Saturday 21 March 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 2


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 2

“บูต๊อก เจ้าจริงหรือนี่”
ซังกุงดุ “บังอาจ รู้มั้ยอยู่ต่อหน้าใคร กล้าเรียกส่งเดชหรือ”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเจ้าเป็นนางในรุ่นพี่แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมรังแกรุ่นน้องถึงขนาดใช้กำลังแบบนี้น่ะ”
“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”
“ไปบอกซังกุงปกครองเดี๋ยวนี้ ให้ลงโทษพวกนางให้หนัก”
ซังกุงรับคำแล้วออกไป จากนั้นลีซานบอกว่าเขาต้องการคุยกับซองซงยอนตามลำพัง
“เจ้าเป็นไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย ซงยอน”
“เอ่อ บูต๊อก เจ้าไม่ใช่บูต๊อกหรือ? เจ้า ไม่ได้ชื่อบูต๊อก แต่เป็นองค์ชายจริงหรือนี่”
“ขอโทษด้วยนะ เมื่อคืนนี้ ข้าปลอมตัวเป็นมหาดเล็กเพื่อจะไปตำหนักซีมินตัง ขอโทษจริงๆ ตอนนั้นข้าไม่รู้จะพูดกับพวกเจ้ายังไงดี”
“เอ่อ ฮือ ฮือ ขอทรงอภัยเพคะ หม่อมฉัน ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ถึงขนาดล่วงเกินองค์ชาย”
“ซงยอน”
“หม่อมฉันสมควรตายนัก อภัยให้หม่อมฉันเถอะเพคะ”
“หึ ลุกขึ้นเร็วเข้า เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าต่างหากที่ควรขอโทษเจ้า พวกเจ้าอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยข้า ข้ายังปิดบังฐานะตัวเองอีก”
“เอ่อ ฮือ องค์ชาย”
“จริงๆ แล้ว ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะความเป็นห่วง เพราะเมื่อกี้ข้าเจอเทซู แต่ว่า เขาถูกองครักษ์ในวังจับตัวไป”
“องค์ชายทรงเห็นเทซูหรือ”
“ใช่ เจ้ารู้มั้ยทำไมเขาถูกจับ เกิดอะไรขึ้นรู้หรือเปล่า”
ซอง ซงยอนอึกอักที่จะตอบ ลีซานรีบไปตามเทซู นายกองบอกว่าส่งไปกรมอาญาแล้ว เพราะถือเป็นผู้บุกรุกตำหนักซีมินตัง ลีซานรีบกลับไปหาเฮคยอง พระมารดาของเขา
“เสด็จแม่ ได้โปรด ทรงช่วยเทซูได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ไม่รู้เจ้าพูดเรื่องอะไร ให้ช่วยเทซูหรือ เขาเป็นใคร”
“เมื่อคืนนี้ คนที่บุกรุกตำหนักซีมินตัง คือหม่อมฉันเอง”
เฮคยองตกใจมาก “หา!”
