Thursday, 26 March 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 43


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 43

หลัง จากที่พระเจ้ายองโจก็ทรงมีรับสั่งต่อพระมเหสีจองซุนว่าจะถอดถอนนางจาการเป็น พระมเหสี นับแต่นี้เป็นต้นไปพระมเหสีจองซุนไม่สามารถอยู่ในวังหลวงได้อีกต่อไปแล้ว องค์ชายลีซานและพระมเหสีจองซุนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินรับสั่งของพระเจ้ายอง โจ เรื่องราวในคืนนี้จบลงด้วยความเศร้า
พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งต่ออีกว่า
” ราชเลขาจงฟัง ให้เขียนราชโองการอีกฉบับ ข้า ขอประกาศ ณ. วันที่ 13 เดือน 2 ปีพยองซิน ขอสละบัลลังก์ ให้องค์ชายลีซานเป็นผู้สืบราชสมบัติต่อไป”
องค์ชายลีซานตกพระทัยและปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง พระเจ้ายองโจตรัสถาม
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าไงนะ”
“หม่อมฉัน ไม่อาจรับราชโองการสละบัลลังก์ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะอะไร”
“เพราะฝ่าบาทยังทรงแข็งแรง แล้วหม่อมฉันจะขึ้นแทนได้ยังไง หม่อมฉันทำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าจะอยู่ได้อีกไม่นานน่ะ”
“ฝ่าบาท ได้โปรด อย่ารับสั่งท้อแท้สิพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทต้องทรงแข็งแรง เป็นเสาหลักให้บ้านเมืองต่อไปอีกนานนัก”
“เจ้าอย่าหลอกตัวเองอีกเลย ทำตามที่ข้าสั่งเถอะ”
” ฝ่าบาท หม่อมฉัน ยินดีรับโทษตาย ก็จะไม่ยอมรับราชโองการฉบับนี้ ฝ่าบาทยังทรงแข็งแรง มีพระสติครบถ้วน จะสละบัลลังก์เพื่ออะไร เป็นไปไม่ได้ หม่อมฉันไม่อาจรับเรื่องแบบนี้ ขอฝ่าบาท ทรงเห็นพระทัยหม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“อาซาน”
“ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองใหม่ด้วยเถอะ”
” หึ เอาเถอะ เมื่อเจ้ายืนกรานไม่ยอมรับ ข้าก็จะเก็บคำสั่งไว้ก่อน แต่ตอนนี้ข้าแทบไม่มีกำลังจะทำอะไรได้ เจ้าก็ยังเป็น ผู้สำเร็จราชการต่อไปละกัน”
“ฝ่าบาท”
“เรื่องนี้ เจ้าจงอย่าขัดคำสั่งข้าอีกเลย เดินหน้าทำในสิ่งที่เจ้าควรทำซะ หึ ไปหาใต้เท้าแชจีคยอง ข้ามีของอย่างหนึ่งฝากไว้ที่เขา เจ้าไปเอากลับมา ข้าเตรียมจะมอบให้เจ้า เผื่อปุบปับข้าจะตายไป แต่ตอนนี้ ไม่แน่เจ้าอาจจำเป็นต้องใช้ก็ได้ ถ้าคิดว่าต้องใช้จริงๆ ก็เอามาใช้ซะ ไม่ต้องกลัวหรอก”
“ฝ่าบาท”
“นับแต่นี้ เจ้าต้องเตรียมตัวสำหรับการครองราชย์ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้น ต้องลงโทษคนที่ทำผิด กำจัดคนที่เคยเป็นศัตรูกับเจ้า เรื่องแบบนี้ห้ามใจอ่อนหรือผ่อนผันให้พวกเขาเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”



