Saturday, 28 March 2009

เรื่องย่อ ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 48


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 48

พระ เจ้าจองโจทรงมีรับสั่งให้ฮงกุกยองปรับปรุงกำลังพลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อพี่น้องซึ่งเป็นพรรคพวกเทซูได้ยินว่าหน่วยงานที่พวกตนสังกัดอยู่จะถูก ยุบ ทุกคนก็เกิดความรู้สึกน้อยใจที่พระเจ้าจองโจทรงไม่เห็นถึงความภักดีของพวกตน พวกตนไม่เพียงไม่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ซ้ำร้ายกลับเป็นข่าวร้ายที่หน่วยงาน ที่พวกตนสังกัดอยู่จะถูกยุบ ทุกคนเกิดความขุ่นข้องหมองใจขึ้นมา เมื่อทุกคนเห็นเทซูก็พากันระบายความอัดอั้นตันใจให้เทซูฟัง



เทซูไม่ อยากเชื่อว่าพระราชาและฮงกุกยองจะลืมบุญคุณคน แต่ความจริงก็ทำให้เทซูและพวกต้องเชื่อว่า ฮงกุกยองทรยศหักหลังพวกตน เทซูและพวกพากันไปสอบถามความจริงจากฮงกุกยอง แต่เมื่อไปถึงที่พักฮงกุกยองกลับถูกทหารยามขัดขวางไม่ให้เข้าพบฮงกุกยองโดย อ้างว่าฮงกุกยองงานยุ่ง ไม่มีเวลาให้เทซูและพวกเข้าพบ เมื่อเทซูและพวกได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งบันดาลโทสะ
วันหนึ่ง ฮงกุกยองได้พบกับพระเจ้าจองโจที่ระเบียงอุทยานโดยบังเอิญ ฮงกุกยองทูลขอปรึกษาหารือพระเจ้าจองโจ ฮงกุกยองทูลถามการปรับปรุงกำลังพลจากพระเจ้าจองโจ พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งว่าทหารใหม่ที่มีวรยุทธสูงจะได้รับการคัดเลือกเป็น ทหารองครักษ์
ฮงกุกยองตกใจมากเมื่อได้ยินรับสั่งจากพระเจ้าจองโจ เนื่องจากในเวลานี้ผู้ก่อการกบฏได้ถูกกวาดล้างไปแล้ว เหตุใดจึงต้องสรรหากำลังพลเป็นจำนวนมาก ฮงกุกยองเข้าใจเองว่าหรือเพียงเพื่อถวายอารักขาพระราชา หลังจากที่ฮงกุกยองทูลลาพระเจ้าจองโจแล้ว ฮงกุกยองก็รู้สึกว่าสิ่งที่พระเจ้าจองโจทรงทำลงไปนั้นเพียงเพื่อพระองค์เอง เท่านั้น ไม่ได้ทรงทำเพื่อพสกนิกร เมื่อฮงกุกยองรู้สึกเช่นนั้นก็ทำให้ฮงกุกยองเกิดความผิดหวังในพระเจ้าจองโจ ขึ้นมา
ต่อมา เทซูและพวกได้พบกับฮงกุกยองที่ระเบียงทางเดิน เทซูสอบถามถึงเรื่องที่จะยุบหน่วยงานที่พวกตนสังกัดอยู่นั้นเป็นความจริง หรือไม่ แต่เนื่องจากเมื่อสักครู่นี้ฮงกุกยองไม่สบอารมณ์ต่อรับสั่งของ พระเจ้าจองโจสักเท่าใดนัก ดังนั้นจึงได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่ได้ตอบคำถามของเทซูและพวกแต่อย่างใด
ฮงกุก ยองบอกให้เทซูและพวกพากันกลับไปกันก่อน เนื่องจากในเวลานี้ตนมีภารกิจมากมายที่ต้องกระทำ หลังจากที่ฮงกุกยองกล่าวจบก็จากไป เทซูและพวกรู้สึกผิดหวังเมื่อถูกฮงกุกยองและพระราชาทรยศหักหลังทำลายความไว้ วางใจ
อีกด้านหนึ่งนั้น ดัลโฮ อาของเทซูบอกเทซูว่าจะแต่งงาน เมื่อแต่งงานแล้วก็จะย้ายไปอยู่บ้านฮูหยิน ทำให้บ้านมีเพียงเทซูและซงยอนเท่านั้น เดิมทีเทซูไม่เชื่อคำพูดอาสักเท่าใดนัก ที่ไม่เชื่อเนื่องจากอาเป็นขันที ไม่มีผู้หญิงคนใดแต่งงานกับอาอย่างแน่นอน แต่อากลับยืนยันเสียงแข็งว่าเป็นความจริง



