วรณัย : จาก “คิงส์จูมง” ถึง “หมอโฮจุน” ชวนดูละครแล้วย้อนประวัติศาสตร์
วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤศจิกายน 2550
วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤศจิกายน 2550
เรื่องราวทางมานุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี สหวิทยาการและมุม Gossip
Permalink : http://www.oknation.net/blog/voranai
Permalink : http://www.oknation.net/blog/voranai
ในตอนนี้ผมรู้สึกว่า ตัวเองกำลังเป็นโรค “ติดละครซี่รี่ย์เกาหลี” ไปแล้วครับ ติดมาตั้งแต่เรื่อง "แดจังกึม หมอโฮจุน ซองดองโย จนมาถึงมหาบุรุษจูมง" ในวันนี้
ตั้งใจว่าจะไม่ดูเพราะกลัวจะติด จนทำให้ทุกเย็นวันเสาร์และอาทิตย์ไม่มีเวลาไปไหน เพราะ “ติดทีวี” แต่ก็ติดจนได้ อย่างเรื่องแดจังกึม ก็ไม่ดูตอนเด็กเลย แต่พอนางเอกโตแล้วค่อยมาดู พอดูแค่สองวัน ...ก็ติดทันที ก็นางเอกเขาน่ารักจริง ๆ นี่ครับ...
มาซี่รีย์ที่สองที่ชวนให้ติดตาม เป็นเรื่องของ"หมอโฮจุน" มีเนื้อหากินใจ แอบแฝงด้วยคำสอนปรัชญาให้เกิดความเพียรพยายามและอ่อนน้อมถ่อมตน ถึงนางเอกจะไม่ค่อยสวย ออกจะหมวยมากไปหน่อย ก็ติดจนจบอีกนั่นแหละ เพราะลุ้นอยากให้หมอเขียนตำราแพทย์ให้เสร็จก่อนตาย เป็นคุณูปการต่อชาวโลก สมดังที่ตั้งใจไว้
มาถึงเรื่องที่สาม "ซอดองโย" ตั้งป้อมอย่างแข็งขันว่า....ไม่อยากดูแล้ว เบื่อละครเกาหลี !!! แต่พอผ่านไปแค่สองสามเดือน ก็เริ่มติดเป็นตังเม ทั้งเรื่องราวของเหล่าสารพัดช่าง ช่างน้อย ช่างใหญ่ การแย่งชิงราชบัลลังก์ เรื่องของแคว้นชิลลาและแพคเจ กับความสวยงามของนางเอกและนางร้ายผู้น่าสงสาร สะกดวิญญาณให้ผมนั่งเฝ้าหน้าทีวีทุกเย็น เฝ้าลุ้นให้พระเอก รวบหัวรวบหางมันทั้งสองนาง(น่ารักทั้คู่)จะได้ไม่ต้องมาแย่งกัน แต่ดูพระเอกจะทันสมัยไปหน่อย รักเดียวใจเดียวเสียเหลือเกิน (ทั้ง ๆ ที่ตามจริงแล้วกษัตริย์สมัยก่อนสามารถมีเมียได้มากมาย)
จนมาถึงเรื่องปัจจุบัน "จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์" ละครฟอร์มยักษ์ที่ได้ข่าวว่าทุ่มทุนสร้างกว่า 1 พันล้านบาท เป็นเรื่องราวของพระเอกหน้าตี๋ นางเอกสวยน้อย (ในสายตาของผม) กับสงครามของบ้านเมืองเกาหลีในยุคที่ยังเป็นชนเผ่ายุคโลหะ เอาละวะ...เรื่องนี้ไม่ดูแน่นอน อ้างในใจว่าไม่ชอบนางเอก ไม่ชอบหนังสงคราม และไม่ชอบโน้น ไม่ชอบนี่....ชุดเกราะก็เว่อร์ ....ชนเผ่าโบราณอะไรทำเครื่องแต่งกายอย่างกับทหารโรมัน !!!
ผ่านมาได้สักสองเดือน ก็เพิ่งมารู้ตัวว่าได้มานั่งดูอยู่หน้าจออย่างอัตโนมัติ รอหมดข่าว 5 โมงเย็นอย่างใจจดใจจ่อ นั่งดูนางเอกที่เคยว่าไม่สวย ก็ดูสวยขึ้นแล้วแฮะ .....เรื่องไม่ชอบหนังสงคราม ผมคงเป็นพวกเกลียดปลาไหลกินน้ำแกงแน่ ๆ ชอบจะตายชักกับเรื่องทะเลาะวิวาทของชาวบ้านตั้งแต่เรื่องข้างบ้านยันจนถึงระดับสงครามระหว่างผู้คนทุกยุคสมัย แหมทำเป็นไม่ชอบไปได้....แล้วไงล่ะ
สุดท้ายถึงวันนี้ ผมก็กำลังนั่งลุ้นให้องค์ชายจูมง (Jumong) แห่งกองกำลังทาโม สถาปนาอาณาจักรโคกูรยอให้ได้ซักที แบบว่าหากไม่มีธุระจริง ๆ ก็จะไม่มีทางไปไหนแน่ ๆ แต่ก็พลาดท่าเสียทีมาหลายครั้ง อย่างเช่นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่าน ก็ตายต้องพรากจากจูมงอันเป็นที่รักไปร่วม Workshop OK Trip กับเพื่อน ๆ ชาว Blog ที่จังหวัดกาญจนบุรี ทำให้พลาดชมจูมงไปอีกตอนหนึ่ง ....
