Tuesday 5 May 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่55

이산 55회 1차


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่55

พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามฮงกุกยองว่า
” บอกข้าหน่อยซิว่า เรื่องไปไงมาไงแน่ ข้าไม่อยากคิดว่าตัวเอง ดูท่านผิดไปหรอกนะ คงมีเหตุผลบางอย่างถึงให้ท่านทำแบบนี้ รีบพูดมาซะ ทำไมต้องเชิญพระหมื่นปีมาพบข้า”
“เพื่อเห็นแก่อนาคตของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“เห็นแก่อนาคตข้าหรือ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่เข้าใจที่พูด ยิ่งฟังก็ยิ่งงง บอกว่าเห็นแก่อนาคตข้าหรือ เพียงเพราะแค่นี้ ข้าเลยจำเป็น ต้องอภัยโทษให้พระหมื่นปีหรือไง”
“พ่ะย่ะค่ะ รับสั่งถูกต้องแล้ว”
“ใต้เท้าฮง”
” ทรงอภัยให้พระหมื่นปี อย่าได้กักบริเวณอีกต่อไป ทางเดียวที่จะควบคุมใต้เท้าชาง ไม่ให้พวกขั้วอำนาจเก่ามีสิทธิ์มีเสียง ก็คือให้พระหมื่นปีมาอยู่ข้างฝ่าบาทซะ แล้วหลังจากนั้น”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
“ฝ่าบาท”
“มีปัญญาหาทางออกแค่นี้เองหรือ เพียงเพราะเหตุผลนี้เลยเจ้ากี้เจ้าการไปเฝ้าพระหมื่นปีใช่ไหม”
” ที่หม่อมฉันทำแบบนี้ เพื่อจะพิสูจน์ว่าพระหมื่นปี ควรแก่การเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญ หม่อมฉันอยากรู้ว่าที่มีรับสั่งว่าภักดีต่อฝ่าบาทนั้น เป็นเพียงลมปากหรือไม่ จึงไม่ได้ทูลให้ทรงทราบก่อน”
“ใช่แล้วเป็นยังไง ในที่สุดก็เชิญนางมา เพราะเจ้าเชื่อแล้วว่า นางซื่อสัตย์ต่อข้าจริงหรือ”
” พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเชื่อ หึ และขอให้ทรงเชื่อหม่อมฉัน รับสั่งให้เลิกกักบริเวณพระหมื่นปีเถอะพ่ะย่ะค่ะ เพราะพระหมื่นปี มีความหวังดีอยากช่วยฝ่าบาทจริงๆ โปรดอย่าให้พลาดโอกาสนี้ซะ พระหมื่นปีเคยมีอำนาจพอที่จะควบคุมเหล่าขุนนางได้ ฉะนั้น ฝ่าบาทก็ต้องทรงใช้ให้เป็นประโยชน์เช่นกัน”