แชจีคยอมนำกำปั่นทองมามอบให้องค์ชายลีซาน
“นี่คือกำปั่นทองนี่นา”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีฝ่าบาทรับสั่งไว้ว่า รอให้องค์ชายขึ้นครองราชย์แล้ว ค่อยถวายในภายหลัง”
“นี่คือ”
“องค์ชาย คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ราชโองการลับ”
“หา” แชจีคยอมมองอย่างตกตะลึง
“เป็นลายพระหัตถ์ที่ฝ่าบาททรงเขียนเอง”
แม้ ว่าพระมเหสีจองซุนทรงสดับว่า พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งถอดถอนพระนางจากตำแหน่งพระมเหสีก็ตาม แต่นางก็ยากที่จะทำใจเชื่อว่าพระเจ้ายองโจจะทรงทำต่อนางเช่นนี้ ที่สำคัญพระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งให้ราชเลขาบันทึกรับสั่งของพระองค์ไว้อีก ด้วย
ในที่สุดจองซุนก็ต้องทำใจยอมรับความจริงว่าในเวลานี้นางได้กลาย เป็นสามัญชนไปเสียแล้ว หลังจากที่จองซุนถูกถอดถอนจากการเป็นพระมเหสีแล้วก็จะต้องออกจากวังหลวง ทันที พระมเหสีจองซุนวิงวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้ายองโจ แต่ก็ไม่สามารถทำให้พระเจ้ายองโจทรงเปลี่ยนพระทัย



เมื่อพระมเหสีจอง ซุนกลับไปที่ห้องพักก็พบว่าข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของนางถูกเก็บและนำออก มาวางไว้นอกตำหนัก จองซุนต้องทำใจยอมรับความจริงว่านางเป็นสามัญชนไปเสียแล้ว
องค์ชายลีซานเสด็จไปหาพระมเหสีจองซุนที่ตำหนัก
” เชิญนั่ง ที่จริงวันนี้ ข้ากำลังจะให้คนไปเชิญองค์ชายอยู่พอดี ทำไมยังไม่ประกาศราชโองการอีก เลิกทรมานข้าได้แล้ว จะปลดเป็นสามัญชนก็รีบจัดการซะ”
“หม่อมฉัน ยังไม่คิดประกาศตอนนี้”
“มีเหตุผลหรือเปล่า”
” พระมเหสีจะอยู่ที่นี่ ดูคนที่เคยให้ร้ายเสด็จพ่อของหม่อมฉัน ค่อยๆ ตายไปทีละคน ยังมีขุนนางที่แปรพักตร์ ยุยงให้ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยผิดจนบาดหมางกับเสด็จพ่อ จะมีจุดจบยังไงบ้าง คนที่เคยเป็นเขี้ยวเล็บให้พระมเหสีได้เสวยสุข จะถูกลงโทษยังไงบ้าง คงได้เห็นกับตา จากนั้นหม่อมฉันค่อยคิดบัญชีกับพระมเหสีให้จบ นี่เป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น”



ไม่นานพระมเหสีจองซุนก็ทราบจากซังกุงว่าคิมคีจูถูกนำตัวออกไปนอกเมือง จากนั้นให้ไปอยู่เกาะร้าง
พระพันปีเฮคยองให้คิมซังกุงไปพาตัวซองซงยอนมาพบที่ตำหนัง ซึ่งพระชายาโยอึยก็ประทับอยู่ด้วย
“เรากำลังคุยถึงเรื่องของเจ้าอยู่พอดี” ซองซงยอนอึ้งไป
“ไม่เป็นไรหรอก อย่ากลัวนักเลย ที่เสด็จแม่ให้เจ้ามาพบ เพื่อจะตอบแทนความดีของเจ้า” พระชายาโยอึยกล่าวต่อ
ซองซงยอนยิ่งตกใจ “หา”
” ได้ข่าวว่าที่วันก่อนเกิดเรื่อง เจ้าก็ได้ช่วยองค์ชายไว้อีกใช่ไหม พินกุงมาบอกให้ข้ารู้หมดแล้ว โชคดีที่เจ้า เอาจดหมายของอดีตรัชทายาทไปถวายให้ฝ่าบาททันเวลา”
ซองซงยอนยังกล่าวอะไรไม่ออก “เอ่อ”
“เจ้ากล้าทำในสิ่งถูกต้อง ถือว่าน่าชมเชยนัก”
“เอ่อ ขอบพระทัยที่ทรงชมเพคะ จริงๆ แล้ว หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ใครบอกว่าไม่ได้ทำอะไร ถ้าไม่มีเจ้าคอยช่วย องค์ชายคงจะเดือดร้อนมากกว่านี้ จริงมั้ยเพคะเสด็จแม่”
“ข้าก็ว่าอย่างงั้น”
“เอ่อ พระชายา”
พอออกจากตำหนักพระพันปีเฮคยอง พระชายาโยอึยก็รับสั่งกับซองซงยอนอีกว่า
“ตอนนี้องค์ชายอยู่ที่ลานฝึกทหาร”
“อะไรนะเพคะ”