โรคติดละเม็งละคอน คงจะไวรัสชนิดหนึ่ง ที่พอเข้ามาอยู่ในใจ อยู่ในสมองแล้ว ทำให้ครุ่นคิดกระวนกระวาย หายใจเข้าเป็นแดจังกึม หายใจออกเป็นจูมง แต่ผมว่า ผมคงไม่ได้ติดเฉพาะไวรัสตัวนี้ ผมติดไวรัสอีกตัวหนึ่งด้วย มันเรียกว่า "ไวรัสประวัติศาสตร์" ครับ
เมื่อผมติดละครซีรีย์จากแดนกิมจิหรือภาพยนตร์จากประเทศไหนก็ตาม ผมมักจะเลือกชมหนังที่เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องหรือมีพื้นหลังของการสร้างมาจากเรื่องจริงหรือเรื่องราวในประวัติศาสตร์เป็นสำคัญครับ
แสดงว่าที่ผมติดละครเกาหลี ก็เพราะผมกำลังติดตามและสนใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของชนชาติเกาหลีที่แสดงผ่านออกมาในโลกดราม่า จากเพียงแค่ความสนุกสนานในอารมณ์ของผู้คนที่โลดแล่นตามบทละคร นำพาผมไปสู่ความสนใจใคร่รู้ในประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวที่น่าจะเกิดขึ้นจริงในอดีตของละครเรื่องนั้น ซึ่งทั้งสี่ซี่รีย์ของเกาหลีที่ถูกสร้างขึ้น ล้วนนำโครงเรื่องมาจากเรื่องจริงในทางประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น เรื่องราวในอดีตที่ถูกดัดแปลงมาให้เราได้ดูกันในรูปของละเม็งละคร
จากซี่รี่ย์ดราม่า ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลีทั้งสี่เรื่องนี้ วันนี้ผมจึงขอนำเพื่อน ๆ ชาว OKNation ผู้ติดเชื้อไวรัส"ประวัติศาสตร์" อย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม มาร่วมสัมผัสย้อนเวลากันอีกครั้งในแดนกิมจิ จากละครสู่เรื่องราวในประวัติศาสตร์พอสังเขป ช่วยมิให้การดูละครของท่านเป็นเพียงความบันเทิงและฉาบฉวย ช่วยเพิ่มคุณค่าของเวลาในขณะที่ท่านนั่งดูทีวี กับเรื่องราวนอกกรอบ ในมุมมองประวัติศาสตร์ของเกาหลีด้วยกันครับ
เริ่มกันที่เรื่อง “จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์” กันครับ หลายครั้งในเรื่องที่จูมง พูดถูกอาณาจักร "โชซอนโบราณ" อาณาจักรเก่าแก่ ที่เป็นต้นแบบและเป้าหมายของการสร้างดินแดนหรือสถาปนาอาณาจักรใหม่ของเขา
โชซอนโบราณหรือ โคโชซอน (KOCHOSUN) เป็นอาณาจักรในตำนาน อายุ 3,000 ปี สถาปนาขึ้นโดย กลุ่มชาวจีนที่ถูกเนรเทศ มีผู้นำชื่อ กีเซ (Ki Tse) ชื่อโชซอนมีความหมายว่า “ ดินแดนแห่งยามเช้าที่สงบสุข” (Land of the Morning Calm)
ในอีกนิทานปรัมปรา (Myth) หนึ่งก็เชื่อว่า อาณาจักรโชซอนโบราณ สถาปนาขึ้นโดยปฐกษัตริย์ “ตันกุน” (Dungun) เมื่อประมาณ 4,300 ปี ตันกุนเป็นกษัตริย์ในเทพนิยาย ปกครองแผ่นดินโคโชซอนนานกว่า 1,000 ปี จึงสวรรคต ราชโอรสปกครองต่อแต่ก็มาปราชัยให้กับกีเซ
ในยุคต้นของประวัติศาสตร์หลายชาติ มักเป็นการผสานเรื่องราวของสองหลักฐาน ทั้งจากทางวรรณกรม ที่เป็นตำนานเรื่องเล่า นิทานหรือบันทึก กับหลักฐานทางโบราณคดีเชิงวิทยาศาสตร์ครับ
ร่องรอยทางโบราณคดีบนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000 ปีมาแล้ว มีการขุดพบแหล่งฝังศพ สุสานที่มีภาชนะดินเผารูปทรงเฉพาะและเครื่องมือหินประเภทต่าง ๆ กระจัดกระจายไปทั่วภูมิภาค มีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานบริเวณริมชายฝั่งทะเลในช่วงแรก ๆ ก่อนจะขยายตัวเข้ามาในภูมิภาคเพื่อทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์
กลุ่มคนกลุ่มแรก ๆ ของคาบสมุทรเกาหลีแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มทางเหนือ บริเวณแม่น้ำยาลู (Yalu River) และกลุ่มทางใต้คาบสมุทรครับ