ด้านพระหมื่นปีจองซุนก็ยังคงเฝ้ารอที่จะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ และในที่สุดพระเจ้าจองโจก็ยินยอม
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะมาทูล อยากให้ฝ่าบาทเห็นความจริงใจที่หม่อมฉันต้องการไถ่บาป”
” ความจริงใจของพระหมื่นปี ตลอดหลายปีที่ผ่าน หม่อมฉันเห็นชัดเจนแล้ว มาจนวันนี้ ไม่ว่ายังไง หม่อมฉันก็ไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอก เชิญกลับไปดีกว่า”
“ฝ่าบาทยังต้องอาศัยหม่อมฉัน จะด้วยอะไรก็ตาม หากจะให้รับใช้ ขอเพียงรับสั่งคำเดียว หม่อมฉันพร้อมชดเชยให้ฝ่าบาทเสมอ”
“พระหมื่นปี”
“ซักวันหนึ่ง ฝ่าบาทจะเหมือนใต้เท้าฮง ที่รู้ว่าหม่อมฉันจริงใจแค่ไหน”
เหล่าฮูหยินพากันมาแสดงความยินดีกับพระสนมวอนพิน จนคิมซังกุงอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
ซอง ซงยอนกับโชบีนำแบบร่างภาพเขียนใหม่มาให้พระสนมวอนพินดู แต่เผอิญหมอหลวงมาตรวจ สนมวอนพินบอกให้จัดยาประเภทเจริญอาหารให้ด้วย หมอหลวงกลับย้อนถามว่า
“หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม ที่ไม่เจริญอาหารนั้น ทรงเป็นมานานแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”
“เพราะหม่อมฉัน รู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล โดยปกติแล้ว ถ้าถึงเวลานี้ น่าจะมีสัญญาณบ่งชี้การทรงครรภ์อย่างชัดเจน”
“ท่านพูดหมายความว่าไง ไม่มีสัญญาณบ่งชี้หรือ? อ้อ ท่านอย่าเพิ่งพูดนะ”
พระสนมวอนพินสั่งให้ซองซงยอนกับโชบีออกไปก่อน แล้วจึงสั่งให้หมอหลวงตรวจให้ละเอียด
พระเจ้าจองโจทรงตรัสกับพวกเชกาว่า
” มา วันนี้เชิญทุกคนดื่มให้เต็มที่ เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ เราจะเริ่มทำงานอย่างจริงจัง การประชุมในวันนี้ ข้าจะให้ประกาศกฎหมายเลิกทาสในโชซอน ข้าตั้งใจจะใช้กฎหมายนี้ ปฏิรูประบบทาส ยกฐานะให้เป็นพลเมือง ซึ่งแน่นอนว่า ต้องถูกเหล่าขุนนางคัดค้าน รวมถึงชนชั้นสูงทั้งหลายต้องต่อต้านอย่างหนัก เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจ นอกจากเปิดโอกาสให้ลูกอนุฯ แล้ว ข้ายังจะให้เลิกทาส รับรองพวกเขา ต้องหาว่าข้าเสียสติและอยากขับไล่ให้พ้นเร็วๆ”
“แน่นอนพ่ะย่ะคะ แต่พวกเราทั้งหลาย ล้วนรอคอยวันนี้มานาน ฉะนั้นจึงไม่ต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบใจมาก เพราะข้ามีพวกท่าน จะทำอะไรก็มั่นใจมากขึ้น”
“เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว”


และวันต่อมาที่มีการประชุม ฮงกุกยองก็สั่งไม่ให้เทซูตรวจชางแทวู สร้างความแปลกใจให้กับชางแทวูมาก
“ทำไมวันนี้ข้าไม่ต้องตรวจ จะมาไม้ไหนอีก”
” อยากให้ท่านกรุณาหน่อยน่ะครับ การประชุมวันนี้ ฝ่าบาทจะเสนอเรื่องอะไร คิดว่าท่านคงรู้ ฉะนั้น จึงอยากให้ท่านเปิดใจให้กว้าง อย่าคัดค้านให้มากนัก”
“เพราะอย่างงี้เลยไม่ต้องค้นตัวข้าหรือ ช่างเป็นเรื่องตลก ที่ไม่น่าขำเอาซะเลย”
” ตลกอะไรครับ ไม่มีหรอก ข้าพูดจากใจจริงล้วนๆ ท่านก็รู้ว่าวันนี้ฝ่าบาทจะทรงประกาศกฎหมายใหม่ แต่ว่า ที่เราคาดหวังคือท่านยอมถอยซักก้าว อย่าพูดให้เหล่าขุนนางพากันแข็งข้อ ทำให้ราชสำนักวุ่นวาย มันจะไม่ค่อยดีนัก”
“เข้าใจพูดนี่ นึกว่าออกมาเกริ่นไว้ก่อน ข้าจะทำตามคำสั่งเจ้าง่ายๆ หรือ”
“ใช่ครับ ท่านต้องทำตามคำสั่ง ไม่งั้นความอัปยศ ที่ท่านเคยได้รับเมื่อ 10 ปีก่อน อาจเกิดซ้ำอีกครั้งก็ได้”
“อะไรนะ”
” ข้าเคยบอกไว้แล้วไม่ใช่หรือ จะให้ท่านได้เห็นการขยายอิทธิพลของคนที่เป็นพระญาติ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ว่ามีอะไรอยู่กับข้าตอนนี้ ก็ให้ท่านเจียมตัวและอยู่เงียบๆ ดีกว่า”
และในการประชุม พระเจ้าจองโจให้ฮงกุกยองอ่านประกาศ
” ดังที่กล่าวมา การค้าทาสคือวิธีกดขี่ข่มเหงมนุษย์อย่างไร้ความปรานี ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงคิดว่า เห็นควรให้ยกเลิกระบบซื้อขายและทารุณกรรมผู้เป็นทาส นับแต่วันที่ 5 เดือน 3 ปี “แคไฮ” เป็นต้นไป ให้ยกเลิกทั้งระบบ ค้าทาสและกดขี่แรงงาน”
ฮงกุกยองอ่านได้เพียงเท่านั้น เหล่าขุนนางก็พากันขัดค้านและของให้พระเจ้าจองโจทรงไตร่ตรองใหม่


