Friday, 27 March 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 45


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 45

หนึ่งวันก่อนที่องค์ชายลีซานจะ ขึ้นครองราชย์ได้พบกับนักฆ่า นักฆ่าได้ปลอมตัวเป็นคนขาเป๋ นัมซาโชถามนักฆ่าว่าเดินทางมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด
“บังอาจ เจ้าเป็นใครกันแน่ มาในฐานะอะไร ทำไมมาอยู่ตำหนัก “ซึงจอน” ได้”
“เอ่อ ขออภัยด้วยครับ ข้าเป็นช่างทาสี รับคำสั่งจากคนของศูนย์ศิลปะ ให้มาดูว่าตรงไหนมีปัญหา ต้องซ่อมแซมสีบ้างน่ะครับ” นักฆ่าตอบ
“งั้นหรือ”
“ตำหนักซึงจอนก็ต้องซ่อมแซมด้วยหรือ ทำไมข้าไม่เห็นรู้เลย” องค์ชายลีซานว่า
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ งานซ่อมแซมสี มีเพียงตำหนักใหญ่และท้องพระโรงเท่านั้น” นัมซาโชทูล
นักฆ่าทำเป็นตกใจ “หา แล้ว ที่นี่ ไม่ใช่ท้องพระโรงหรือครับ”
นัมซาโชดุ “หุบปาก ยังจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ อีก มาเดินส่งเดชในวังต้องมีปัญหาแน่ จับตัวหมอนี่ไปไต่สวนเดี๋ยวนี้”
“ครับ”
“เอ่อ คือ เดี๋ยว ใต้เท้า ข้าน้อยไม่รู้อะไร โปรดอภัยด้วยเถอะครับ ข้านึกว่าที่นี่ คือท้องพระโรงจริงๆ ครับใต้เท้า” นักฆ่าร้องขอ
องค์ชายลีซานรับสั่งให้ปล่อยตัว นัมซาโชขัดใจ แต่องค์ชายลีซานไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่
“ขอบพระทัยองค์ชาย ขอบพระทัยที่ทรงไว้ชีวิต”
“มาอยู่ในวัง ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องคอบรอบ ทีหลังอย่าให้ผิดซ้ำล่ะ” นัมซาโชเตือน
“ขอบคุณใต้เท้ามากครับ ขอบพระทัยองค์ชาย ฮือๆๆ ขอบพระทัย ขอบพระทัยที่ไว้ชีวิต ขอบพระทัยองค์ชาย ฮือๆๆ”
ชอง โฮคยอมหงุดหงิดที่นักฆ่ายังไม่ส่งข่าวมาสักที เขาเองคิดว่าไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักฆ่าเพียงคนเดียว จึงสั่งให้คนสนิทหาคนฝีมือดีมาอีก 20 คน และส่งเข้ามาในวัง



องค์ชายลี ซานตรวจตราความเรียบร้อยที่ท้องพระโรง แต่กลับไม่พบฮงกุกยอง องค์ชายลีซานถามแชจีคยองว่าฮงกุกยองอยู่ที่ใด แชจีคยองตอบองค์ชายลีซานว่าฮงกุกยองมีภารกิจสำคัญจึงไม่สามารถอยู่ช่วยงาน ได้ เมื่อองค์ชายลีซานได้ยินเช่นนั้นก็เชื่อว่าในเวลานี้ฮงกุกยองกำลังจับตาดู ความเคลื่อนไหวของชองโฮคยอมอยู่อย่างแน่นอน
ฮงกุกยองมอบหมายให้เทซู และพวกจับตาดูความเคลื่อนไหวของคนใกล้ตัวชองโฮคยอม วันหนึ่งเทซูและพวกติดตามคนสนิทของชองโฮคยอมไปจนถึงคลังเสบียง ทั้งที่จับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่นาน แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทุกคนจึงพากันกลับไปรายงานฮงกุกยอง เมื่อฮงกุกยองรับฟังรายงานแล้วก็เกิดความฉงนขึ้นมา ทั้งที่ฮงกุกยองมีเบาะแสว่าชองโฮคยอมและพวกกำลังค้นหาทองคำจำนวนมหาศาล คนเหล่านี้มีเงินทองมากมายเพื่อการใดกันแน่
ฮงกุกยองเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน ซึ่งองค์ชายลีซานเองก็ต้องการพบตัวเขาอยู่เช่นกัน
“เชิญเข้ามา มาเร็วเข้า ข้ากำลังอยากพบท่านอยู่พอดี เห็นใต้เท้าแชบอกว่า ท่านพาทหารไปทำงานนอกเมือง มีอะไรหรือเปล่า”
“องค์ชาย ที่หม่อมฉันมาเฝ้า ก็เพื่อจะทูลเรื่องนี้พ่ะยะค่ะ”
“ว่ามาเร็ว มีเรื่องอะไร”



