดี เจ้าจะโง่ไปหรือเปล่า บอกว่าไม่รู้หรือ หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ห้ามกินยาอิโมโช ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น เจ้ายังหลับหูหลับตากินอีก แล้วนี่มันหมายความว่าไง เพราะความประมาทโง่เขลาของเจ้า ทำให้ฝ่าบาทต้องสูญเสียทายาทอย่างงั้นน่ะหรือ”
“เสด็จแม่เพคะ ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะ ฮือๆๆ ฮือ เสด็จแม่”
พระพันปีเฮคยองกล่าวอะไรไม่ออก ทรงนิ่งเงียบ
“เสด็จแม่ ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะ เสด็จแม่เพคะ ฮือๆๆ ฮือๆๆ”
ฮงกุกยองรีบมาหาพระสนมวอนพิน แต่พระสนมวอนพินไล่ให้กลับไป แล้วต่อให้ทำเหมือนไม่รู้จักนาง
“เอ่อ พระสนม ไม่รู้จักได้ยังไง ทำไมรับสั่งแบบนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
” เรื่องที่เกิด ท่านไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ข้าได้ทูลเสด็จแม่ รวมถึงฝ่าบาทตามนี้แล้ว ฮือ เพราะฉะนั้นพี่ใหญ่ ยังไงก็ต้องยืนกรานตามนี้ เข้าใจหรือเปล่า”


“ไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะเห็นแก่ตัว ปล่อยให้พระสนมรับโทษคนเดียว โดยตัวเองไม่สนใจได้ยังไง”
” ไม่ได้ก็ต้องได้ อย่าให้เป็นเพราะข้า ทำให้ท่านต้องพลอยเดือดร้อนด้วยอีกคนเลยนะ ฮือ ในเมื่อปิดบังไม่ได้อีก งั้นก็ให้ข้ารับโทษคนเดียวละกัน เพราะได้อาศัยท่าน บ้านเราถึงได้ลืมตาอ้าปาก ฉะนั้นตอนนี้ ไม่ว่ายังไง ก็อย่าให้พินาศเพราะข้าคนเดียว”
“พระสนม”
“ฮือ ข้าน่ะ ขอเพียง ตั้งครรภ์อีกครั้งก็พอแล้ว ฮือ ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ฝ่าบาทรวมถึงเสด็จแม่และพระมเหสี ก็จะทรงให้อภัยในความผิด ฮือ แต่สำหรับท่าน ช่วงนี้ขอให้อดทนไว้ เพื่อเห็นแก่ข้าและครอบครัวของเรา ไม่ว่ายังไง ท่านก็ห้ามล้มเด็ดขาดเข้าใจหรือเปล่า”
“ฮือ พระสนม”
“พี่ใหญ่ ฮือๆๆ”
ขณะที่ชางแทวูก็ทูลพระเจ้าจองโจว่า
” ฝ่าบาท จากเหตุการณ์ที่เกิด ไม่ควรนิ่งเฉยนะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าพระสนมวอนพิน จะพยายามปกป้องใต้เท้าฮงว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เรื่องแบบนี้ใครจะเชื่อง่ายๆ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ใต้เท้าฮงเป็นพี่ชาย บอกว่าไม่รู้ก็แปลกล่ะ”
ขุนนางอีกคนเห็นด้วย “นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าให้หม่อมฉันเดา คนที่จับหมอหลวงไปก็คือใต้เท้าฮงนั่นแหละ ขอทรงมีรับสั่งจับตัวเขามาไต่สวน และลงอาญาสนมวอนพิน ปลดเป็นสามัญชนจะดีที่สุด ขอทรงไตร่ตรองด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ทรงไตร่ตรองด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