กลุ่มทางเหนือจะมีลักษณะแตกต่างไปจากกลุ่มทางใต้ชัดเจน ทั้งวัฒนธรรม ชาติพันธุ์และภาษา ชนเผ่าทางใต้จะมีลักษณะคล้ายกลุ่มคนทางภาคใต้ของญี่ปุ่น เกาะลูซู ซึ่งเชื่อกันว่าคนกลุ่มนี้อพยพขึ้นมาจากมลายู ในขณะที่คนกลุ่มทางเหนือ มีลักษณะคล้ายคลึงกับคนจีน
ชนเผ่าของคาบสมุทรเกาหลีในยุคประมาณ 10,000 ปีที่แล้ว อาศัยอยู่ตามถ้ำเป็นส่วนใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่มครอบครัวและรวมตัวกันเป็นโคตรตระกูลใหญ่ มีคติความเชื่อในเรื่องของอำนาจเหนือธรรมชาติ (Animism) จึงมีลัทธิพ่อมด หมอผี และผู้สื่อสารกับเทพเจ้า
จนเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว กีเซได้อพยพผู้คนที่ถูกเนรเทศจากราชวงศ์เจา เข้ามาในเขตลุ่มแม่น้ำเหลียว บริเวณทิศเหนือของทะเลเหลือง สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์และรวบรวมผู้คนชนเผ่าต่าง ๆ ในคาบสมุทรสร้างขึ้นเป็นอาณาจักรโชซอนโบราณ มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองปยองอัน (Phyong An) ตั้งอยู่ในเขตภาคกลางของประเทศเกาหลีในปัจจุบันครับ
กลุ่มคนชาวจีนราชวงศ์ซาง ที่มาสร้างอาณาจักรโชซอนโบราณ ได้ผสมผสานทางชาติพันธุ์กับพวกชนเผ่าพื้นเมืองทั้งเหนือและใต้เดิม อีกทั้งยังได้นำศิลปะวิทยาการและเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของชนพื้นเมืองเดิม จากที่เคยอยู่อาศัยในถ้ำ ก็กลายมาเป็นการสร้างบ้านเรือนด้วยไม้และระบบปล่องไฟในฤดูหนาว การเกษตรกรรมทำไร่ทำนา การเลี้ยงตัวไหม การทอผ้า การถลุงเหล็ก และประเพณีการฝังศพแบบเนินดินหรือการทำฮวงซุ้ยแบบเดียวกับชาวจีน
อาณาจักรโคโชซอนมีการจัดระบบการปกครองและสร้างระบบกฎหมายขึ้นเป็นครั้งแรก ๆ ครับ ในระหว่างความรุ่งเรืองอันยาวนานกว่า 900 ปี ก็มีชาวจีนอพยพเข้ามาสู่ดินแดนโชซอนโบราณหลายครั้ง ทั้งในสมัยปลายราชวงศ์เจา จนถึงสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ และเมื่อราว 2,100 ปี กลุ่มผู้เดินทางเข้ามาใหม่จากราชวงศ์จิ๋น ก็ได้ก่อการรัฐประหาร ขับกษัตริย์เชื่อสายของกีเซออกจากราชบัลลังก์เมืองปยองอัน อาณาจักรโชซอนโบราณจึงเริ่มอ่อนแอลง
ในเวลาเดียวกันก็มีชนเผ่าข้างเคียงที่ไม่ได้ถูกผนวกรวมอยู่ในอาณาจักรโชซอนโบราณ เช่น เผ่าพูยอ อยู่บริเวณแมนจูเรียเหนือ เผ่าโคกูรย เผ่าโอกจอ ทั้งสามเผ่าใหญ่นี้อยู่นอกประเทศเกาหลีในปัจจุบันครับ อีกทั้งยังมี เผ่าทงเย เผ่ามาฮัน ชินฮัน และพยอนฮัน ตั้งอยู่บริเวณทางภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี เผ่าต่าง ๆ ก็มีแลกเปลี่ยนไปมาหาสู่และค้าขายกัน แต่หลายครั้งก็ทำสงครามระหว่างกัน
กว่า 100 ปี ของสงครามกลางเมืองโคโชซอน แต่ละฝ่ายต่างก็ไปยืมมือชนเผ่าใหญ่ข้างเคียงมาช่วยสู้รบ ฝ่ายกบฏมีชัยสามารถขับไล่ราชวงศ์เก่าให้หนีลงมาทางใต้ จนเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว จักรพรรดิหวู่ตี๋แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ได้ส่งกองทัพเข้าทำลายอาณาจักรโคโชซอนและได้จัดระเบียบการปกครองขึ้นใหม่เป็น 4 มณฑล คือ มณฑลนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท ซึ่งอยู่ในเขตประเทศจีนและเกาหลีเหนือในปัจจุบัน ชาวฮั่นปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังได้เพียงมณฑลเดียว ส่วนมณฑลอื่นก็ปกครองตนเองเป็นส่วนใหญ่ อิทธิพลของราชวงศ์ฮั่นได้นำเอาวัฒนธรรมธรรมและเทคโนโลยีเข้ามาสู่ผู้คนในชนเผ่าต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้ง ภาษา ตัวอักษร ศาสนาและการติดต่อค้าขาย