“เจ้าไม่ได้เข้าวังนานแล้วนี่ รีบไปเฝ้าองค์ชายให้ได้เห็นหน้าบ้างเถอะ ให้ใครก็ได้พานางไปเฝ้าองค์ชายเดี๋ยวนี้ ไปได้แล้ว”
“เอ่อ คือ อย่าเลยเพคะ องค์ชายคงจะทรงงานอยู่ หม่อมฉันขอตัวกลับศูนย์ศิลปะดีกว่า”
“ยังไม่เข้าใจความหมายข้าอีกหรือ ทุกวันนี้ องค์ชายทรงเครียดกับเรื่องหลายอย่าง ข้าเลยหวังให้เจ้าไปปลอบใจพระองค์บ้าง”
ซองซงยอนจำต้องปฏิบัติตามคำบอกของพระชายาโยอึย องค์ชายลีซานเห็นซองซงยอนก็แปลกพระทัยเพราะนางเดินหนี
“ทำไมมาหาข้าแล้วเดินหนีล่ะ”
“เอ่อ คิดว่า บางทีองค์ชายอาจจะอยากอยู่ตามลำพัง”
” เจ้าคิดอย่างงั้นหรือ เจ้ารู้หรือเปล่า เมื่อกี้ข้ากำลัง ยิงธนูใส่หน้าคนที่ปองร้ายเสด็จพ่อ โดยแทบไม่อยากหยุด รวมถึงคนที่ ส่งทหารมาเพื่อจะปองร้ายข้า ข้าจะยิงโต้กลับให้หมด หลายคนคิดว่า ข้าจะให้เรื่องนี้จบไปเงียบๆ แต่ไม่ใช่หรอก ข้าไม่เคยคิดอภัยให้พวกเขาเลย จนวันนี้ในใจข้า ยังไม่อาจหายแค้นพวกเขาได้ ข้าจะให้พวกเขาชดใช้ ทีละคน อย่างช้าๆ และสาสม ให้รู้ว่าหนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ข้ากำลังรอเวลาอยู่”
ฮงกุกยองและเทซูควบคุมตัว คิมคีจูไปส่งห้องขัง เนื่องจากคิมคีจูถูกคุมขังจึงไม่รู้ว่าในเวลานี้จองซุนน้องสาวของตนถูกพระ เจ้ายองโจทรงถอดถอนตำแหน่งพระมเหสีกลายเป็นสามัญชนไปเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้คิมคีจูจึงยังคงประกาศความยิ่งใหญ่ให้ทุกคนรู้ว่าตนเป็นพี่ชาย ของพระมเหสีจองซุน สักวันหนึ่งตนจะต้องล้างแค้นนี้ให้ได้ เมื่อเทซูได้ยินคิมคีจูตะโกนโวยวายก็เกิดบันดาลโทสะขึ้นมา ขณะที่เทซูกำลังจะสั่งสอนคิมคีจูให้เข็ดราบนั่นเอง ทันใดนั้นฮงกุกยองก็เข้าขัดขวาง