” หม่อมฉันขอบังอาจทูลซักนิด หม่อมฉัน คิดว่าคำพูดของขุนนางทั้งหลาย ออกจะเกินไปพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าพระสนมวอนพิน ได้ทำความผิดต่อราชสำนักจนยากจะให้อภัย แต่ก็เกิดเพราะความไม่ตั้งใจ ฉะนั้น หากจะลงอาญาถึงขั้นปลดเป็นสามัญชน หม่อมฉันเห็นว่ามากเกินไป แค่ลดระดับชั้น และให้กักตนสำนึกผิด แค่นี้ก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
” ใครบอกว่าไม่ตั้งใจ ท่านกำลังเถียงข้างๆ คูๆ ชัดๆ พระสนมไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แต่นี่กลับลืมหน้าที่ตัวเอง ทำการประมาทเลินเล่อ ถึงขนาดให้สูญเสียสายพระโลหิต แล้วเราจะลงโทษสถานเบาได้ยังไง ยิ่งบวกกับใต้เท้าฮงด้วยแล้ว”
แชซกจู กล่าวต่อ ไใต้เท้าฮงก็ไม่แตกต่าง พระสนมรับสั่งแล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ชาย ในเมื่อนางยอมรับความผิดทั้งหมดซะเอง แล้วเราจะเอาข้อหาอะไรไปกล่าวโทษใต้เท้าฮงอีก”
จากการประชุมครั้งนี้ ทำให้พระเจ้าจองโจทรงแปลกพระทัยยิ่งนัก


” ไม่น่าเชื่อว่าเจ้ากรมแช จะออกหน้าช่วยพูดแทนท่านก็เป็นด้วย ข้านึกว่าพวกเขาจะถือโอกาสซ้ำเติมซะอีก แต่กลับไม่ใช่ แสดงว่าระยะหลัง ท่านคงสนิทกับคนของพระหมื่นปี ไม่มากก็น้อยสินะ ช่างเถอะ เรื่องจะจบยังไง ข้าไม่สนใจ ที่อยากรู้ก็คือ ข้อเท็จจริง ใต้เท้าฮง บอกหน่อยซิว่า วอนพิน บอกว่าท่าน ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือเปล่า และที่หมอใหญ่หายไป ท่านก็ไม่รู้จริงหรือ”
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน รู้แต่แรกพ่ะย่ะค่ะ ฮือ ฮือ ฮือ หม่อมฉัน ช่วยพระสนมปิดบังความลับ จึงได้ ทูลความเท็จต่อฝ่าบาท ฮือ หม่อมฉัน ยินดีรับโทษ”
ด้านแชซกจูก็กล่าวกับฮงกุกยองว่า
“หึ เรื่องหมอหลวงคิดว่าทำถูกแล้วหรือ หวังว่าเรื่องนี้ คงไม่นำภัยมาสู่ตัวเจ้าหรอกนะ ไม่เพียงข้าคนเดียวที่ทำตามพระหมื่นปี ยังมีขุนนางอีกหลายคน ที่พร้อมจะช่วยเจ้าและพระสนมให้ปลอดภัย จึงบอกให้รู้ไว้ก่อน และช่วงนี้ อย่าทำอะไรออกหน้ามากนัก”
“มาเตือนข้าน่ะหรือ เดี๋ยวนี้กลายเป็นพระหมื่นปี สามารถออกคำสั่งกับข้าได้เชียวหรือ” ฮงกุกยองเดินจากไป
แชซกจูไปบอกเล่าให้พระหมื่นปีจองซุนทรงทราบ
“ไม่ต้องสนใจคำพูดเขาหรอก ถ้าข้าออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้ รับรองว่าฮงกุกยอง จะหุบปากโดยอัตโนมัติ”