“หึ หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า พิธีเถลิงราชย์พรุ่งนี้ เลื่อนไปหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำไมอย่างงั้นล่ะ ทำไมต้องให้เลื่อนงาน? พูดมาเร็วเข้า จู่ๆ มาบอกข้าแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผลบางอย่าง”
” หลายวันนี้ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ร้ายอดีตรัชทายาทต่างพากันเทขายทรัพย์สิน คาดการณ์ว่า น่าจะรวบรวมเงินได้มากกว่าแสนตำลึงด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ”
” ปกติแล้ว เป้าหมายของพวกเขาคือขัดขวางไม่ให้องค์ชายได้ครองราชย์ ถ้าอย่างงั้น จะรวบรวมเงินมากมายเพื่อทำอะไร ที่สำคัญ ไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ก็แสดงว่าจะเอาเงินก้อนนี้ ไปหาวิธีอื่นเพื่อปองร้ายองค์ชายก็เป็นได้”
“หึ ถ้าพวกเขาใช้เงินขนาดนี้เพื่อจะมาปองร้ายข้าจริง ท่านมีหลักฐานหรือเปล่า”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดเหล่านี้ เป็นเพียงการสันนิษฐานของหม่อมฉัน แต่ว่า ก็มีเหตุผลพอ”
“เอาเถอะ อย่าพูดอีกเลย ใกล้ถึงวันเถลิงราชย์ ท่านคงเครียดกับงานนี้มากไป”
“องค์ชาย”
” ต่อให้เชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริง งานนี้ก็เลื่อนไปไม่ได้ แล้วสาอะไรกับ การคาดเดาที่เลื่อนลอยของท่าน จะมาบอกให้ข้าเลื่อนงานได้ยังไง”
“แต่ว่าหม่อมฉัน”
“ข้าเข้าใจความเป็นห่วงของท่าน แต่บอกแล้วว่าถึงจะจริง ข้าก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว นี่คือคำตอบจากข้า ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
“องค์ชาย”
” บ้านเมือง ถ้าไม่จำเป็นจะขาดผู้นำไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ช่าง พิธีเถลิงราชย์ในวันพรุ่งนี้จะต้องมีขึ้น ท่านไม่ต้องห่วงมาก รีบออกไปเถอะ หึ”



องค์ชายลีซานพบซองซงยอนเดินตรวจงานอยู่จึงเข้าไปทัก
“อ้อ องค์ชาย”
“ซงยอน เฮ่อๆๆ ศูนย์ศิลปะนอกจากเจ้าแล้วไม่มีคนอื่นหรือไง ดึกป่านนี้ยังต้องมาเดินตรวจงานอีก”
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างงั้นเพคะ”
“ไม่ใช่ได้ไง ในเมื่อข้าเห็นกับตาน่ะ ใครสั่งให้เจ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ ถ้าข้าเป็นพระราชา จะสั่งลงโทษหมอนี่เป็นคนแรก”
“หา อะไรนะ ไม่มีใครสั่งหม่อมฉันหรอกเพคะ หม่อมฉันยินดีที่จะทำงานเอง องค์ชายอย่าทรงกริ้วนะเพคะ หึ”
“เฮ่อๆๆ ข้าล้อเล่นต่างหาก ล้อเล่นน่ะ”
” โธ่เอ๊ย ถึงจะล้อเล่น ก็อย่าขึงขังอย่างงั้นสิเพคะ เฮ่ย งานที่ทำ หม่อมฉันเต็มใจรับหน้าที่เอง จริงนะเพคะ องค์ชายขึ้นครองราชย์ หม่อมฉันมีโอกาสได้ถวายงานบ้าง แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว หึๆ หึๆๆ”
“เจ้ายังจำแถวนี้ได้หรือเปล่า เมื่อ 14 ปีที่แล้ว เราสองคนและเทซูหนีทหารมาซ่อนตัวอยู่แถวนี้ กลัวจะถูกใครจับได้”
“อึมๆ หึๆ”