ฮงกุกยองบอกเทซูว่าอย่าได้หัวเสียกับ คำพูดของคิมคีจู ไม่ควรเอาคำพูดของคนผิดมาใส่ใจ แม้ว่าเทซูไม่เข้าใจคำพูดของฮงกุกยอง แต่คำพูดของฮงกุกยองก็มีเหตุผล เมื่อคิดได้เช่นนั้นดูเหมือนว่าความโมโหก็สลายไปไม่น้อย
ชองโฮคยอมได้ รับรายงานว่าบรรดาขุนนางใหญ่หายสาบสูญไปซึ่งบรรดาขุนนางใหญ่เหล่านี้เกี่ยว พันกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทซาโตทั้งสิ้น ทำให้ชองโฮคยอมคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันกับองค์รัชทายาทซาโตอย่างแน่นอน คนที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ถ้าไม่ใช่องค์ชายลีซานแล้วจะเป็นใคร เมื่อเป็นเช่นนี้องค์ชายลีซานจะต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้มากกว่าใคร ที่สำคัญฮงกุกยองต้องเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญไปของบรรดาขุนนางใหญ่อย่างแน่ นอน
แชซกจูเองก็เข้าเฝ้าองค์ชายลีซานเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
“เมื่อคืนนี้ เจ้ากรมกลาโหม และเจ้ากรมโยธาชองอิกซอน อดีตเสนา “โอยุนซู” และอดีตเจ้ากรมราชทัณฑ์ได้หายสาบสูญไปพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วยังไง ท่านคิดว่าอยากให้ข้าทำอะไรบ้าง” องค์ชายลีซานตรัสถาม
“องค์ชาย หม่อมฉันขอทูลอีกครั้ง เมื่อคืนมีอดีตขุนนาง 2 คนและอีก 2 คนที่อยู่ในตำแหน่งถูกจับตัว หม่อมฉันคิดว่าเรื่องที่เกิด”
” ใต้เท้า ข้าไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะไม่เคยออกคำสั่งให้ใครจับพวกเขา แล้วจะกล้าปองร้ายขุนนางผู้ใหญ่ได้ยังไง หรือพวกเขาจะกลัวเอง เลยหนีไปหลบซ่อนตัวไว้ก่อน ไม่งั้นใครจะกล้าถึงขนาดนี้”
“แต่ว่าองค์ชาย”



” ท่านเจ้ากรม ทุกวันนี้บ้านเมืองมีปัญหาร้อยแปดให้ตามแก้ ใครจะมีแก่ใจ ไปห่วงขุนนางที่กินปูนร้อนท้อง ทำอะไรรู้แก่ใจ ยังมาขอความช่วยเหลืออีก ถ้าพวกเขาเกิดอะไรขึ้นจริง ก็ให้หน่วยปราบปรามไต่สวนก็ได้ ส่วนท่านก็กลับไปซะ ทำงานในหน้าที่ตัวเองเถอะ”
ในคืนเดียวกันนี้เองมี แผนการที่จะจับกุมตัวขุนนางใหญ่ที่มีสกุลฮง เรื่องที่เกิดขึ้นถูกชองโฮคยอมพบเห็นเข้า ชองโฮคยอมเห็นเช่นนั้นจึงเข้าขัดขวางคนร้ายที่มาจับกุมตัวฮงนิมฮัน ฮงนิมฮันขอบคุณที่เขามาช่วยไว้ทัน และถามว่ามาบ้านเขาทำไม
“ถึงขั้นนี้แล้ว ข้าอยากให้ท่านไปพิสูจน์เรื่องหนึ่ง”
“หา ข้าหรือ”
“ท่านเป็นญาติสนิทขององค์ชายลีซานไม่ใช่หรือ ถ้าไงรบกวนท่าน ไปขอร้องพระชายาเฮคยองหน่อยได้ไหม”
“โธ่เอ๊ย ข้าเคยลองแล้ว ไม่เพียงแต่พี่ชายข้า แม้แต่พระชายาเฮคยอง ข้าก็ไปทูลขอร้อง แต่ไม่มีประโยชน์ แล้วตอนนี้ เราจะทำไงต่อดี หา”
“แสดงว่าใช่จริงๆ”
“ใต้เท้าชอง ไม่มีทางออกบ้างหรือ นี่ ใช้ความฉลาดของท่านลองคิดหน่อยซี่ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เราจะไม่สามารถทำอะไรเลยหรือไง”