“ข้าให้อ่านประกาศยังไม่ถึงครึ่ง พวกท่านก็เริ่มโวยซะแล้ว ตกลงว่า วันนี้จะได้ประกาศเป็นเรื่องเป็นราวหรือเปล่า ราชเลขาไปนั่งก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
” กฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่แค่ปกป้องสิทธิ์ของผู้เป็นทาสเท่านั้น ข้ายังคิดว่า ทาสคนไหนที่ครบกำหนดไถ่ตัว หรือมีเงินมาชดใช้ จะให้เลื่อนเป็นสามัญชน พ้นจากความเป็นทาส ที่สำคัญ ฐานะทาสให้จำกัดแค่รุ่นเดียว อนาคตรุ่นต่อไป จะไม่มีคำว่าทาส ในบ้านเมืองของเราอีก”
“ฝ่าบาท จะไม่มีทาสได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ บ้านเมืองเรา มีการแบ่งชนชั้นอย่างเคร่งครัด ฝ่าบาทก็ทรงทราบดี”
“ฝ่าบาท พวกเราไม่อาจยอมรับ นโยบายที่ไร้เหตุผลแบบนี้ ขอทรงพิจารณาใหม่เถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอทรงพิจารณาใหม่เถอะ”
” ราชเลขา ก่อนอื่นให้เลิกทาสทั้งหมดในวัง รวมถึงบ่าวไพร่ตามหน่วยงานต่างๆ ที่สำคัญ ใครเป็นทาสหลวงอยู่ตอนนี้ ให้ยกเลิกฐานะนี้ซะ พรุ่งนี้ออกประกาศตามนี้เลย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท นี่เป็นความเผด็จการ ไม่สมควรอย่างยิ่งนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้า ท่านพูดอะไรหน่อยสิครับ เป็นเสนาบดีแท้ๆ ทำไมไม่แสดงความคิดเห็นบ้าง ใต้เท้า”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเสนาซ้ายชางแทวู มีเรื่องบางอย่างจะขอทูลถาม”
“เชิญพูดได้”
“ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะทูลคัดค้านยังไง การตัดสินพระทัยเลิกทาสในคราวนี้ ยังไงก็ไม่ทรงเปลี่ยนแน่นอน อย่างงั้นใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
พระเจ้าจองโจรับสั่งหนักแน่นว่า “ใช่”
” ในเมื่อทรงตัดสินพระทัยแน่แล้ว เราก็จนปัญญา ทุกคนลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ยินหรือไง ข้าบอกให้ยืนขึ้นไงล่ะ ถ้าอย่างงั้น พวกเราขอถวายบังคมลาฝ่าบาท”
“นั่งก่อนท่านเสนา รู้มั้ยว่าเป็นการเสียมรรยาทแค่ไหน”
“คนที่ไล่เราออกไปก็คือฝ่าบาทเอง พระราชาที่ไม่ทรงฟังเสียงของเหล่าขุนนาง ถึงให้อยู่ต่อจะมีความหมายอะไรอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเสนา”
“ฝ่าบาททรงวางพระองค์เป็นศัตรูกับขุนนางและชนชั้นสูงแล้ว เพราะฉะนั้น หากมีความเสียหายเกิดขึ้น ฝ่าบาทก็ทรงรับเองละกัน พวกเราไป”
ฮงกุกยองวิ่งตามชางแทวูไปทันที ชางแทวูบอกให้เหล่าขุนนางล่วงหน้าไปก่อน
“หึ ทำแบบนี้หมายความว่าไง ท่านลืมคำพูดของข้าแล้วหรือ”
“ลืมหรือ คำเตือนที่หวังดีของเจ้า ข้าจะลืมได้ไง และนี่ก็คือสิ่งตอบแทนความหวังดีของเจ้าไงล่ะ”
“หา” ฮงกุกยองอึ้ง
“จะมีอะไรก็ช่าง อยากทำอะไรข้าก็เชิญ คนที่เคยถูกไล่ต้อนมาแล้ว จะโดนอีกก็ไม่เห็นแปลก”
“ใต้เท้า”
“สิ่งที่เจ้าได้มา คงรับมาจากพระหมื่นปีล่ะสิ แต่ข้าสงสัยว่าฝ่าบาท จะพอพระทัยเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของเจ้าหรือเปล่า”
ฮงกุกยองโกรธที่ชางแทวูรู้ทัน เขานำฎีกากลับมาหาพระหมื่นปีจองซุนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“หึ แล้วตอนนี้จะทำไง ไม่คิดใช้ประโยชน์จากฎีกาฉบับนี้จริงหรือ”
” หม่อมฉันไม่เคยทูลว่าจะใช้ฎีกาฉบับนี้ ทำให้ใต้เท้าชางถูกไล่ต้อนจนมุม ถ้าหม่อมฉันใช้ฎีกานี่ไปเล่นงานเขาจริง ก็แสดงว่าอีกหน่อย จะมีจุดอ่อนอยู่ในพระหัตถ์ของพระหมื่นปี และถ้าฝ่าบาททรงรู้เข้า เชื่อได้เลยว่า พระองค์จะไม่ให้อภัยหม่อมฉันแน่”
“แต่ว่าใต้เท้าฮง”