เรื่องราวของ “จูมง” หรือพระเจ้าดงเมียงซอง (Dongmyeongseong) ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคกูรยอ มีหลักฐานเป็นเพียงตำนาน (Legend)เท่านั้นครับ ส่วนในบทภาพยนตร์เป็นการสร้างเรื่องให้สมบูรณ์ตามวิถีชีวิตของมนุษย์จริง ๆ ที่เป็นไปได้ สวมทับลงไปบนตำนานอีกทีหนึ่ง
ตำนานเล่ากันมาว่า จูมง เป็นโฮรสของ แฮโมซู (Haemosu) ซึ่งเป็นบุตรของพระอาทิตย์ กับ ยูฮวา (Yuhwa) ซึ่งเป็นธิดาของเทพแห่งแม่น้ำแห่งเมืองฮาแบ แฮโมซูรักกับยูฮวา แต่เทพแห่งแม่น้ำได้ขัดขวางความรักของพวกเขา แฮโมซูก็ต้องกลับไปยังท้องฟ้าในขณะที่ยูฮวาก็ถูกขับไล่ไปอยู่เมืองอื่น ทำให้เธอได้พบกับ อ๋องกึมวา (Geumwa) กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งแคว้นพูยอ (Buyeo) ยูวาตั้งครรภ์จากแสงอาทิตย์และคลอดบุตรเป็นไข่ อ๋องกึมวา พยายามทำลายไข่นั้นทุกวิถีทางแต่ไม่สามารถทำได้ และไข่ใบนั้นได้กลายมาเป็นเด็กชาย ผู้ถูกตั้งชื่อว่า “จูมง” อันมีความหมาย "นักยิงธนูผู้สามารถ" (Skilled archer)
ในปีที่ 37 ก่อนคริสตศักราช จูมงได้ทำสงครามเอาชนะมณฑลนังนัง จึงสถาปนาแคว้นโกคูรยอ (Goguryeo) ขึ้น การกำเนิดของอาณาจักรโคกรูยอมีลักษณะคล้ายกันกับการรวมตัวของชนเผ่าโคโชซอน คือรวมตัวกันในสายตระกูลหลายตระกูล มีการจัดระเบียบการปกครองที่มีประสิทธิภาพและมีสภาพสังคมที่ดี ผู้คนที่มารวมตัวกันในอาณาจักรโคกูรยอเป็นพวกนักรบที่มีความสามารถและเข้มแข็ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ให้อาณาจักรโคกูรยอสามารถขยายอิทธิพลออกไปได้อย่างกว้างขวาง สามารถครอบครองดินแดนเดิมของอาณาจักรโชซอนโบราณ อีกทั้งยังสามารถผนวกแคว้นพูยอและโอกจอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรได้เป็นผลสำเร็จ
การปกครองอันทรงประสิทธิภาพของอาณาจักรโคกูรยอ เกิดขึ้นจากระบบ "การกระจายอำนาจ" ไปยังกลุ่มโคตรตระกูลต่าง ๆ ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักร กษัตริย์จะทรงแต่งตั้งเสนาบดีผู้มีความสามารถขึ้นมาช่วยบริหารราชกิจ โดยแบ่งเสนาบดีออกเป็น 16 ระดับและแยกไปตามกระทรวง แบ่งเขตการปกครองอาณาจักรออกเป็น 5 มณฑลใหญ่ โดยแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการไปปกครองเป็นเจ้าเมืองในแต่ละเขต มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารท้องถิ่น บัญชาการทหาร และการจัดเก็บภาษี ได้อย่างเต็มที่
ในเวลาต่อมา ยีโซยา พระชายาองค์แรกของคิงส์จูมงพร้อมด้วยบุตรชาย ก็ได้หนีออกจากแคว้นพูยอเพื่อมาตามจูมง ยีโซยาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระมเหสีเอก ซึ่งก็ทำให้โซซอโนเป็นทุกข์มากและตัดสินใจออกจากแคว้นโกคูรยอไปพร้อมกับบุตรชายทั้งสองในเวลาต่อมา
จูมงแต่งตั้งให้ยูริเป็นองค์รัชทายาท ปกครองอาณาจักรโคกูรยอสืบต่อจากพระองค์ กษัตริย์จูมงสวรรคตลงด้วยวัยเพียง 40 พรรษา องค์รัชทายาทได้ถวายพระนาม “พระเจ้าดงเมียงซอง” ให้กับพระราชบิดา
อาณาจักรโกคูรยออันยิ่งใหญ่ที่คิงส์จูมงได้สถาปนาขึ้นไว้ มีกษัตริย์สืบทอดมาถึง 28 พระองค์ ในระยะเวลายาวนานถึง 700 กว่าปี จนในปีพ.ศ. 1070 แคว้นซิลลา (Silla) มหาอำนาจทางตอนใต้ของคาบสมุทร ก็สามารถยึดครองดินแดนภาคใต้ของโคกรูยอไว้ได้
ถึงปี พ.ศ.1210 อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่จูมงได้สร้างไว้ก็ถึงแก่กาลอวสาน ในรัชสมัยของกษัตริย์โบจัง (Bojang) เมื่อถูกแคว้นซิลลาร่วมมือกับราชวงศ์ถัง ยกกองทัพเข้าบดขยี้ !!!