“หม่อมฉันจะไปเยี่ยมเสด็จพ่อที่ถูกคุมขังอยู่ จึงแอบไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”
“ลูกซาน”
” แต่ว่า มีมหาดเล็กฝึกหัดคนหนึ่ง เมื่อคืนแอบช่วยหม่อมฉันจนใกล้จะถูกประหารแล้ว ฮือ เสด็จแม่ ถือว่าหม่อมฉันขอร้อง ได้โปรด ช่วยเทซูซักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
“เรื่องนี้แม่จะถือว่าไม่ได้ยิน”
“เสด็จแม่”
“แม่ไม่ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดทั้งนั้น รีบไปเก็บของซะ เราจะไปอยู่ข้างนอก”
“มีเพื่อนคนหนึ่งกำลังจะตายเพราะหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องแบบนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายหรอกนะ”
“ฮือ ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันจะไปสารภาพความจริงกับเสด็จปู่ ทูลให้รู้ว่าคนบุกรุกคือหม่อมฉัน หม่อมฉันยินดีรับโทษทุกอย่าง”
เฮคยองตกใจคาดไม่ถึง “ลูกซาน”
“หม่อมฉันทนเห็นผู้บริสุทธิ์ถูกประหารไม่ได้จริงๆ”
” งั้นเจ้าอยากเห็นแม่ตายต่อหน้าเอามั้ยล่ะ หัดทำตัวให้เข้มแข็งหน่อยได้ไหม วันหน้าเจ้าอาจได้เป็นพระราชาองค์ใหม่ เรื่องแค่นี้จะไปสงสารให้ป่วยการทำไมกัน”
“ชีวิตคนทั้งชีวิตนะพ่ะย่ะค่ะ แสดงว่า การครองราชย์สำคัญกว่าชีวิตของเพื่อนงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เฮคยองอ่อนใจ “ลูกซาน”
” สำหรับเสด็จแม่แล้ว ชีวิตของเสด็จพ่อก็ไม่มีความหมายใช่ไหม มิน่า เสด็จแม่ถึงไม่ร้อนพระทัยเมื่อเห็นเสด็จพ่อถูกจับไปขัง ฮือ ที่จริงหม่อมฉันก็รู้ ว่าทำไมเสด็จแม่กับท่านตาถึงไม่ค่อยใยดีเสด็จพ่อเท่าไหร่ ก็เพราะมีหม่อมฉันอยู่ ถึงเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ไป ยังมีหม่อมฉันอยู่ทั้งคน หม่อมฉันสามารถครองราชย์ต่อจากเสด็จปู่ได้ ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
เฮคยองสุดทน “พอที”
” หม่อมฉันไม่ต้องการแบบนี้ ถ้าวิธีนี้ทำให้หม่อมฉันได้เป็นใหญ่ หม่อมฉันขอสละบัลลังก์ไปช่วยคนยังดีกว่า หม่อมฉันจะไปเฝ้าเสด็จปู่เดี๋ยวนี้”
“เสด็จปู่ไม่อยู่ในวังหรอก ได้ยินว่าเสด็จไปเยี่ยมราษฎรพักใหญ่แล้ว ต้องอีก 3-4 วันถึงจะกลับ”
“หา ตั้ง 3-4 วันเชียวหรือ จะเป็นไปได้ไง แล้วเรื่องของเสด็จพ่อ เรื่องของเทซูล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะจัดการได้ ปัญหายุ่งๆ ไม่นานก็จะผ่านไป เจ้าแค่อยู่เฉยๆ เท่านั้น”
“เสด็จแม่”
“ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาหน่อยซิ พาองค์ชายน้อยกลับไปตำหนักเดี๋ยวนี้ หึ”