” เพราะฉะนั้น หากต้องใช้จริง ๆ ก็จะเป็น ขั้นสุดท้ายที่ไม่มีทางเลือกอื่นอีก และถ้าฝ่าบาทไม่ทรงเห็นชอบ หม่อมฉันจะไม่ช่วยพระหมื่นปีเล่นงานใต้เท้าชาง ฉะนั้น คนที่จะทำให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนพระทัย คงอยู่ที่ พระหมื่นปีจะทรงคิดเองมากกว่า ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงเห็นชอบ หม่อมฉันจะไม่ช่วยพระหมื่นปีเล่นงานใต้เท้าชาง”
พระหมื่นปีจองซุนคิดตาม “นั่นสินะ ไหนๆ ก็ไหนๆ จะทำไงก็ช่าง ข้าต้องให้ฝ่าบาทเปลี่ยนใจให้ได้”
จากนั้นพระหมื่นปีก็สั่งให้คนไปตามแชซกจูมาพบ
หมอ หลวงตรวจอาการให้พระสนมวอนพินอีกครั้ง และยืนยันว่าไม่ได้ทรงตั้งครรภ์ สร้างความตกใจให้พระสนมวอนพินอย่างมาก พอดีพระพันปีเฮคยองเสด็จมาเยี่ยม และสอบถามอาการจากหมอหลวง แต่หมอหลวงอึกอัก พระสนมวอนพินจึงสั่งให้ออกไปพระนางจะทูลเอง
“วอนพิน นี่มันอะไรกันน่ะ หรือว่า เด็กในครรภ์มีปัญหาหรือไง บอกมาเร็ว วอนพิน”
” ไม่มีหรอกเพคะ จะมีปัญหาได้ยังไง ลูกในท้องสบายดี เพียงแต่ท่านหมอบอกว่า หม่อมฉันสุขภาพอ่อนแอ ต้องดูแลตัวเองให้มาก แค่นี้แหละเพคะ”
“งั้นหรอกหรือ”
“เพคะเสด็จแม่”
จากนั้นพระสนมวอนพินก็ปรึกษากับฮงกุกยอง
“ทำไมไม่ได้ตั้งครรภ์ล่ะ หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง พอหมอหลวงทูลว่าไม่ได้ทรงครรภ์ พระสนมกลับไปทูลความเท็จต่อพระพันปีงั้นหรือ”
” ฮือ เมื่อกี้ ข้าทำเพราะความจำเป็นจริงๆ เรื่องกลายเป็นแบบนี้ ข้าไม่รู้จะทูลเสด็จแม่ยังไงดี พี่ใหญ่ ยังไงก็หาทางช่วยข้าหน่อยได้ไหม ไปสั่งห้ามหมอหลวง อย่าให้เขาพูดมาก ให้ปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน”
“เรื่องแบบนี้จะปิดได้ยังไง นี่ไม่ใช่ทางออกนะพ่ะย่ะค่ะ โอกาสตั้งครรภ์ยังมีอีกมาก ขอเพียงเราพูดความจริง”
” ข้าทำอย่างงั้นไม่ได้ ถ้าพูดออกไป คนอื่นจะมองข้ายังไง คงพากันคิดว่า ข้าเป็นคนเสแสร้งแกลังกุเรื่องว่าตัวเองท้อง เพื่อหวังเป็นคนโปรดของฝ่าบาทและพระพันปี กลายเป็นว่าหลอกลวงทุกคน แล้วยังมีพระมเหสีอีก ถ้าทรงรู้ความจริง มีหวังหัวเราะข้าตายแน่”
“พระสนม”