จากเรื่องราวอาณาจักรโคกูรยอของจูมง ก็จะต่อด้วยเรื่องของ "ซอดองโย สายใยรักสองแผ่นดิน" ครับ
ซอดองโย (Seo Dong Yo) เป็นประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวในยุคสมัยของ King Mu กับนายช่างประดิษฐ์คิดค้นของแคว้นแพคเจ ในช่วงปลายยุคสามก๊กของคาบสมุทรเกาหลี ที่มีอาณาจักรโคกูรยอ แค้วนชิลลา และแพ๊คเจ เป็นอาณาจักรใหญ่ โดยมีแคว้นคายา (Kaya) เป็นแคว้นเล็ก ๆ แทรกตัวอยู่ทางตอนใต้สุด แคว้นนี้เป็นที่รวมของกลุ่มชนเผ่าต่าง ๆ รวมตัวกันอย่างหลวม ๆ โดยมีสายสัมพันธ์อันดีกับเกาะญี่ปุ่นครับ
อาณาจักรชิลลา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นมาจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับอาณาจักรโคกูรยอมาโดยตลอด จนกระทั่งหลังสงครามระหว่างอาณาจักรโคกูรยอกับอาณาจักรแพกเจ อาณาจักรชิลลาจึงเริ่มเข้มแข็งมากขึ้น จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮันและลุ่มแม่น้ำนักดงจากอาณาจักรแพกเจ ซึ่งมาจากชนเผ่าพูยอกลุ่มหนึ่งได้
ซอดองโย เป็นเรื่องราวความรักระหว่าง King Mu กับ เจ้าหญิง Sun Hwa แห่งแคว้นชิลลา Silla ชื่อเดิมของ King Mu ก่อนครองแคว้นแพคเจคือ Seo Dong หรือจาง (Jo Hyun Jae) มีชาติกำเนิดเป็นพระโอรสของกษัตริย์ แต่โชคชะตาผลิกผันทำให้เขาเติบโตมาอย่างยากลำบากในกลุ่มชนชั้นต่ำในเมือง Iksan Namji แต่เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี เฉลียวฉลาดและเป็นตัวของตัวเอง เขาเป็นนักคิดชั้นเยี่ยมและรักความยุติธรรม
ด้วยซอดอง (Seodong) เป็นเด็กซุกซนเพราะความเฉลียวฉลาด มารดาของเขาจึงตัดสินใจส่งเขาไปอยู่กับนายช่างใหญ่โมราซู (Mokrasu) เพื่อให้ได้รับการอบรมวินัยและการศึกษาศิลปะวิทยาการ อย่างไรก็ตามโซดองมักจะก่อความวุ่นวายในสำนักช่างอยู่เป็นประจำ
ซอดองได้มีโอกาสมาพบกับเจ้าหญิงซันวาผู้เลอโฉม ราชธิดาแห่งกษัตริย์อาณาจักรชิลลา ศัตรูบนคาบสมุทรเกาหลี ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตนเอง ความใฝ่ฝันของซอดอง คือการเป็นช่างนักประดิษฐ์ หลังจากผ่านอุปสรรคนานัปการ เขาจะเป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ขึ้น ภายหลังซอดองเดินทางกลับมายังราชสำนักแพคเจอีกครั้ง แล้วพบว่าตนเองเป็นเจ้าชาย ทำให้เขาต้องลำบากใจกับบทบาทใหม่ไม่น้อย
ซอดองเริ่มเติบโต มีความเข้าใจโลกมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมรอบคอบ เขาได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงซันวาและซาเต็คคิรู (Sataekgiru) จนได้ครองราชย์ในที่สุด เขาเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักของประชาชน มีความเป็นผู้นำสูง และนำพาอาณาจักรแพคเจสู่ความรุ่งเรือง
เจ้าหญิงซันวา เป็นธิดาองค์ที่ 3 ของกษัตริย์จินปูรยอง (Jinpyeong) แห่งอาณาจักรชิลลา ความงามของเจ้าหญิงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว นางได้มีโอกาสรู้จักซอดองมาตั้งแต่เด็ก และตกหลุมรักกันและกันนับแต่นั้นมา เจ้าหญิงเป็นคนเฉลียวฉลาด และชอบกลั่นแกล้งซอดองเมื่อครั้งเยาว์วัย นางรู้สึกผิดต่อซอดองไม่น้อยที่พลาดพลั้งทำให้เขาต้องหนีไป นางเป็นผู้สอนหลักคำสอนขงจื้อแก่ซอดอง
ภายหลังเจ้าหญิงซันวามีบทบาทสำคัญในการช่วยซอดองให้ก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ อย่างไรก็ตามหลังจากการที่นางได้ช่วยเหลือเจ้าชายแห่งแคว้นศัตรูได้ถูกเปิดเผย นางจึงถูกตราหน้าเป็นผู้ทรยศและโดนไล่ออกจากแคว้นชิลลา เจ้าหญิงต้องทนทรมานกับการจากบ้านเกิด แต่นางก็เลือกความรักแท้ที่มีต่อซอดอง
ในที่สุดเจ้าหญิงซันวาก็ได้เป็นราชินีของ King Mu และสามารถสานสัมพันธ์ระหว่างแคว้นทั้งสองได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เมื่ออาณาจักรชิลลาเข้มแข็งขึ้น อาณาจักรแพกเจจึงหันไปผูกมิตรกับอาณาจักรโคกูรยอ ส่วนอาณาจักรชิลลาหันไปผูกมิตรกับราชวงศ์สุ่ยและราชวงศ์ถัง กองกำลังผสมระหว่างจีนและชิลลาสามารถเข้ายึดครองแคว้นแพกเจได้เมื่อ พ.ศ. 1203 และสามารถทำลายอาณาจักรโคกูรยอได้ในพ.ศ. 1211 โดยจีนเข้ามาปกครองอาณาจักโคกูรยอในช่วงแรก ต่อมาอาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังเกิดขัดแย้งกัน อาณาจักรชิลลาจึงเข้ายึดอาณาจักรโคกูรยอจากจีนและเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างเด็ดขาดเมื่อ พ.ศ. 1278 สถาปนาขึ้นเป็น สหอาณาจักรซิลลา (Unified Silla)