” ความรู้สึกตอนแอบอยู่แถวนี้ คือทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว แต่ความรู้สึกตอนนี้ ก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อน เจ้าบอกว่าดีใจ ที่ได้ทำงานเพื่อข้าใช่ไหม แต่ข้าไม่มั่นใจเท่าไหร่ ไม่รู้จะแบกความคาดหวังของทุกคนไหวมั้ย จะเป็นพระราชาที่ดีได้หรือเปล่า และสัญญาที่ให้ กับเสด็จพ่อและเสด็จปู่ ก็ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน”
“องค์ ชาย หึ ยังทรงจำได้ไหม สมัยก่อนองค์ชาย เคยเกี่ยวก้อยสัญญากับหม่อมฉันและเทซู จะเข้มแข็งอยู่ต่อไปจนกว่าเราจะกลับมา และโตขึ้น ก็จะเป็นพระราชาด้วย หึ ขนาดสัญญาที่ให้กับคนต่ำต้อยอย่างเรา องค์ชายยังยึดมั่นถึงป่านนี้ เพราะฉะนั้น เมื่อทรงให้คำมั่นกับอดีตรัชทายาทและฝ่าบาทไว้ หม่อมฉันเชื่อว่า องค์ชายก็ต้องทำได้เหมือนกัน หึๆ กลัวอะไรเพคะ ไม่เห็นต้องกลัวเลย หม่อมฉันเชื่อในความมุ่งมั่นขององค์ชาย แล้วทำไมองค์ชายไม่ทรงเชื่อบ้างล่ะ หือ หึๆๆ”
“เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ”
องค์ชายลีซานและพระชายาโยอึยเสด็จไปเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
“หม่อมฉัน มาถวายบังคมเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อคืนทรงบรรทมสบายมั้ยเพคะ” พระชายาโยอึยถาม
” นอนหลับฝันดีเลยล่ะ ชั่วชีวิตข้าแทบไม่เคยรอคอยวันไหนอย่างใจจดใจจ่อเหมือนวันนี้เลย ลูกซาน วันนี้คือวันสุดท้ายที่เจ้าได้เป็นองค์ชาย และจะเป็น วันสุดท้ายที่มาหาแม่ในฐานะองค์ชายด้วย”
“เสด็จแม่”
“ฮือ หึ ขอบใจมากนะลูก ที่อดทนมาจนวันนี้ เป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งและน่าภาคภูมิ สำหรับแม่แล้ว คงมีแต่ความซาบซึ้งและตื้นตันที่มีต่อเจ้า”