” และท่านก็รู้ว่า ข้าทูลความเท็จต่อเสด็จแม่ไปแล้ว ฮือ ถ้าให้ทรงรู้เข้า รู้ว่าข้าโกหกแต่แรก ต้องทรงกริ้วข้าอย่างหนักแน่ ฮือ ข้าจะรอให้ผ่านไปซักพัก แล้วค่อยบอกว่าจู่ๆ ก็แท้งลูก ส่วนท่าน ก็ช่วยข้าปิดปากหมอหลวงหน่อยเถอะนะ ฮือๆๆ”
หลังจากที่พระเจ้าจอง โจประกาศเลิกทาส ยิ่งทำให้พวกนายทุนกดขี่แรงงานมากขึ้น เทซูกับพวกเห็นก็นำมาทูลให้พระเจ้าจองโจทรงรับทราบ แถมชางแทวูก็บอกเหล่าขุนนางไม่ให้มาประชุมกับพระเจ้าจองโจ มีแชซกจูที่พาขุนนางบางส่วนมาร่วมประชุม
“ไม่นึกว่าวันนี้จะได้เห็นท่านมาประชุมที่ท้องพระโรง ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม” พระเจ้าจองโจตรัสถามอย่างแปลกพระทัย
” ที่หม่อมฉันมาร่วมประชุม เพราะไม่อยากเห็นความแตกแยกในราชสำนัก จึงได้มาเข้าเฝ้า ขอฝ่าบาททรงพิจารณา ยกเลิกกฎหมายที่ให้นายจ้างมีสิทธิ์ขาดในตัวบ่าวไพร่เถอะพ่ะย่ะค่ะ แล้วพวกเราจะยอมรับแค่ ไม่ให้มีทาสหลวงอีกต่อไปและจะไม่ทารุณบ่าวไพร่อีก”
“ท่านเจ้ากรม”
” หากฝ่าบาทยอมรับในข้อนี้ หม่อมฉันจะเจรจาไม่ให้คนอื่นคัดค้านอีก และทุกคนก็จะกลับมา ทำงานต่อไปเหมือนเดิม ฝ่าบาท โลกนี้มีตราชั่ง 2 อย่าง หนึ่งคือชั่งความผิดถูก อีกหนึ่งคือชั่งผลประโยชน์ แม้ว่ามาตรการที่ฝ่าบาททรงใช้ มีความถูกต้องก็จริง แต่ถ้าเอนเอียงไปฝ่ายไหน ก็ยากจะประสานความคิดของทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียว เรื่องบางอย่างจะให้คนยอมรับ ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายนะพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่คือเงื่อนไขการรอมชอม ที่ท่านจะพูดหรือ”
“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญ นี่เป็นพระดำริของพระหมื่นปีด้วย”
“ท่านว่าไงนะ”
” ที่ให้หม่อมฉันออกหน้าเจรจากับทุกฝ่าย ก็คือพระหมื่นปีนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ ที่พวกเขายอมฟังหม่อมฉัน ก็เพราะรู้ว่านี่เป็นพระดำริของพระหมื่นปีด้วย ทำไมทุกคนถึงยอมอ่อนข้อ เชื่อว่าฝ่าบาทก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือ”
จากนั้นแชซกจูก็บอกเล่าให้ชางแทวูฟัง
“งั้นหรือ ข้าก็นึกไว้อยู่แล้ว รับสั่งของพระหมื่นปียังมีผลอยู่”
“ก็ไม่เชิงซะทั้งหมดหรอกครับใต้เท้า เพราะเหล่าขุนนาง มีบางคนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของท่าน ตรงนี้ก็มีส่วนเหมือนกัน”
“ไม่เห็นด้วยกับการกระทำข้าหรือ”