ส่วนทางตอนเหนือที่เป็นเขตของอาณาจักรโคกูรยอเดิมในแมนจูเรียของประเทศจีนในปัจจุบัน ก็ได้สถาปนาตนเองเป็น อาณาจักรปัลเฮ (ยุคอาณาจักร เหนือ-ใต้)
จากเรื่องของ ซอดองโย ก็มาถึงเรื่องของจอมนางแห่งวังหลวง “แดจังกึม” และ "หมอโฮจุน" ครับ ทั้งสองเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหลังจากการล่มสลายของสหอาณาจักรซิลลาประมาณ เกือบ 700 ปี
หลังจากยุคสหอาณาจักรชิลลา ที่สามารถครอบครองคาบสมุทรเกาหลีได้อย่างสมบูรณ์ประมาณ 300 ปี ราชสำนักถังก็เสื่อมอำนาจ การควบคุมของจีนที่มีต่ออาณาจักรโคกูรยอเก่าได้ยุติลง ในขณะที่สหอาณาจักรชิลลาก็เกิดการจลาจลและความวุ่นวาย จนถึงปี พ.ศ. 1478 ขุนพลวังเกียน (Wang Kien) แห่งชิลลา ได้ก่อการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์พระองค์สุดท้าย และประกาศนโยบายที่จะนำดินแดนโคกูรยอในแมจูเรียที่เสียไปคืนให้กับราชวงศ์ถังคืนกลับมา
วังเกียนสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งอาณาจักรโคเรีย "KOREA" อันเป็นที่มาของชื่อประเทศเกาหลีในปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. 1486 ครับ
อาณาจักรโคเรียมีอายุกว่า 450 ปี เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพระเจ้ามุนจง เป็นยุคสมัยที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างกว้างขวาง มีการทำสงครามกับชาวยิปึ้น(ญี่ปุ่น)และราชวงศ์หงวนของชาวมองโกล ถูกจีนควบคุมในสมัยราชวงศ์หงวน จนเมื่อราชวงศ์หงวนอ่อนแอลง อาณาจักรโคเรียก็ต้องพบกับปัญหาโจรสลัดญี่ปุ่นและการรุกรานของราชวงศ์หมิง และในที่สุดก็ถูกแม่ทัพใหญ่ ลี ซองเก เข้าปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์โคเรียและสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1935 ครับ
แม่ทัพ ลี ซองเก ได้ใช้อิทธิพลของบรรดานักปราชญ์ที่นับถือลัทธิขงจื๊อ ล้มล้างราชวงศ์โคเรียวที่นับถือศาสนาพุทธ และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระเจ้าแทโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน ในยุคสมัยนี้จึงมีการส่งเสริมลัทธิขงจื้อเป็นลัทธิประจำอาณาจักรแทนการส่งเสริมพระพุทธศาสนา
พระเจ้าแทจงได้โปรดให้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองแกซองซึ่งยังคงมีกลิ่นอายและอิทธิพลของพุทธศาสนาอยู่อย่างมากมาย ไปยังเมืองฮันยางหรือกรุงโซล ในปี พ.ศ.1937 (ร่วมสมัยกับกรุงศรีอยุธยา)
ในราชวงศ์นี้มีการประดิษฐ์อักษรฮันกึล ขึ้นใช้แทนอักษรจีนเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 1986 กษัตริย์ราชวงศ์โชซอนพระองค์ต่อมาปกครองอาณาจักรด้วยความเป็นธรรม ด้วยระบบการปกครองที่มีหลักการตามลัทธิขงจื๊อ การที่จะได้เป็นข้าราชการพลเรือน จำเป็นต้องสอบกวากอ โดยจะต้องสอบความรู้ด้านวรรณกรรมจีนด้วย
ลัทธิขงจื๊อได้กำหนดโครงสร้างของสังคมไว้อย่างชัดเจน ค่านิยมในสังคมทั่วไปคือให้เกียรติผู้มีการศึกษาสูง ดูถูกพ่อค้าและช่างอุตสาหกรรม ชนชั้นสูงของสังคมคือ ยังบันหรือขุนนางนักปราชญ์ ผู้มีอำนาจด้านการปกครองทั้งทางทหารและสังคม ชนชั้นถัดมาคือ ชุงอินหรือชนชั้นกลาง ประกอบด้วยผู้มีอาชีพด้านต่างๆ เช่น ข้าราชการตำแหน่งต่างๆ แพทย์ นักกฎหมาย และศิลปิน ชนชั้นล่างคือ ซังมินหรือสามัญชน ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นพวกชาวนาที่ได้รับที่ดินให้ทำไร่ไถนา พ่อค้าและช่างฝีมือก็อยู่ในชนชั้นนี้ด้วย ชนชั้นล่างสุดคือชอนมิน ได้แก่ ข้าติดที่ดิน คนรับใช้ หรือทาสผู้ซึ่งเกิดในวรรณะต่ำ