องค์ชายลีซานไปพบฮงกุกยองด้วยพระองค์เอง
“ท่านฮง”
“หา เอ่อ องค์ องค์ชาย หึ”
“ขุนนางหลายคนที่ถูกจับตัว อยู่แถวนี้ใช่ไหม”
“เอ่อ องค์ องค์ องค์ชาย” ฮงกุกยองอึกอัก
ฮงกุกยองพาองค์ชายลีซานไปพบพวกขุนนางที่ถูกจับตัวมา
“หา องค์ชาย ทรงช่วยพวกเราด้วย องค์ชาย ทรงเมตตาด้วยเถอะ ช่วยพวกเราด้วย องค์ชาย ฮือๆๆ”
“ทำไมต้องทำแบบนี้ จับพวกเขามาขังเพื่ออะไร ท่านคิดว่า จะสังหารพวกเขาให้หมดหรือไง”



“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคิดอย่างงั้น ต่อให้องค์ชายทรงตำหนิ หม่อมฉันก็ยินดีรับฟัง หม่อมฉัน พร้อมจะรับผิดชอบสิ่งที่ตามมาทุกอย่าง”
“ท่านฮง”
” องค์ชาย คนพวกนี้สมควรตายทั้งนั้น เมื่อก่อกรรมทำเข็ญก็ควรชดใช้ต่อผลที่ตามมา ไม่งั้น ระบบยุติธรรมจะมีไว้เพื่ออะไรกัน ถ้าทุกคนคิดว่า ทำผิดแล้วก็แล้วไป ไม่ต้องมีการพิจารณาโทษทัณฑ์ แล้วบ้านเมืองของเรา ยังจะเดินหน้าด้วยความมั่นคงได้หรือ”
“ด้วยเหตุนี้ ท่านเลยเป็นผู้ผดุงความเป็นธรรมซะเอง เพื่อให้บ้านเมืองได้เดินหน้า ท่านเลยขอย่ำยีกฎหมายซะเองใช่ไหม”
“องค์ชาย ทรงฟังหม่อมฉันก่อน”
” หุบปาก นี่คือสิ่งที่ท่านมอบให้คนผิดเหล่านี้ ด้วยการลงโทษโดยพละการ เอาชีวิตพวกเขาตามใจชอบ คือระบบยุติธรรมที่ท่านว่างั้นหรือ ทำแบบนี้ ท่านก็ไม่เห็นต่างกับพวกเขาตรงไหนเลย ที่ข้าระมัดระวัง ไม่กล้าทำอะไรรุนแรง เป็นเพราะอะไร ท่านไม่รู้หรือ จริงๆ ในใจข้าแทบอยากฉีกเนื้อพวกเขาด้วยซ้ำ ถ้าตอนนี้ข้าไม่ใช่องค์ชาย ข้าจะควักหัวใจแต่ละคนออกมาเหยียบให้สาสม แต่เพราะข้าเป็นรัชทายาทแห่งโชซอน เข้าใจหรือเปล่า สิ่งที่ข้าทำไม่ใช่เพื่อแก้แค้นส่วนตัว จึงต้องลงโทษอย่างเปิดเผย แม้ว่าจะแค้นจนแทบกระอัก ข้าก็ต้องกัดฟันทน บอกตัวเองอย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่ นี่คือสิ่งที่ข้าต้องทำ ปล่อยตัวพวกเขาเดี๋ยวนี้”
“หา องค์ชาย”
“ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือ บอกให้ปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้ไง”
เท ซูรู้สึกผิดที่เป็นคนบอกองค์ชายลีซานเอง จึงมาขอโทษฮงกุกยอง แต่เขาไม่ว่าอะไร รู้ว่าเทซูทำตามหน้าที่ ฮงกุกยองเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน
“องค์ชาย หม่อมฉันมาขอเฝ้า”
“เข้ามา ส่งกลับไปหมดแล้วใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทำอะไรวู่วามนัก หม่อมฉันโง่เขลา ขอทรงอภัยด้วย”
” บอกว่าทำตามคำสั่งข้า พรุ่งนี้จะมีทหารไปหาท่าน ถึงตอนนั้น ท่านก็บอกว่ามีเรื่องบางอย่างจะสอบปากคำพวกเขา รับคำสั่งจากข้าให้จับไปขังไว้ก่อน เข้าใจมั้ย”
“องค์ชาย”
“ข้าไม่ได้จะปล่อยพวกเขา แม้ว่าหนทางจะเต็มไปด้วยขวากหนาม ข้าก็ต้องลงโทษพวกเขาตามระบบที่ถูกต้อง”
“องค์ชาย”
” เล่มนี้ เขียนสิ่งที่เราต้องทำต่อไป แม้ว่าบางอย่างอาจไม่ได้ดั่งใจ แต่ใครทำผิด ก็ต้องว่าไปตามผิดและรับโทษเอาเอง นับแต่นี้เราต้องปูทางไว้สำหรับอนาคต แต่ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาห้ำหั่นพวกเขา ก่อนที่ฝ่าบาท จะไปถึงบั้นปลายอย่างสงบ ข้าจะไม่ให้พระองค์ทรงเครียดแม้แต่น้อย เข้าใจหรือยัง ถ้าต้องเปื้อนเลือดจริง ก็ให้ มือข้าเปื้อนเองดีกว่า”