ลีซานพยายามอ้อนวอนให้พระมารดาช่วย แต่เฮคยองเองก็ไม่สามารถช่วยลูกได้ จึงได้แต่ร้องไห้เช่นกัน
องค์ ชายลีซานเสียใจมากที่ช่วยเทซูไม่ได้ จึงเอาแต่ร้องไห้ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของบิดา เขาก็รีบไปหาค้นกล่องไม้ และพบว่ากล่องไม้ซึ่งองค์รัชทายาทซาโตผู้เป็นพ่อไหว้วาน ให้ตนนำไปทูลถวายพระเจ้ายองโจนั้นมีภาพวาดบรรจุอยู่
เมื่อองค์ชายลีซาน เห็นเช่นนั้นก็รีบรุดไปหาซองซงยอนทันที องค์ชายลีซานบอกว่าตนพบภาพวาดที่จะช่วยพ่อและเทซูได้แล้ว และขอร้องให้ซองซงยอนช่วยเขียนแผนที่ถนนวุนจองให้ที เพราะจะได้ไว้ใช้ในการหลบหนี จากนั้นก็ไปดักรอเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
เมื่อเป็นเช่นนี้องค์ชายลีซานจึงรีบรุดไปที่ถนนวุนจองหาช่างจิตรกรของพระเจ้ายองโจเพื่อให้วาดภาพออกมา
ซงยอน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์ชายลีซานจึงไม่มอบหมายภารกิจให้คนสนิท องค์ชายลีซานตอบซงยอนว่าข้างกายตนไม่มีใครจริงๆ เมื่อซองซงยอนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา และซองซงยอนเห็นว่าองค์ชายลีซานดูจะไม่รู้จักถนนหนทางก็อาสาไปด้วย
“เจ้าไปไม่ได้หรอก มันจะเสี่ยงเกินไป”
“แต่ว่า องค์ชายไปคนเดียวก็เสี่ยงพอกัน”
“เรามีจุดยืนไม่เหมือนกัน ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปเสี่ยงด้วย เรื่องเมื่อคืนที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน แค่นี้ข้าก็เสียใจมากแล้ว”
” แต่ว่า เราได้สัญญาไว้แล้ว เมื่อคืนนี้ ทั้งเทซู หม่อมฉันและองค์ชาย เราสัญญาว่าจะช่วยกันและกัน แถมยังเกี่ยวก้อยสาบานด้วย ทรงลืมแล้วหรือ นอกจากช่วยองค์ชายแล้ว หม่อมฉันจะถือว่าช่วยเพื่อน ได้หรือเปล่าเพคะ”
ซอง ซงยอนซึ่งจะไปที่ถนนวุนจองนั้น เมื่อเห็นองค์ชายลีซานและฮงซังกุงแห่งตำหนักเฮคยองพากันเข้าไปยังที่พักแล้ว นางก็รีบเข้าไปซ่อนตัวในกล่องไม้ซึ่งอยู่บนเกี้ยวขององค์ชายลีซาน เมื่อเกี้ยวเดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง องค์ชายลีซานก็บอกคนรับใช้ว่าตนปวดท้องมาก ขออยู่ตามลำพัง กว่าจะรู้องค์ชายลีซานก็หายไปจากเสลี่ยงแล้ว
ด้านเทซูเขาถูกโบยอย่าง หนักเพื่อให้บอกว่าไปที่ตำหนักนั่นทำไม ในที่สุดเทซูก็บอกว่า เป็น บูต๊อก ที่ชวนไป เจ้าหน้าที่งงว่าเป็นใคร เทซูจึงบอกว่าเป็นมหาดเล็กฝึกหัด และโชคดีที่ปาร์คดัลโฮ อาของเทซูหาทางช่วย และยังได้ฮงพงฮันพ่อของเฮคยองช่วยจนเขารอดมาได้
ซองซงยอนพาองค์ชายลีซานไปขโมยเสื้อผ้าเด็กแถวนั้นมาใส่ แต่ลีซานใส่ไม่เป็นต้องให้ซองซงยอนช่วย ทำให้เห็นแผลที่แขนของซองซงยอน