เรื่องราวของ แดจังกึม เกิดขึ้นในราชวงศ์โชซอนนี้เองครับ ซอจังกึม (서장금) (น้อง ลี ยอง เอสุดสวย) เป็นหมอหลวงคนแรกที่เป็นผู้หญิงในราชวงศ์โชซอน ในปีที่ 18 แห่งรัชสมัยของพระเจ้าจุงจง ที่ครองราชย์ในปี พ.ศ. 2049 – 2087 กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์โชซอน เธอเป็นบุคคลที่เชื่อว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ที่มีการบันทึกเอาไว้ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ถึง 7 ครั้ง ระหว่างปี พ.ศ. 2058 – 2087 และเอกสารทางการแพทย์ "บันทึกของข้าราชการแพทย์แห่งโชซอนเกาหลี" ไว้อย่างชัดเจน แต่ก็มีเนื้อหาและหลักฐานอ้างอิงเพียงสั้น ๆ เท่านั้นครับ
ถึงหลักฐานจะยืนยัน ว่า แด จัง กึม เป็นหมอประจำพระองค์คนแรกที่เป็นผู้หญิงของกษัตริย์แห่งโชซอน แต่ก็ยังมีหลักฐานบางชิ้นระบุคำว่า “จัง กึม” อาจเป็นชื่อของ"ตำแหน่ง"หมอหญิง บันทึกราชวงศ์จึงอาจจะบันทึกมาจากเรื่องราวของหมอหญิงตำแหน่ง “จังกึม” หลาย ๆ คนในอดีต ไม่ใช่จังกึมเพียงคนเดียว ซึ่งก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
คำว่า "แดจังกึม" มาจากคำว่า "แด" (대) แปลว่า ใหญ่, ยิ่งใหญ่ เป็นบรรดาศักดิ์พระราชทานจากกษัตริย์ และ "แดจังกึม" (장금) คือชื่อตัวเอกของเรื่อง ซึ่งมีชื่อเต็มว่าซอ จัง กึม (서장금) รวมแปลว่า “จังกึมผู้ยิ่งใหญ่”
เรื่องราวสุดท้ายเกิดขึ้นหลังจาก แดจังกึมเสียชีวิตไปประมาณ 50 ปี ก็จะเป็นเรื่องราวของ “คนดีที่โลกรอ หมอโฮจุน” ที่สร้างจากเรื่องจริงของ หมอชาย "Heo Jun" ที่มีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ.2089 -2158 ในสามรัชสมัย เริ่มจากพระเจ้าเมียงจง กษัตริย์องค์ที่ 13 พระเจ้าซองโจ กษัตริย์องค์ที่ 14และองค์ชายกวางแฮกุน กษัตริย์องค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์โชซอน
“โฮจุน” เป็นบุตรของเจ้าเมืองยองชอน แต่เขามีมารดาอยู่ในฐานะไพร่ ซึ่งในสมัยนั้นจัดเป็นพวกชั้น"ชอนมิน" หรือชนชั้นต่ำ ตามความเชื่อในคติของลัทธิขงจื้อที่มีอิทธิพลต่อชาวโชซอนในยุคนั้นเป็นอย่างมาก จึงทำให้เขามีฐานะต่ำต้อยไม่ต่างไปจากมารดา เขาต้องอดทนต่อการปฏิบัติที่ถูกดูถูกเหยียดหยามและการกีดกันชนชั้นวรรณะ จากความกดดันนี้เอง ทำให้เค้าปฏิบัติตัวเป็นนักเลงหัวไม้ ชอบต่อยตี เรื่อยไปจนกระทั่งถึงการค้าของเถื่อน ถูกจับเป็นนักโทษและหนีออกมาได้
จากพ่อค้าของเถื่อน จนมาพบกับ “ยูอึยเท” หมอเทวดาชื่อดังแห่งเมืองซันยอง โฮจุนเกิดความเลื่อมใสในตัวหมอจึงขอฝากตัวเองเป็นศิษย์ ด้วยความขยัน ฉลาดและอดทนต่อสภาพแวดล้อมทั้งผู้คนและวรรณะ เขาจึงสามารถเรียนรู้วิชาแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว และก้าวหน้ามากกว่าคนอื่น ๆ จนเป็นที่อิจฉาและคอยกลั่นแกล้ง
หลังจากผ่านความยากลำบากทั้งทางร่างกายและจิตใจมาหลายต่อหลายครั้ง หมอโฮจุนก็สามารถสอบเข้าเป็นหมอหลวงได้สำเร็จ
แต่ภายในสำนักหมอหลวงนี้ โฮจุนได้พบกับการขัดขวาง กีดกันและถูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา ทั้งจากศัตรูเก่าและใหม่ที่เกิดขึ้นจากความอิจฉาริษยา จนกระทั่งโฮจุนได้พิสูจน์ฝีมือโดยการรักษาผู้ป่วยซึ่งเป็นโรคปากบูดเบี้ยวในเชื้อพระวงศ์ได้เป็นผลสำเร็จ จึงสามารถเอาชนะต่อศัตรูมากมายที่คอยมุ่งร้ายเขาทุกวิถีทาง โฮจุนได้รับการเลื่อนขั้นเป็นหมอหลวงขั้น 7
ต่อมาเรื่องในอดีตที่โฮจุนเคยเป็นนักโทษค้าของเถื่อนถูกเปิดเผย ทำให้เขาได้กลั่นแกล้งให้รับโทษประหารชีวิต แต่ด้วยผลงานทางการแพทย์ ที่สามารถรักษาพระอาการของพระมเหสีและโอรสทั้งสองได้ ทำให้พระราชาได้พระราชทานอภัยโทษให้แก่โฮจุนท่ามกลางการคัดค้านของขุนนางทั้งหลาย
ต่อมาไม่นานนัก เกิดสงครามระหว่างโชซอนและญี่ปุ่นขึ้น เพื่อความปลอดภัยของพระราชา จึงได้มีการอพยพผู้คนหนีออกจากวัง ส่วนโฮจุนกลับเป็นห่วงตำราแพทย์จึงตัดสินใจกลับไปนำตำราแพทย์ที่วังหลวงออกมาด้วย ซึ่งทำให้เขาพลัดพรากกับครอบครัว เมื่อตามไปถึงพระราชากลับทรงไม่เข้าใจ ด้วยความเกรงพระอาญาโฮจุนจึงหนีไปและได้ออกตามหาครอบครัวที่พลัดพรากจากกันในช่วงอพยพ