องค์ชายลีซานและพระชายาโยอึยเรียก “เสด็จแม่”
” ถึงให้แม่ตายวันนี้ ก็ไม่กลัวที่จะสู้หน้าเสด็จพ่อของเจ้าอีก เสด็จพ่อไปรออยู่โลกอื่น คิดว่าคงให้อภัยในสิ่งที่แม่เคยทำไว้ ฮือ ดีมากเลยลูก แค่นี้แม่ก็ตายตาหลับแล้ว ได้เห็นเจ้าเป็นพระราชาองค์ใหม่ ต่อไป แม่ก็ไม่หวังอะไรอีกแล้วในชาตินี้ ฮือ”
องค์ชายลีซานขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจองโจ
“ทรงพระเจริญๆๆๆ”
” ข้า คือลูกของรัชทายาทซาโต ขอบอกอีกครั้งให้ฟังชัดๆ ข้า เป็นลูกของรัชทายาทซาโต สมัยก่อนเสด็จปู่ ทรงเห็นแก่บ้านเมือง จึงให้ข้า ไปเป็นลูกบุญธรรมขององค์ชาย “โยจาง” แทน แต่สายเลือดเป็นสิ่งที่ตัดขาดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ ข้าก็ได้ทูลเสด็จปู่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ทรงทราบ และเสด็จปู่ก็ทรงเห็นชอบ ตามที่ข้าทูล วันนี้จึงขอบอกย้ำอีกครั้ง ว่าข้าจะกลับไปเป็นลูกรัชทายาทซาโตเหมือนเดิม พร้อมกันนี้ ยังจะยกย่องเสด็จแม่ข้า พระชายาเฮคยอง ให้เป็นพระพันปีนับแต่บัดนี้ หากใครกล้าคัดค้าน หรือปฏิเสธการลบล้างข้อกล่าวหา ที่เคยให้ร้ายอดีตรัชทายาทซาโตในสมัยก่อน ข้าจะเอาผิดกับคนๆ นั้น ด้วยข้อหาคิดกบฎต่อบ้านเมือง”
“ทรงปรีชายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮงกุก ยองไขข้อข้องใจเทซูว่าเมื่อเทซูและพวกไปแล้ว ในวังหลวงก็ยังมีทหารองครักษ์ซึ่งเป็นหน้าที่ของทหารองครักษ์ที่จะถวาย อารักขาพระราชา ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลจนเกินไป



เทซูและพวกพากันไปที่ ห้องทำงานของฮงกุกยอง ฮงกุกยองมอบถุงเงินให้ทุกคนนำไปแบ่งกัน ฮงกุกยองบอกทุกคนว่าเงินในถุงนี้เป็นเงินขององค์ชายลีซานที่ตอบแทนให้ทุกคน แต่ถึงกระนั้นก็ตามเทซูก็ยังคงเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์ชายลีซาน
ฮงกุก ยองบอกเทซูว่าไม่ต้องกังวล วันนี้คนร้ายที่คิดปองร้ายองค์ชายลีซานจะต้องถูกจับกุม เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด เทซูและพวกถามฮงกุกยองว่าจะร่วมสังสรรค์กับพวกตนหรือไม่ ฮงกุกยองบอกเทซูว่าตนยังมีงานต้องทำ โอกาสหน้าค่อยร่วมสังสรรค์กับทุกคน
เทซูกลับบ้านถามอาถึงเรื่องวันนี้เป็นวันเถลิงราชย์ขององค์ชายลีซาน
ฮงกุกยองไปที่คุกหลวงสอบถามคนร้ายว่าใครเป็นผู้บงการปองร้ายพระราชา
นึก ไม่ถึงว่าเมื่อฮงกุกยองไปถึงคุกหลวง ทหารยามรายงานฮงกุกยองว่าคนร้ายที่จับกุมตัวมานั้นไม่ได้เป็นคนของขุนนาง ใหญ่คนใด ที่สำคัญคนร้ายเหล่านี้ที่มาไม่ชัดเจน แต่รับงานโดยหวังเพียงค่าจ้างเท่านั้น เมื่อฮงกุกยองได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความฉงนขึ้นมา เนื่องจากฮงกุกยองได้เบาะแสจากจดหมายของชองโฮคยอมว่าคนร้ายจะลงมือในวัน เถลิงราชย์ของพระราชา เหตุใดเหตุการณ์จึงกลับกลายเป็นเช่นนี้
ฮงกุก ยองไม่เข้าใจว่าเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร ที่แท้นักฆ่าที่ถูกว่าจ้างให้ปลงพระชนม์พระราชานั้นได้รู้ถึงแผนการอันชั่ว ร้ายของชองโฮคยอม นักฆ่าจึงจงใจให้เทซูและพวกค้นพบจดหมายลับ จากนั้นก็ให้คนปลอมตัวเป็นนักฆ่าลอบปลงพระชนม์ราชา เมื่อนักฆ่าลงมือทำการก็ปล่อยให้ถูกจับกุม แผนการนี้เป็นแผนการที่แยบยล เมื่อพระราชาทรงเชื่อว่านักฆ่าถูกจับกุมแล้ว พระองค์ก็จะไม่ระวังพระองค์ การตรวจตราระวังภัยของทหารองครักษ์ก็จะหย่อนยาน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะสบโอกาสที่จะลอบปลงพระชนม์พระราชา จากแผนการอันแยบยลนี้เองทำให้พบว่านักฆ่าไม่ใช่นักฆ่าธรรมดา