ซองซงยอนแสดงความยินดีกับ ดัลโฮ อาของเทซู นางรับปากว่าจะวาดภาพที่มีความหมายเป็นของขวัญแต่งงาน เทซูซึ่งยังคงเคลือบแคลงสงสัยว่าอาเป็นขันทีจะแต่งงานได้อย่างไรนั้น กลับถูกซองซงยอนห้ามไม่ให้สืบสาวราวเรื่องต่อไป แต่แล้วเทซูก็แสดงความยินดีต่ออาที่ได้แม่ศรีเรือนมาเป็นคู่ชีวิต
ตก ดึกอาถามเทซูว่าคิดอย่างไรกับซองซงยอน เนื่องจากในภายภาคหน้าอาจะต้องย้ายไปอยู่กับอาหญิง บ้านหลังนี้ก็จะมีแต่เทซูและซองซงยอนอยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งชายหนุ่มหญิงสาวอยู่กันตามลำพังนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามธรรมนอง คลองธรรมสักเท่าใดนัก ที่สำคัญทั้งเทซูและซองซงยอนไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน ไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน เช่นนี้ก็จะเป็นที่ครหานินทาของคนทั่วไป
จาก นั้นดัลโอก็ถามย้ำเทซูว่ารู้สึกอย่างไรกับซองซงยอน ดัลโฮสนับสนุนให้เทซูเปิดเผยความรู้สึกต่อซองซงยอน เนื่องจากรู้มานานแล้วว่าเทซูหลงรักซองซงยอน บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เทซูต้องเปิดเผยความรู้สึกให้ซองซงยอนรู้ เมื่อเทซูถูกจี้ใจดำก็ยิ้มกริ่มโดยไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อซองซงยอน แต่อย่างใด
วันรุ่งขึ้น หัวหน้าหอศิลป์ประกาศเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้ช่างเขียนลีกับช่างเขียน ตั๊กเป็นจิตรกรระดับแปด ทั้งสองต่างพากันดีใจ จากนั้นก็พากันกล่าวขอโทษซองซงยอน เนื่องจากการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้นั้นไม่มีชื่อของซงยอนได้ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งด้วย ซองซงยอนได้ยินเช่นนั้นกลับตอบว่านางไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งสักเท่าใดนัก
หลังจากที่ซองซงยอนจากไปแล้ว ปาร์กซายองก็พูดกับพวกว่าการที่ซองซงยอนไม่ให้ความสำคัญกับการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งนั้น เนื่องจากเป็นไปได้ว่าซองซงยอนอาจถูกเรียกตัวเข้าวังหลวงก็เป็นได้ แม้ว่าพวกพ้องของปาร์กซายองไม่เชื่อว่าซงยอนจะได้เข้าวังหลวง แต่เนื่องจากในเวลานี้ตนได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที จะต้องให้ความสำคัญซองซงยอนอีกต่อไป
วันหนึ่ง ขณะที่เทซูและพวกกำลังตรวจสอบอาวุธอยู่นั่นเอง เทซูและพวกก็ถูกฮงกุกยองเรียกเข้าพบ เมื่อเทซูและพวกถึงห้องทำงานของฮงกุกยองแล้ว พรรคพวกของเทซูก็ขอร้องให้เทซูเป็นตัวแทนถามฮงกุกยองว่าจะดำเนินการอย่างไร กับหน่วยงานที่พวกตนสังกัดอยู่
หลังจากที่เทซูเดินออกจากห้องทำงานฮงกุกยองแล้ว เทซูก็มอบจดหมายฉบับหนึ่งจากฮงกุกยองให้ทุกคนอ่านกันเอง
อีก ด้านหนึ่งนั้น พระพันปีเฮคยองมีคำสั่งให้ฮงกุกยองและครอบครัวเข้าพบ พระพันปีเฮคยองมีความรู้สึกที่ดีต่อน้องสาวของฮงกุกยองเป็นอันมาก พระมเหสีโยอึยซึ่งทรงประทับอยู่ด้วยนั้นทรงตระหนักดีว่าพระพันปีเฮคยองทรงมี พระประสงค์ให้พระเจ้าจองโจทรงแต่งตั้งพระสนม เป้าหมายที่แท้จริงของพระพันปีเฮคยองนั้นคือทรงต้องการให้ลูกหลานได้เป็น เชื้อพระวงศ์ แต่พระมเหสีโยอึยกลับทรงเห็นว่าการรับซองซงยอนเข้าวังหลวงนั้นเป็นการดีที่ สุด