ในระหว่างนี้เองศัตรูของหมอโฮจุนได้กลับมาอยู่กับสำนักหมอหลวงแทนเขา และได้ถวายการรักษาองค์ชาย แต่ไม่สามารถรักษาได้จริงเพราะความรู้ไม่ถึงขั้น จึงถูกลงอาญาให้จำคุก ภายหลังพระราชาประชวร จึงจำต้องเรียกตัวหมอโฮจุนกลับมาถวายการรักษา โฮจุนแสร้งทำเป็นแขนเจ็บไม่สามารถฝังเข็มได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ศัตรูของเขาฝังเข็มแทน จนกระทั่งสามารถรักษาพระราชาได้สำเร็จ ทำให้ศัตรูพ้นโทษและกลับกลายมาเป็นกัลยาณมิตร ส่วนหมอโฮจุนก็ได้รับความดีความชอบมากมาย และได้เลื่อนขั้นเป็นหมอหลวงขั้นที่หนึ่ง
แต่ด้วยความวุ่นวายในการแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก ทำให้เขาต้องถูกเนรเทศไปแดนใต้ ระหว่างที่โฮจุนถูกเนรเทศนั้น มีชาวบ้านผู้ที่ได้ยินกิตติศัพท์โฮจุนเข้ามาขอรับการรักษา โฮจุนทนคำรบเร้าของชาวบ้านไม่ได้ จึงออกรักษาชาวบ้านอีกครั้ง โดยขอให้ชาวบ้านปิดเรื่องนี้เป็นความลับพร้อมกันนี้ ศัตรูผู้กลับมาเป็นมิตรก็ได้แอบส่งตำราแพทย์และข้อมูลต่าง ๆ มาให้แก่โฮจุน จนกระทั่งโฮจุนสามารถเขียนตำราแพทย์แผนใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ
เมื่อองค์ชายกวางแฮกุน พระราชองค์ใหม่ได้ทอดพระเนตรเห็นตำราแพทย์ฉบับนี้ จึงมีพระบรมราชโองการอภัยโทษแก่โฮจุน และมีคำสั่งให้เรียกตัวหมอโฮจุนกลับคืนมาสู่วังหลวง แต่หมอโฮจุนกลับทูลปฏิเสธพระราชา และเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อรักษาชาวบ้านต่อไป
ภายหลังเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ขึ้น หมอโฮจุนตรวจรักษาคนไข้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง จนกระทั่งตนเองติดโรคระบาดนั้น แต่เขากลับนำยาทั้งหมดมารักษาคนไข้ จนในที่สุดร่างกายที่อ่อนล้าไม่สามารถทนไหว ในที่สุดหมอโฮจุนก็จบชีวิตลง
ราชวงศ์โชซอนในยุค"หมอโฮจุน" ถูกรุกรานโดยกองทัพญี่ปุ่นซึ่งนำโดยขุนศึกโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ บ้านเมืองบนคาบสมุทรเกาลีส่วนใหญ่ถูกปล้นสะดมและทำลาย รวมทั้งผู้คนและช่างฝีมือก็ถูกถูกบังคับ กวาดต้อนกลับไปเป็นทาสที่เกาะญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นที่เริ่มถอนทัพเนื่องจากการเสียชีวิตของฮิเดโยชิ สงครามบนคาบสมุทรจึงสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2141 ภายหลังจากที่สร้างความหายนะให้กับอาณาจักรโชซอนไว้อย่างมากมาย
อาณาจักรโชซอนถูกรุกรานอีกครั้งในปี พ.ศ. 2170 และปี พ.ศ. 2179 โดยชาวแมนจูเรีย ซึ่งสามารถเข้ายึดครองภาคกลางของราชวงศ์หมิงและสถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2187
จนถึงปี 2437 รัชสมัยของพระเจ้าโกจง กษัตริย์องค์ 26 พระองค์ทรงหันไปฝักใฝ่รัสเซียเพื่อใช้คานอำนาจญี่ปุ่นที่สามารถเอาชนะราชสำนักชิงและครอบครองคาบสมุทรเหลียวตงไว้ได้ แต่แล้วในปี 2447 ญี่ปุ่นก็ได้ประกาศสงครามกับรัสเซียและได้เข้าโจมตีขับไล่ทหารรัสเซียออกไปจากดินแดนเกาหลี ในปี 2448 เกาหลีจึงจำต้องกลายมาเป็นประเทศในอารักขาของญี่ปุ่น จนถึงปี 2453 ญี่ปุ่นจึงได้ทำการล้มล้างราชวงศ์โชซอนลงอย่างถาวร โดยควบคุมเชื้อสายราชวงศ์โชซอนทั้งหมดไปไว้ที่ญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้สามารถคืนสู่อำนาจได้อีก และได้ผนวกดินแดนของอาณาจักรโชซอนทั้งหมดเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของประเทศ
ประวัติศาสตร์ 4 ยุคสมัยจากละครซี่รีย์เกาหลี ที่เริ่มมาตั้งแต่ในสมัยยุคเหล็ก 2,000 ปี ยุคที่ชนเผ่าแห่งอาณาจักรโคกูรยอได้สร้างตำนานของจูมงขึ้น ห่างจากยุคราชวงศ์โชซอนในสมัยหลังของหมอโฮจุนนานกว่า 2,000 ปี เรื่องราวยาวนานนี้ต้องมีมากกว่าความสนุกสนานและตัวละครทั้งตัวดี ตัวร้าย พระเอก และตัวอิจฉา ที่มาประชันบทบาทกันเป็นแน่
เรื่องราวนั้น ส่วนหนึ่งก็คือ"ประวัติศาสตร์"ของคาบสมุทรเกาหลี ที่ผมได้นำมาให้ท่านได้ร่วมสัมผัสย้อนอดีตนี่ไงล่ะครับ อีกส่วนหนึ่งก็คงเป็นเรื่องเครื่องแต่งกาย อาหาร ภาษา วัฒนธรรมและเรื่องราวอินเทรนด์ของเกาหลีอีกมากมาย ที่กำลังกลายมาเป็นจุดขายทางการตลาดเพื่อดึงดูดส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศเกาหลี เห็นผลประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงามในปัจจุบัน โดยดูจากยอดนักท่องเที่ยว และความคลั่งใคร้เกาหลีที่เพิ่มขึ้นมากมาย
No comments:
Post a Comment