” แต่ว่าพระหมื่นปี เรื่องนี้ จบง่ายๆ ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ เพราะทั้งพระพันปีและพระมเหสีต่างก็กริ้วมาก หม่อมฉันเห็นว่า ไม่น่าจะมีทางไกล่เกลี่ยได้”
“ไม่หรอก เดี๋ยวก็เรียบร้อยไปเอง สิ่งสำคัญคือนับจากนี้ต่างหาก ถ้าเรื่องนี้จบลงด้วยดี เราก็จะได้ตัว ฮงกุกยองมาเป็นพวกด้วย”
“พระหมื่นปี”
พระสนมวอนพินยังคงคุกเข่าอยู่ พระมเหสีโยอึยเสด็จมาเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
“ขอโทษด้วยนะชุงจอน ข้ารู้สึกละอายต่อเจ้านัก”
“อย่ารับสั่งแบบนี้สิเพคะ เรื่องผ่านไปแล้ว อย่าใส่พระทัยดีกว่า”
“ไม่คิดไม่ได้หรอก นอกจากจะเจ็บปวดกับการสูญเสียหลานแล้ว ข้ายังทำไม่ดีต่อเจ้าไว้มากนัก”
“เสด็จแม่”
“ถ้ายังไง ฝากขอโทษไปยังพ่อของเจ้า บอกว่าเรื่องนี้เป็นความผิดข้าเอง”
“ทราบแล้วเพคะ”
พระมเหสโยอึยเสด็จออกมา ทรงมีรับสั่งกับพระสนมวอนพินว่า
“กลับไปเถอะ ทำแบบนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น”
“พระมเหสี อภัยให้หม่อมฉันด้วย ทั้งหมดนี้ เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของหม่อมฉันเอง ฮือ ได้โปรด ทรงเมตตาอภัยให้หม่อมฉันเถอะเพคะ”


” รู้อย่างงี้ ทำไมไม่พูดความจริงล่ะ ถ้าหวังจะได้ความเมตตาครั้งสุดท้ายจากข้า ก็ไม่ควรเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้ แต่ต้องสำนึกในสิ่งที่ก่อด้วยความจริงใจ”
พระสนมวอนพินตกใจ “พระมเหสี”
“ข้าก็รู้ เจ้าคิดว่าปกป้องพี่ชายไว้ อีกหน่อยเขาจะเปิดทางให้เจ้าขึ้นมาเสพสุขอีกครั้ง ถึงได้ปิดบังฝ่าบาทไม่ยอมพูดความจริงซะที”
“พระมเหสี ไม่ใช่อย่างงั้นนะเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่”
“พอทีเถอะ ข้าไม่อยากฟังเจ้าแก้ตัวอีกแล้ว”
“พระมเหสี”
” งั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้า ยอมรับความผิดของพี่ชายเข้าไว้ด้วยกัน งั้นข้าจะเพิ่มโทษให้เจ้า หนักเป็นสองเท่า อีกไม่นาน เจ้าจะถูกปลดเป็นสามัญชน”
“หา พระมเหสี ปลด เป็นสามัญชนหรือเพคะ พระมเหสี ฮือ โปรดอย่าทรงกริ้วหม่อมฉันอีกเลย พระมเหสี ฮือ จะลงอาญาหม่อมฉันยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าทรงปลดหม่อมฉันได้ไหมเพคะ ฮือ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ฮือ พระมเหสี ทรงอภัยให้หม่อมฉันเถอะ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ฮือ พระมเหสี”
“ให้ข้าผ่อนผัน 2-3 วัน เพื่อให้นางทำแบบนี้หรือ ไม่ว่าฝ่าบาทจะลงโทษท่านยังไง แต่ฝ่ายในมีข้าเป็นผู้ดูแล ฉะนั้น น้องสาวท่าน จะต้องออกจากวัง”
ซองซงยอนมาเฝ้าพระมเหสีโยอึย ทรงขอบใจที่นางช่วยไว้
“หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไร อย่ารับสั่งอย่างงั้นเลยเพคะ”
“ไม่หรอก ถ้าไม่เพราะเจ้ามารายงาน ข้าอาจไม่มีวันพ้นมลทินด้วยซ้ำ”
“เอ่อ ขอบพระทัยที่ทรงชมเพคะ”
“เอ่อ พระมเหสีเพคะ เรื่องจบลงด้วยดี ทำไมพระพักตร์ยังดูเคร่งเครียดอยู่เลย” คิมซังกุงทูลถาม
“ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ไหนรู้มั้ย”
เวลานั้นพระเจ้าจองโจทรงเรียกเทซูมาพบ
“มาแล้วหรือ ไม่รู้เพราะจิตใจว้าวุ่นหรือเปล่า ยิงเท่าไหร่ก็ไม่เข้าเป้าซะที”
“เอ่อ ฝ่าบาท”
” เจ้ารู้อะไรมั้ยเทซู ตลอดเวลาที่ผ่านที่ข้ามอบอำนาจให้ใต้เท้าฮง ไม่เพียงแต่เชื่อเขา ข้ายังเชื่อว่าตัวเองดูคนไม่ผิดด้วย ต่อให้เขาทำอะไรผิดพลาดไป ข้าก็มั่นใจว่าด้วยสติปัญญา เขาจะสามารถลุกขึ้นอีกครั้ง และใช้เป็นบทเรียนสอนตัวเอง น่าแปลก ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มั่นใจเขาขนาดนั้น”
“ฝ่าบาท”
“ต่อไป ข้ากลัวว่าจะไม่อาจไว้ใจเขาได้เหมือนเดิมอีก เจ้ารู้หรือเปล่า”

พระเจ้าจองโจเสด็จมา และสั่งให้ซังกุงพาพระสนมวอนพินกลับตำหนัก และให้ซังกุงไปทูลเชิญพระมเหสีโยอึยมาเฝ้า
“ชุงจอน
“เพคะฝ่าบาท”
“ข้า คิดว่าจะยกโทษ ให้วอนพินและใต้เท้าฮง”
“ฝ่าบาท”
ฮงกุกยองได้ยินก็อึ้งไป “หา”
“ที่ข้าให้เจ้ามารับฟัง เพื่ออยากให้อโหสิ และลืมเรื่องนี้ไปซะได้ไหม”
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน เชื่อฟังฝ่าบาทเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แต่สำหรับเรื่องนี้”
” ข้าเข้าใจดี ว่าทำไมเจ้า ไม่อาจให้อภัยวอนพินและใต้เท้าฮงได้ เหตุผลของเจ้า ข้าก็เข้าใจดี แต่อยากขอให้เจ้าเมตตา ปล่อยพวกเขาไปซักครั้ง”
“ฝ่าบาท”
” ข้าเคยบอกตัวเอง ว่าขอเพียงท่านไม่คิดกบฎหรือหักหลัง ไม่ว่าความผิดใดๆ ที่ก่อขึ้น ข้าก็สามารถให้อภัยได้ ส่วนท่าน ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ข้าตัดสินใจถูกต้อง ทุกวันนี้บ้านเมืองมีปัญหามากมายรอให้เราไปแก้ งานต่างๆ ก็ยังค้างอยู่ ถ้าข้าไม่มีคนที่พอไว้ใจได้ จะทำงานให้สำเร็จลุล่วงก็คงลำบาก ชุงจอน ถือว่าเห็นแก่ข้าเถอะนะ”
“ฝ่าบาท”
“แต่นี่ เป็นการอภัยครั้งสุดท้าย”
ซองซงยอนนำภาพมาให้ปาร์คยองมุนดู
“นี่คือภาพที่จะส่งไปจวนผู้ว่าค่ะ”
“งั้นหรือ เดี๋ยว ว่าแต่ ทำไมมีแค่นี้ ข้าสั่งไว้ว่า อย่างน้อยต้องมี 20 รูปไม่ใช่หรือ”
“คือ ที่เหลือเป็นความรับผิดชอบของช่างเขียนตั๊กค่ะ แต่วันนี้เขาไม่มาทำงาน”
“อ้อ งั้นหรือ ส่งคนไปตามหน่อยซิ ดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ได้ครับใต้เท้า”
“อึม ถ้าอย่างงั้น ส่วนที่เหลือ ทุกคนก็ช่วยเขียนไปก่อนละกัน”