จากนั้นองค์ชายลีซานทรงเรียกแชซกจูมาพบ
” วันนี้ที่เชิญไต้เท้ามาพบ เพราะมีเรื่องจะให้ท่านรับผิดชอบบางอย่าง ฝ่าบาทต้องทรงพักฟื้น ทำให้ไม่อาจบริหารราชกิจ ข้าจึงรับหน้าที่ เป็นผู้สำเร็จราชการ ตัดสินใจเรื่องใหญ่น้อยแทนพระองค์ ส่วนท่านก็ต้องช่วยไต้เท้าแช เขียนนโยบายปฏิรูปการปกครองใหม่”
“องค์ชาย”
“ทำไมข้าถึงเปิดโอกาสให้ท่านแบบนี้ จงไปคิดให้ดี”
“เอ่อ หม่อมฉัน ขอน้อมรับพระบัญชาและจะทำตามพ่ะย่ะค่ะ”
” ถ้าอย่างงั้น ข้าจะขอแจ้งภารกิจเรื่องแรก ที่ท่านต้องกระทำ ก่อนอื่น ให้ลบบันทึกทุกประเภทที่เกี่ยวกับ อดีตรัชทายาททั้งหมด เรื่องราวของเสด็จพ่อที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น และฝ่าบาทก็ทรงเห็นด้วย ที่จะให้มีการแก้ใหม่ ฉะนั้นงานนี้ให้เป็นหน้าที่ท่าน รีบดำเนินการโดยเร็ว”
ชองโฮคยอมรู้จาก ฮงกุกยองว่าเขาจะถูกลดตำแหน่ง และมีเพียงแชซกจูคนเดียวที่จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น ชองโฮคยองจึงไปแสดงความยินดีกับแชซกจู
“ยินดีกับไต้เท้าด้วย คนอื่นเจียนตายรอมร่อ มีท่านคนเดียวที่สบาย น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หัดเล่นการเมืองกับท่านบ้าง”
“คิดว่าถ้าประชดข้าแล้ว จะช่วยให้สบายใจขึ้นหรือเปล่า”
“ข้ากำลังจะบอกท่านว่า อย่านึกว่าเรื่องจะจบแค่นี้”
“เรื่องมันจบไปนานแล้ว อย่าทำอะไรโง่ๆ อีกดีกว่า”
ชอง โฮคยอมแค้นมากที่เขาโดนลดตำแหน่งเป็นแค่อาลักษณ์เล็กๆ เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ กับความอัปยศที่ได้รับ เขายังบอกให้องค์หยิงวาวานทรงอดทนไว้ก่อน
แชจีคยอมและแชซกจูทูลรายงานองค์ชายลีซานว่า
“รายชื่อลูกอนุฯ และอดีตขุนนางที่ถูกปลด”
“กรมปกครองขาด 6 ตำแหน่ง กรมอาญาขาด 10 ตำแหน่ง กรมโยธาและกรมพิธีการอย่างละ 4 เลือกมาซักครึ่งก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“จะให้พวกเขาแทนตำแหน่งอะไรบ้าง” องค์ชายลีซานตรัสถาม
“ตั้งแต่ “จิกจาง” ถึง “ชวาลัง” พ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นพรุ่งนี้ข้าจะคัดเลือกเอง พิธี “เซโช” จะจัดเมื่อไหร่”
“กำหนดไว้วันมะรืนช่วงบ่าย จัดที่ลำธารตะวันฉายพ่ะย่ะค่ะ”
พระพันปีเฮคยองทรงทราบก็ดีพระทัยมาก ทรงรำพึงถึงองค์ชายซาโต
” องค์ชาย ทรงทราบมั้ยเพคะ ลูกของเรา จะมีพิธีเซโช เพื่อลบล้างข้อกล่าว หาที่องค์ชายเคยได้รับ ฮือ ตลอดเวลาที่ผ่าน หม่อมฉันไม่กล้ามาไหว้ ต้องขออภัยด้วย แต่วันนี้ วิญญาณขององค์ชายคงได้เป็นสุขซะที ฮือ”
ปาร์คยองมุนสั่งให้ช่างเขียนลีชองกับช่างเขียนตั๊ก รวมทั้งซองซงยอนเตรียมเขียนภาพในงานพิธีเซโชด้วย
และในงานพิธีเซโช พระเจ้ายองโจทรงเสด็จมาด้วย
“ฝ่าบาท ยังไม่ทรงหายดี ทำไมเสด็จมาไกลล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เป็นการชะล้างความผิดของข้าๆ เลยต้องมาดูเอง ข้าต้องขอโทษในสิ่งที่ทำกับเจ้า”