หลังจาก ที่เลิกประชุมขุนนางแล้ว พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งห้ามไม่ให้ขุนนางที่เคยคิดปองร้ายพระราชบิดา คือองค์รัชทายาทซาโต ออกจากวังหลวง ใต้เท้าฮงซึ่งเข้ากับแชซกจูและในเวลานี้ได้นั่งตำแหน่งของแชซกจูนั้น ก็ถูกห้ามไม่ให้ออกจากวังหลวงเช่นเดียวกัน ชองโฮคยอมไม่ยอมออกจากห้องนอนด้วยคิดว่า บางทีพระเจ้าจองโจอาจทรงรู้เรื่องที่ตนเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการลอบปลง พระชนม์แล้วก็เป็นได้ ในเวลานี้ไม่ควรออกจากวังหลวงเป็นอันขาด เหตุการณ์ต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาทำให้ ชองโฮคยอมถึงกับคิดฆ่าตัวตาย โชคดีที่นักฆ่าที่ชองโฮคยอมว่าจ้างไว้ได้ช่วยชีวิตชองโฮคยอมเอาไว้
“ท่านจะยอมจบแค่นี้หรือ”
“หา ทำไมเจ้า เจ้าไม่ได้ถูกพวกเขาจับหรอกหรือ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมยังมาอยู่นี่ได้ล่ะ”
” ที่ต้องถามต้นสายปลายเหตุฃ คือข้าต่างหาก ไม่ใช่ใต้เท้า วันนี้ ที่ๆ นัดแนะว่าข้าจะลงมือ ปรากฎว่ามีทหารไปเฝ้า แสดงว่า ลูกน้องท่านต้องผิดพลาดอะไรซักอย่าง ใช่ไหม”
“หึ จดหมายที่เจ้าฝากมา ถูกพวกเขาแย่งไปได้ และเราก็ติดต่อเจ้าไม่ได้เลยทำให้”
“แน่อยู่แล้ว ข้านึกแล้วไม่มีผิด”
“เจ้ารู้แต่แรกหรือ หมายความว่าไง”
“ลูกน้องของท่าน ขนาดมีคนสะกดรอยยังไม่รู้ตัวอีก ช่างเป็น พวกที่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”
“แล้วนี่มันหมายความว่าไง รู้แต่แรก ยังส่งจดหมายมาอีก แสดงว่า เจ้าจงใจให้จดหมายนั่น ไปอยู่ในมือคนขององค์ชายงั้นหรือ”
“ใช่ ข้าคิดไว้อย่างงั้น”
“งั้นก็แปลว่า เจ้าไม่ได้คิดสังหารองค์ชายแต่แรกหรอกหรือ เพราะอะไร จะมาเล่นตลกกับข้าหรือไง”
” เปล่าเลย ข้ายังรับเงินไม่ครบ จะเล่นตลกกับท่านทำไม เพียงแต่ ข้าไม่เคยสัญญากับท่าน ว่าจะเอาชีวิตองค์ชายก่อนเขาจะขึ้นครองราชย์ เพียงแต่ว่า ก่อนที่ท่านจะมีภัยถึงตัว ให้รีบจัดการก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ในขณะที่ทุกฝ่ายผ่อนปรนการเฝ้ายามน่ะ”
“หมายความว่าไง แสดงว่า ตั้งแต่แรกมา เจ้าก็คิดทำแบบนี้แล้วหรือ ให้พวกเขาไม่ทันระวังตัวน่ะ”
“ข้าเคยบอกท่านแล้วใช่ไหม อะไรที่ไม่มั่นใจ ข้าจะไม่ทำเด็ดขาด”

จบ ตอนที่ 45

No comments:

Post a Comment