” ยังไงพวกเรา ก็เคยพ่ายแพ้ต่ออำนาจของฝ่าบาทมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้ายังใช้วิธีเดิมไปต่อต้านอีก ผลคงไม่แคล้วออกมาเหมือนเดิม ตอนนี้ยอมเฉือนเนื้อตัวเองบ้าง น่าจะเป็นทางออกที่ดี ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย อาจเพราะท่านลาออกไปนาน ไม่คุ้นกับการเมืองที่เปลี่ยนไป ข้าถึงบอกให้รู้ ถ้าจะนำพาทุกคน ให้ต่อต้านพระราชาองค์นี้ ท่านคงต้องรู้จักใช้ลูกเล่นทางการเมืองหน่อย”
“ถ้าจะใช้ลูกเล่นจริงๆ ก็ไปหาผู้หญิงที่พวกท่านเทิดทูนละกัน”
“ใต้เท้า”
“ข้าไม่รู้ว่าอะไรคือการเมือง รู้แต่หลักการที่ตัวเองเชื่อมั่นมาตลอด”
” แต่ว่า ถ้ายิ่งดึงดันจะทำให้พวกเราเดือดร้อนมากขึ้นน่ะครับ ราชสำนักได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เรื่องนี้แม้แต่ท่าน ก็ต้องยอมรับเหมือนกัน ใต้เท้า” ชางแทวูกล่าวและเดินออกไป
และวันนี้จะมีการประหารนักโทษ พระเจ้าจองโจทรงรับปากกับนักโทษว่าจะดูแลแม่ของเขาแทนอย่างดี นักโทษคนนั้นซาบซึ้งใจมาก
พระพันปีเฮคยองเสด็จมาหาพระเจ้าจองโจ
“ป่านนี้แล้วยังทำงานอยู่หรือลูก”
“เสด็จแม่ ทำไมไม่ให้คนแจ้งก่อน เสด็จเข้ามาเงียบๆ ล่ะ”
“ใครว่าไม่มีคนแจ้ง เมื่อกี้ซังกุงก็บอกแล้ว เพียงแต่เจ้าห่วงแต่ทำงานเพลินเลยไม่ได้ยินต่างหาก”
“งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“วันนี้พอแค่นี้เถอะ ไปพักผ่อนได้แล้ว อยู่ดึกทุกวัน ร่างกายจะไม่ไหวนะ”
“ไว้เสร็จงานตรงนี้ก่อน หม่อมฉันจะไปนอนพ่ะย่ะค่ะ”
” เรื่องของพระหมื่นปี เจ้าคิดว่าตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหม จริงๆ แล้ว แม่เองก็รู้สึกกลุ้มใจ นอนไม่หลับเลยออกมาเดินเล่น ถ้าคนอื่นไปช่วยพระหมื่นปียังพอว่า แต่นี่เป็นใต้เท้าฮงเสนอขึ้นมาเอง แม่ไม่เข้าใจเอาซะเลย”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก้อ ขอให้เสด็จแม่ทรงวางพระทัยได้ ใต้เท้าฮงไม่ใช่คนวู่วาม ทำอะไรโดยไม่คิดหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
แชซกจูมาเข้าเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน
“ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
” ข้าแค่กลับมาในที่ๆ ตัวเองควรอยู่ ไม่เห็นมีอะไรน่ายินดีตรงไหนเลย แต่ยังไงก็ตาม ถือว่าท่านได้ช่วยข้าไว้ไม่น้อย ต่อไป มีอะไรคงต้องไหว้วานท่านอีก”
“นี่คือ อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”