“เดี๋ยวก่อน นั่นแขนเจ้าเป็นอะไร บาดเจ็บหรือ”
“เอ่อ เปล่า”
“หา หึ เลือดไหลนี่นา”
“ไม่เป็นไรจริงๆ”
“แผลน่ากลัวขนาดนี้ ยังว่าไม่เป็นไรอีก”
“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้แล้ว ไม่ได้การ หึ ทำไมเจ้าถึงโง่นัก เมื่อรู้ว่าบาดเจ็บก็ต้องรีบบอกข้าสิ”
“เอ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”
” หึ ไม่หรอก คนที่ผิดคือข้าเอง แทนที่จะเห็นใจเจ้า กลับรังเกียจเสื้อผ้าที่สกปรก อ้อ ไม่มีอะไร แค่นี้น่าจะดีขึ้น จริงสิ ตั้งแต่นี้ไป เจ้าเรียกชื่อข้าตรงๆ ได้ไหม”
“อะไรนะ เรียกชื่อองค์ชายหรือ”
” ใช่ เพราะตอนนี้ข้างนอก คงเต็มไปด้วยทหารที่ออกตามหาข้า ถ้าอยู่ในตัวเมือง ห้ามเรียกข้าว่าองค์ชายเด็ดขาด ชื่อของข้าคือซาน ลองดูสิ เจ้าลองเรียกดูซักครั้ง”
“ยังอีก ข้าบอกให้เรียกก็ต้องเรียกสิ”
“งั้น เอ่อ องค์ชาย ซาน อาซาน เอ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ที่บังอาจเรียกชื่อองค์ชาย”
” ไม่หรอก เจ้าไม่ต้องกลัวอะไร หึ เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรก ที่นอกจากเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าแล้ว มีคนอื่นที่เรียกชื่อข้าตรงๆ บ้าง หึ ไม่น่าเชื่อเลยว่า เวลาที่เจ้าเรียกชื่อข้า จะน่าฟังขนาดนี้”
ซอง ซงยอนพาลีซานขึ้นรถม้าไปถนนวุนจอง แต่มีทหารคอยตรวจค้น แล้วเกิดเรื่องเมื่อมีชายคนหนึ่งฆ่าทหาร เพราะเกรงว่าตัวเองจะถูกจับที่มีเหล้าเถื่อนขาย ลีซานรีบชวนซองซงยอนหนี แต่ก็ห่วงภาพเขียนของเสด็จพ่อ ทำให้ถูกจับตัว เพราะคิดว่าเป็นพวกยางวาลูส่งมา เขารีบบอกว่า
“ไม่ใช่ ข้าแอบอยู่ในรถม้าเพื่อจะไปถนนวุนจองต่างหาก”
“ไม่ใช่พวกยางวาลูส่งมาหรอกหรือ”
“ไม่ใช่ เห็นใจหน่อยเถอะนะ ข้าจำเป็นต้องรีบไปถนนวุนจองน่ะ”
“พี่ใหญ่ เด็กนี่ต้องเห็นเราฆ่าทหารแน่”
“เอ่อ ไม่ต้องห่วง ถ้าพวกท่านยอมปล่อยข้าไป ข้าจะอภัยโทษให้ และจะคุ้มครองชีวิตพวกท่านด้วย”
“เชอะ น่าขำจริงๆ เจ้ามีปัญญาคุ้มครองเราได้หรือ”
ลีซานกำลังจะบอกแต่ชายอีกคนบอกให้ลากเขาไปฝังพร้อมพวกศพทหาร เขาร้องขอความช่วยเหลือ
” ฮือ ปล่อยข้าออกไป ขังข้าไว้ที่นี่ทำไมเล่า บอกให้ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นองค์ชายนะ ได้ยินหรือเปล่า ข้าคือองค์ชายลีซาน เปิดประตูซี่ ปล่อยข้าออกไป”
“ได้ยินหรือเปล่า เขาบอกว่าเป็นองค์ชายแน่ะ”
“เชอะ เพ้อเจ้อ”
