Tuesday 17 March 2009

พระสนมซงยอน จากตระกูลซอง



พระสนมซงยอน จากตระกูลซอง

พระสนมซงยอน จากตระกูลซอง (Royal Noble Consort Ui of the Seong clan, 의빈 성씨) ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1753 (พ.ศ. 2296) เป็นเด็กกำพร้าเมื่อทรงพระเยาว์ได้เข้ามาเป็นนางกำนัลฝึกหัดและได้พบกับองค์ชายลีซาน (พระเจ้าจองโจ) และปาร์คเทซู หัวหน้าองครักษ์ในรัชสมัยพระเจ้าจองโจ ภายหลังทั้งสามได้สาบานเป็นเพื่อนร่วมสาบาน แต่ต่อมาซงยอนได้เป็นพยานในคดีพบอาวุธที่ตำหนักขององค์ชายซาโดพระบิดาขององค์ชายลีซาน จึงทำให้ทั้งซงยอน, เทซู และปาร์คดัลโฮซึ่งเป็นมหาดเล็กและเป็นอาของเทซู ต้องหนีออกจากเมืองฮันยางไป 9 ปี

เมื่อเรื่องคลี่คลายแล้ว ทั้งสามจึงกลับมายังฮันยาง ซงยอนได้ไปสมัครเป็นคนงานในศูนย์ศิลปาชีพ ส่วนเทซูได้ช่วยดัลโฮนำสินค้าไปขายต่างเมือง ต่อมาทูตจากต้าชิงได้มาเจริญสัมพันธไมตรีและต้องการสินค้า กลับไปที่ต้าชิง แต่เกิดคดีขโมยผ้าแพรสีขาวทำให้ซงยอนคิดวิธีการทำให้ผ้าแพรสีอื่นๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวได้สำเร็จ เมื่อองค์ชายลีซานอยากพบผู้คิดค้นวิธีนี้ใต้เท้าซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์ฯ จึงได้นำภาพวาดของซงยอนไปให้ทอดพระเนตรและบอกว่าผู้วาดภาพนี้ชื่อซองซงยอน พระองค์จึงโปรดให้เรียกตัวมาพบในภายหลัง พระองค์จึงได้พบกับซงยอนอีกครั้งในรอบ 9 ปี ส่วนเทซูพระองค์ก็ได้พบกันที่บ้านของสกุลปาร์คที่ใกล้ๆสะพานกวางทงต่อมาเทซู ได้สมัครเป็นทหารและได้เป็นสมใจ

เมื่อพระเจ้ายองโจสวรรคตในปี พ.ศ. 2319 องค์ชายลีซานจึงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจองโจ ขณะพระชนม์ 24 พรรษาและพระองค์ได้เลือกซงยอนให้เป็นพระสนม และแต่งตั้งให้เทซูเป็นหัวหน้าองครักษ์ หลังจากนั้น 6 ปี ในพ.ศ. 2325 ทรงพระประสูติกาลและประสูติพระราชโอรส พระเจ้าจองโจทรงดีพระทัยยิ่งนักเพราะหญิงที่ทรงรักสุดหัวใจได้ให้กำเนิดพระราชโอรสองค์แรก เป็นองค์รัชทายาทซึ่งทรงพระนามว่า องค์รัชทายาทมุนฮโย แต่ทรงดำรงตำแหน่งได้ 4 ปี ก็สิ้นพระชนม์

หลังจากนั้นได้ไม่นานพระสนมซองซงยอนก็ทรงสิ้นพระชนม์ไปอีก ระหว่างทรงพระประสูติกาล ขณะพระชนม์เพียง33พรรษา พระเจ้าจองโจเสียพระทัยยิ่งนักหลังจากนั้นองค์รัชทายาทองค์ที่ 2 (พระเจ้าซุนโจ) ก็ทรงประสูติในปี พ.ศ. 2333

พระโอรสและพระธิดาในพระสนมซองซงยอน

องค์รัชทายาทมุนฮโย (ค.ศ. 1782 - 1786) พระราชโอรสองค์โต ได้เป็นองค์รัชทายาทเมื่อแรกประสูติ สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนม์เพียง4พรรษา
องค์หญิงไม่ปรากฏพระนาม (ค.ศ. 1784) พระธิดาองค์เดียวของพระนาง สิ้นพระชนม์เมื่อแรกประสูติ

No comments:

Post a Comment