ใต้เท้าคังรับคำสั่ง และจะออกไปกันแต่ปาร์คยองมุนเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน นี่มันอะไรกัน วันนี้ช่างเขียนลีก็ขาดด้วยหรือ”
“เมื่อกี้ยังเห็นอยู่แถวนี้นี่คะ”
“ใช่ๆ ข้าก็เห็น แปลกจริง ไปไหนนะนี่ ไม่รู้สิ”
พระเจ้าจองโจเรียกแชจีคยอมมาพบและบอกว่าจะเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้านในคืนนี้ แชจีคยอมตกใจ เขากับนัมซาโชพยายามจะค้าน
“พระราชาองค์ไหนๆ ก็เคยเยี่ยมชาวบ้านทั้งนั้น ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนี้”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูล เพราะเรื่องพระสนมวอนพิน ทำให้ราชสำนักเกิดความวุ่นวาย”
“เรื่องนี้ข้าเข้าใจ แต่เป็นเรื่องของฝ่ายใน ข้าไม่อยากไปยุ่ง จนทำให้เสียงานที่สำคัญกว่า ส่งข่าวให้หน่วยทหารรู้ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”


ฮงกุกยองรู้เรื่องก็รีบมาทูลห้ามไม่ให้พระเจ้าจองโจเสด็จ
“ท่านบอกว่าไม่ให้ข้าออกไปหรือ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะอะไร”
” ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ หลังจากมินจูซีทำร้ายทหารแล้วหลบหนีไป จนวันนี้ยังไม่มีเบาะแสและไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะอะไร ถ้าฝ่าบาทเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้าน อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งมันจะไม่คุ้มกัน ถ้าไงหม่อมฉันว่า เรื่องนี้ เลื่อนไปอีกซักพักดีกว่า”
“หม่อมฉัน ก็เห็นด้วยเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้ว่าทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของข้า แต่ข้าดูแลตัวเองได้”
“ฝ่าบาท”
” ตั้งแต่ครองราชย์มา ข้าแทบไม่เคยออกจากวังซักครั้ง ในฐานะพระราชา จะห่วงแต่ความปลอดภัยของตัวเองได้ยังไง ข้าตัดสินใจแล้ว เอาตามนี้แหละ”
ฮงกุกยองจึงสั่งให้เทซูไปคัดเลือกทหารมา แล้วนำมาพบเขา
“เลือกได้ครบแล้วใช่ไหม”
“ครับ ได้คนที่ฝีมือดีสุด จากหน่วยองครักษ์และทหารพิเศษ”
” งั้นจงฟังข้าให้ดี พวกเจ้าดูนี่ก่อน จากตรงนี้ คือเส้นทางที่ฝ่าบาทจะเสด็จคืนนี้ คนที่มีหน้าที่ถวายอารักขา ต้องอยู่ตามรายทาง คอยตามเสด็จทุกฝีก้าวอย่าให้คลาดสายตา เข้าใจหรือเปล่า”
เทซูกับทุกคนรับคำ “ครับ”
“แต่ก่อนอื่น ให้พาทหารที่คัดเลือกแล้วไปสำรวจเส้นทาง ดูว่าตรงไหนเป็นจุดอันตราย ให้สะสางให้เรียบร้อย”
“เอ่อ จุดอันตรายอะไรครับ แล้วเราจะรู้ได้ไง”