พระพันปีเฮคยองทูล “ตอนนี้ ถึงให้หม่อมฉันตายก็ไม่เสียดายอีกแล้วเพคะ แม้จะตาย ก็ไม่ลืมพระเมตตาของฝ่าบาทเลย ฮือ”
“ทำงานต่อไป” พระเจ้ายองโจตรัส
และระหว่างทางเสด็จกลับ องค์ชายลีซานเห็นพระเจ้ายองโจทรงเหนื่อยอ่อนจึงทูล
“ทางเขาลาดชันเดินลำบาก เชิญประทับเกี้ยวดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ข้าอยากเดินอีกซักพัก เฮ่อ โอ๊ะ”
องค์ชายลีซานและคนอื่นพากันตกใจ “ฝ่าบาท ฝ่าบาท ทรงเป็นไรมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
” อย่าทำเป็นตกใจนักเลย เฮ่อ หึ นั่งพักก่อนก็ได้ จะได้หายเหนื่อยหน่อย หึ วันนี้แดดอุ่นกำลังดี อย่าทำหน้าอย่างงั้นซี่ รับรองข้าไม่ตายอยู่แถวนี้แน่”
“ฝ่าบาท”
“ข้ามีที่ๆ จะฝากชีวิตไว้แล้ว ยังไงก็จะไปตายที่นั่น”
“ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“อาซาน”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
” จงอย่าลืมว่า พ่อเจ้าหวังให้เจ้าเป็นพระราชาที่ดี และมันคือ ความหวังสุดท้ายของปู่ที่ไม่เอาไหนอย่างข้าด้วย แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าคงสามารถทำได้ เจ้าจะต้อง เป็นพระราชาที่สร้างคุณูปการให้แก่บ้านเมือง เจ้ามองเห็นหรือเปล่า แสงจากพระอาทิตย์ แม้แต่ซอกหลืบเล็กๆ ยังส่องผ่านได้ สายน้ำที่ไหลริน ถ้าไม่มีพื้นราบ มันจะไม่สามารถเดินหน้าต่อ เข้าใจหรือเปล่า เมื่อเราปกครองบ้านเมือง ก็ต้องเป็นพระราชาที่มองการณ์ไกล อย่าดูแลเฉพาะที่ๆ มองเห็นหรือคนอยู่ใกล้ตัว ให้มองไปยังที่มืด ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก ยังมีราษฎรที่อดอยากหิวโหยรอความช่วยเหลืออยู่ เจ้าต้องเป็นแสงที่ส่องสว่าง ทุกซอกทุกมุมของบ้านเมือง ยังความอบอุ่นและผาสุกให้แก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันจะจำรับสั่งนี้ไว้ตลอดไป”

จบ ตอนที่ 43

No comments:

Post a Comment