ฮงพงฮันพ่อของพระพันปีเฮคยองทูลแนะนำให้พระพันปีเฮคยองทรงหาหนทาง ให้น้องสาวของฮงกุกยองเข้าวังหลวงโดยเร็วที่สุด เนื่องจากฮงกุกยองและพระพันปีเฮคยองมีสกุลเดียวกันซึ่งเป็นการดีต่อฮงกุกยอง และครอบครัวเอง พระพันปีเฮคยองทรงขอให้พ่ออดทนไปก่อน เนื่องจากก่อนที่จะทำอะไรลงไปนั้นจะต้องดูความเคลื่อนไหวของพระมเหสีโยอึ ยเสียก่อน ในภายภาคหน้าเมื่อมีโอกาสพระนางจะทูลต่อพระเจ้าจองโจถึงเหตุผลของการแต่ง ตั้งพระสนม
พระเจ้าจองโจซึ่งทรงเสด็จตามระเบียงทางเดินนั้นทอดพระเนตร เห็น ขุนนางกรมวังหอบหนังสือราชการจำนวนมากไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พระเจ้าจองโจทรงเคลือบแคลงสงสัยเป็นอันมาก พระเจ้าจองโจทรงสงสัยว่าขุนนางกรมวังเหล่านี้เป็นขุนนางที่มีหน้าที่กลั่น กรองฏีกาก่อนที่จะทูลถวายพระเจ้าจองโจ หน้าที่นี้จึงเป็นหน้าที่ ที่สำคัญหน้าที่หนึ่ง เหตุใดขุนนางเหล่านี้จึงพากันออกจากราชการ
พระ เจ้าจองโจทรงมีรับสั่งให้ขุนนางกรมวังเข้าเฝ้า บรรดาขุนนางกรมวังทูลพระเจ้าจองโจว่าเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อกันมา ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแผ่นดิน พระราชาพระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ก็จะต้องมีการเปลี่ยนขุนนางกรมวังใหม่ สิ่งนี้เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
พระ เจ้าจองโจทรงไม่พอพระทัยต่อคำอธิบายของบรรดาขุนนางกรมวังเป็นอันมาก เมื่อเป็นเช่นนี้พระเจ้าจองโจจึงทรงเสด็จไปที่กรมวังด้วยพระองค์เอง เพื่อทรงสอบถามว่าใครสั่งให้ลดจำนวนขุนนางกรมวัง แต่นึกไม่ถึงว่ากลับไม่มีขุนนางกรมวังคนใดกล้าทูลตอบพระเจ้าจองโจ