” หึ ออกไปสำรวจ ดูว่าตรงไหนไม่น่าไว้ใจก็รีบกำจัดซะ อันดับแรก กันพวกนักเลงอันธพาลออกจากพื้นที่ก่อน ถ้าหาก ฝ่าบาทจะทรงพูดคุยกับราษฎรคนไหน พวกเจ้าต้องรีบนำหน้า เลือกคนที่ไว้ใจได้และไม่เป็นอันตราย ให้เข้าเฝ้าโดยมีพวกเจ้าคอยประกบ เข้าใจที่พูดหรือเปล่า”
“เอ่อ แต่ว่าใต้เท้า ทำแบบนี้ มิเท่ากับผิดวัตถุประสงค์ที่ทรงเยี่ยมราษฎรหรอกหรือ”
” ข้อนี้ข้าเข้าใจดี แต่พวกเจ้าลองคิดดู ฐานะของฝ่าบาทตอนนี้ เหมาะที่จะไปเยี่ยมราษฎรแล้วหรือ นับแต่ทรงครองราชย์มา เคยถูกปองร้ายตั้งกี่ครั้ง ถ้าเรื่องที่เสด็จออกไป มีใครรู้เข้า ผลจะเป็นไงบ้าง ถ้าฝ่าบาททรงมีอันตราย ไม่ว่ายังไงก็ช่าง ต้องกันพระองค์ออกจากที่เกิดเหตุก่อน เอาล่ะ รีบไปทำงาน ตามที่ข้าสั่งเดี๋ยวนี้”
“ครับใต้เท้า”


พวกเทซูรู้สึกแปลกๆ กับคำสั่งของฮงกุกยอง แต่ก็ปฏิบัติตาม และคิดว่าฮงกุกยองต้องการให้ดูแลความปลอดภัยของพระเจ้าจองโจอย่างดี
ซอง ซงยอนเดินกลับบ้าน ถูกชายขี้เมาเข้ามาลวนลาม โชคดีที่ซงอูซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของซองซงยอนแต่ทั้งสองจำกันไม่ได้ มาช่วยไว้ และบอกให้ไปอีกทางหนึ่ง
“หึ เฮ่อ ขอบคุณมากนะคะ”
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปทาง “ชินคู” จะปลอดภัยกว่า แถวนั้นมีโรงเตี๊ยมเยอะ ไม่ค่อยเปลี่ยวเหมือนที่นี่”
“อ้อ ค่ะ”
พระ เจ้าจองโจทรงเสด็จประพาส สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือระหว่างทางที่เสด็จประพาส พระเจ้าจองโจทรงถูกลอบปลงพระชนม์ ฮงกุกยองรู้เรื่องก็รีบเข้าเฝ้า
“หึ ฝ่าบาท พระอาญาไม่พ้นเกล้า สิ่งที่เกิด เป็นความบกพร่องของหม่อมฉัน”
“ไม่เกี่ยวหรอก ใครบอกว่าเป็นความบกพร่องของท่าน”
” เอ่อ แต่หม่อมฉัน เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารพิเศษนะพ่ะย่ะค่ะ การที่ฝ่าบาทประสบเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ จะถือว่าไม่ใช่ความผิดของหม่อมฉันได้ยังไง”
“ช่างมันเถอะ ข้ามีเรื่องจะถามอีกอย่างมากกว่า ทำไมต้องกำหนดเส้นทางการเยี่ยมชาวบ้านของข้า แถมยังจัดทหารไว้อีก”
“เอ่อ ฝ่าบาท นั่นก็เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเมื่อซักครู่”
” ที่ข้าไม่พอใจไม่ใช่เพราะเหตุร้าย ที่เกิดกับข้าเมื่อกี้ แต่เพราะความเจ้ากี้เจ้าการของท่าน ทำไมต้องให้ข้า ไปตามเส้นทางที่ท่านกำหนด”
“ฝ่าบาท”
“ข้ารู้ว่าท่านทำเพราะความห่วงใย แต่ทีหลังขอให้อย่าทำอีก เข้าใจมั้ย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“หมดเรื่องแล้วออกไปได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”

จบ ตอนที่ 58

No comments:

Post a Comment