“เอาเงินก้อนนี้ ไปหาซื้อบ้านซักหลังในที่ลับตาคน และอย่าให้ใครรู้”
“หาซื้อบ้านหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าอย่างงั้น ทรงหมายความว่า จะใช้เป็นที่สั่งการเหมือนสมัยก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
” ใครจะกล้าทำอย่างงั้นอีก ทุกวันนี้ข้าต้องระวังตัว เพื่อให้ฝ่าบาทไว้ใจมากที่สุด แล้วจะหาเรื่องใส่ตัวได้หรือ ส่วนจะซื้อเพื่ออะไรนั้น อีกหน่อยข้าจะบอกให้ท่านรู้เอง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ไว้รออีกซักพัก อะไรๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ประมาทกับอนาคต เราต้องเตรียมรากฐานไว้ก่อนไม่ใช่หรือ”
พระพันปีโยอึยได้ยามาจากทางบ้าน ก็นำมาให้หมอหลวงตรวจดูก่อนว่าจะให้พระสนมวอนพินได้หรือไม่ แต่ฮงกุกยองเข้ามาเห็นจึงบอกว่า
“อย่าเพิ่งส่งไปจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าฮง”
“ขอทรงอภัย ยาที่รับสั่งนั้นไม่ควรให้พระสนมเสวยพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ สาเหตุเพราะอะไร”
“หมอหลวงบอกว่า ยามีส่วนผสมของ “แพ่กจู” ซึ่งไม่เหมาะกับคนตั้งครรภ์ จะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพ จริงหรือเปล่าท่านหมอ”
“จริงหรือ”
หมอหลวงอึกอักนิดหน่อย “เอ่อ คือ จริงพ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”
“งั้นก็ช่างเถอะ ข้าไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างงั้น วันหลังค่อยเปลี่ยนยาชุดใหม่ละกัน”
“ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อ พระมเหสีโยอึยเสด็จกลับไปแล้ว ฮงกุกยองก็สั่งหมอหลวงไม่ให้ทูลเรื่องพระสนมวอนพินไม่ได้ตั้งครรภ์ และบอกว่าจะหาทางแก้ปัญหาเองโดยไม่ให้หมอหลวงเดือดร้อน

จบ ตอนที่ 55

No comments:

Post a Comment