พระ เจ้าจองโจทรงมีพระบัญชา เปิดประชุมขุนนาง พระองค์ทรงหยิบยกเรื่องที่เกิดขึ้นขึ้นมาในที่ประชุมขุนนาง พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งต่อบรรดาขุนนางกรมวังว่าไม่ควรยึดติดกับธรรมเนียม เดิม แต่ถ้าหากมีขุนนางคนใดไม่พอใจก็สามารถออกจากราชการได้ทันที พระองค์จะไม่ทรงรั้งไว้เป็นอันขาด
หลังจากที่ประชุมขุนนางเสร็จสิ้นลง พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งถามฮงกุกยองและแชจีคยอง ว่าการตัดสินพระทัยของพระองค์ถูกต้องหรือไม่ แชจีคยองทูลต่อพระเจ้าจองโจให้ทรงใคร่ครวญถึง การตัดสินพระทัยของพระองค์ให้ดี ถ้าหากบรรดาขุนนางใหญ่ต่างพากันออกจากราชการ เมื่อนั้นก็จะเกิดปัญหามากมาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมา แชจีคยองจึงทูลขอให้พระเจ้าจองโจถอนรับสั่ง แต่นึกไม่ถึงว่าฮงกุกยองกลับมีความเห็นตรงข้ามกับแชจีคยอง
ฮงกุกยอง เห็นด้วยและสนับสนุนการตัดสินพระทัยของพระเจ้าจองโจ ถ้าหากพระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งออกไปแล้ว ต่อมาเมื่อขุนนางคนใดคัดค้านไม่เห็นด้วย พระเจ้าจองโจก็ทรงถอนรับสั่ง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วในภายภาคหน้าจะมีขุนนางคนใดน้อมรับรับสั่งของพระเจ้า จองโจอีกต่อไป



ขณะที่พระเจ้าจองโจทรงกำลังตรวจหนังสือราชการนั่นเอง พระมเหสีโยอึยก็ทรงเสด็จมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ การมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจของพระมเหสีโยอึยในครั้งนี้นั้น พระนางทรงนำซองซงยอนมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจด้วย พระมเหสีโยอึยทูลพระเจ้าจองโจว่าทั้งที่ซองซงยอนถวายการรับใช้พระองค์อย่าง ดี แต่พระองค์กลับทรงไม่เคยกล่าวขอบพระทัยซองซงยอนแม้แต่ครั้งเดียว หวังว่าครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่พระเจ้าจองโจจะทรงกล่าวขอบพระทัยซงยอนด้วย พระองค์เอง
พระเจ้าจองโจทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของพระมเหสีโยอึยโดยดี หลังจากที่พระพันปีเฮคยองทรงรู้เรื่องที่พระมเหสีโยอึยทรงพาซองซงยอนไปเข้า เฝ้าพระเจ้าจองโจแล้ว พระพันปีเฮคยองก็ทรงเสด็จไปพบพระมเหสีโยอึยทันที
พระ มเหสีโยอึยทรงแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า จะให้ซองซงยอนเข้าวังหลวงเพื่อถวายการรับใช้พระเจ้าจองโจ พระนางทรงเชื่อว่าซองซงยอนจะทำให้ปณิธานของพระนางเป็นความจริงขึ้นมา แต่ในทางกลับกันนั้น พระพันปีเฮคยองเห็นแก่ส่วนพระองค์จึงคัดค้านไม่เห็นด้วยที่รับซองซงยอนเข้า วังหลวง และทรงไม่ยอมรับการตัดสินพระทัยของพระมเหสีโยอึย
หลังจากที่พระ มเหสีโยอึยเสด็จกลับห้องบรรทมแล้ว นางกำนัลส่วนพระองค์ก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินพระทัยของพระนาง ถึงกระนั้นก็ตาม พระมเหสีโยอึยทรงเชื่อว่าจะต้องมีหนทางที่ทำให้ซองซงยอนเข้าวังหลวงได้อย่าง แน่นอน
พระเจ้าจองโจซึ่งประทับอยู่ในห้องบรรทมนั้นได้หวนนึกถึงคำพูด นักฆ่า ที่ลอบปลงพระชนม์พระองค์ขึ้นมา หลังจากที่พระเจ้าจองโจทรงใคร่ครวญอยู่สักพักหนึ่ง ก็ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสรรหาคนที่มีความรู้ความสามารถมารับใช้ราชสำนัก พระเจ้าจองโจทรงเสด็จไปที่บ้านปราชญ์คนหนึ่ง ปราชญ์ที่ว่านี้ไม่เพียงไม่เห็นแก่พระพักตร์พระเจ้าจองโจ ซ้ำร้ายคำพูดยังหมิ่นพระเกียรติพระเจ้าจองโจอีกด้วย
การที่เป็นเช่น นี้นั้นเนื่องจากปราชญ์ผู้นี้เห็น พระเจ้าจองโจเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่งเท่านั้น ฮงกุกยองซึ่งติดตามพระเจ้าจองโจมาด้วยนั้นหลายต่อหลายครั้ง ที่จะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของพระเจ้าจองโจออกมา แต่กลับถูกพระเจ้าจองโจทรงห้ามปรามไว้
พระเจ้าจองโจทรงเกลี้ยกล่อมนัก ปราชญ์อยู่นานจนในที่สุดก็ทำให้นักปราชญ์ยอมรับคำเชื้อเชิญจากพระเจ้าจองโจ นักปราชญ์และบรรดาศิษย์พากันเดินทางมาถึงวังหลวง ทุกคนไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องมาที่นี่ ทันใดนั้นเองก็มีทหารองครักษ์เข้ามาเชื้อเชิญให้เข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ นักปราชญ์ตกใจมากจนเกือบเป็นลมล้มทั้งยืนเมื่อรู้ฐานะที่แท้จริงของพระเจ้า จองโจ



พระเจ้าจองโจทรงพบปะกับบรรดานักปราชญ์ พระเจ้าจองโจทรงเปิดเผยถึงแนวความคิดของพระองค์ให้บรรดานักปราชญ์รู้ นักปราชญ์ทูลถามพระเจ้าจองโจจะสอบถามข้อราชการจากพวกตน หรือให้พวกตนสอบถาม ข้อราชการจากพระองค์กันแน่ พระเจ้าจองโจทรงเห็นด้วยกับคำพูดของนักปราชญ์
พระ เจ้าจองโจจะทรงใคร่ครวญเองว่าเมื่อใดพระองค์ทรงต้องการคำแนะนำจากบรรดานัก ปราชญ์ การตัดสินพระทัยอยู่ที่พระองค์เอง บรรดานักปราชญ์มีหน้าที่เพียงถวายคำแนะนำเท่านั้น คำแนะนำที่ว่านั้นได้แก่คำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับราชสำนักและพสกนิกร ปัญหาที่ถูกเสนอขึ้นมา พระองค์จะทรงพิจารณาและตัดสินพระทัยเอง ถ้าหากนักปราชญ์มีหน้าที่เพียงเท่านี้นั้นจะมีไว้เพื่อประโยชน์อันใด นักปราชญ์เห็นด้วยกับรับสั่งพระเจ้าจองโจ
อีกด้านหนึ่งนั้น พระหมื่นปีจองซุนทรงสดับจากนางกำนัลส่วนพระองค์ว่าพระเจ้าจองโจทรงขัดแย้ง กับบรรดาขุนนางเก่าแก่ พระนางทรงรู้สึกว่าพระเจ้าจองโจทรงมีแผนการบางอย่างแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน
แช ซกจูและบรรดาขุนนางใหญ่ได้พบกับพระเจ้าจองโจที่หน้าพระตำหนักหลวงโดยบังเอิญ กลุ่มอิทธิพลสองกลุ่มเปิดศึกกันอย่างเป็นทางการ คืนนี้เหตุการณ์จะจบลงที่ตัวผู้นำกลุ่มอิทธิพลทั้งสองกลุ่ม ปัญหาการคัดเลือกพระสนมจะเป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่งนำความเดือดร้อนมาสู่พระเจ้า จองโจ ถึงค่ำคืนพรุ่งนี้จะเป็นบทสรุป

จบ ตอนที่ 48

No comments:

Post a Comment