” บอกให้ปล่อยข้าไง,ไม่ได้ยินหรือ ถ้าไม่รีบปล่อยข้า ข้าจะถือว่าพวกเจ้าล่วงเกินเบื้องสูง ได้ยินหรือเปล่า ข้าจะไม่ยกโทษให้พวกเจ้า เปิดประตูซี่ บอกให้ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือเปล่า ฮือ ปล่อยข้าออกไป ฮือๆๆ ได้โปรดปล่อยข้าเถอะ ข้าขอร้อง ฮือ ข้าต้องออกไป ข้าต้องไปพบเสด็จปู่เดี๋ยวนี้ ฮือๆๆ ได้โปรดเถอะ ปล่อยข้าหน่อยได้ไหม ฮือๆๆ”
ขณะที่ลีซานถูกจับไปนั้น เขาก็ได้พบกับเทซูนอนกรนอยู่ จึงรีบปลุกให้ตื่น เทซูเห็นหน้าลีซานก็ตกใจ
“หือ เฮ้ย เจ้า บูต๊อกนี่นา”
“ใช่ ข้าเอง แล้วทำไมเจ้ามาอยู่นี่ ไม่ได้ถูกจับไปกรมอาญาหรอกหรือ”
“เจ้านี่มันทำข้าแสบนัก” เทซูตบหน้าลีซาน “รู้หรือเปล่า เจ้าทำให้ข้าเดือดร้อนขนาดไหน”
“เทซู ฟังข้าพูดก่อนสิ”
“ไม่ฟัง”
“โอ๊ย เทซู เดี๋ยวก่อนได้ไหม โอ๊ย เทซู บอกให้ฟังข้าก่อนไง โอ๊ย หึ เทซู”
“เงียบซะ”
ซอง ซงยอนเห็นลีซานหายไปนาน จึงตัดสินใจไปฟ้องทหารบอกว่าเรื่องบ้านหลังใหญ่ที่ทำเป็นโรงหมักเหล้าเถื่อน และเป็นคนฆ่าทหารตาย แต่ทหารไม่เชื่อเพราะเป็นบ้านของบัณฑิตปาร์ค แถมไล่ซองซงยอน
เทซูบ่นลีซานที่ทำให้เขาเกือบตาย แม้ลีซานจะพยายามขอโทษ
“หึ ขอโทษด้วย ข้าทำให้เจ้าลำบากจริงๆ”
” ใช่ เพิ่งรู้หรือ ข้าเกือบจะตายเพราะเจ้า เพราะฉะนั้น ถึงข้าจะซ้อมเจ้าหนักกว่า หรือผิดสัญญาที่ให้ไว้ เจ้าก็ห้ามโทษข้าล่ะ รู้หรือเปล่า”
“ข้าเข้าใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทวงบุญคุณ สำคัญต้องไปจากที่นี่ก่อน”
“ไปจากที่นี่หรือ”
“คนที่อยู่ข้างนอกต้องมาฆ่าเราแน่ ฉะนั้นเราต้องรีบหนีไป”
“หมายความว่าไงน่ะ ใครจะฆ่าเราหรือ อาจจะฆ่าเจ้า แต่ไม่มีวันฆ่าข้าหรอก คนที่นี่ใครๆ ก็ดีกับข้า เอาขนมให้กินด้วย”
“ทำไมเจ้าถึงโง่นัก พวกเขาจะฆ่าเราปิดปากยังไม่รู้อีก หึ”
ทัน ใดนั้นชายคนนั้นก็ร้องให้ชายอีกคนจัดการ ทั้งสองจึงรีบวิ่งหนี ไปเจอทหารเทซูจะเข้าไปขอความช่วยเหลือแต่ลีซานห้ามไว้ แล้วทั้งสองก็ได้พบกับซองซงยอน เธอรีบเข้ามาสมทบแล้วชวนกันวิ่งหนีรอดมาได้
“ข้าล่ะแปลกใจจริงๆ ทำไมจู่ๆ มีทหารมาตั้งเยอะล่ะ” ลีซานแปลกใจ
ซอง ซงยอนจึงบอกว่า “เพราะข้า เอาสายคาดเอวขององค์ชายให้พวกเขาดู ถ้าไม่ทำแบบนี้ ข้าก็ไม่รู้จะช่วยองค์ชายยังไงดีน่ะค่ะ กลัวว่าถ้าขืนชักช้า องค์ชาย อาจจะเป็นไรก็ได้”
“ซงยอน” ลีซานทั้งตกใจและซาบซึ้งใจซองซงยอน
“ยังไงก็ช่าง ช่วยองค์ชายแล้ว ยังได้เจอกับเทซูอีก”
เทซูเหนื่อยแต่ก็แปลกใจ “หึ เดี๋ยวก่อนซงยอน หึ หึ ทำไมเจ้าเรียกบูต๊อก ว่าเป็นองค์ชายล่ะ”
“เอ่อ เท เทซู เขาไม่ใช่บูต๊อก แต่ แต่เป็น องค์ชายน้อยลีซาน”
“หา อะไรนะ หึ องค์ องค์ชายลีซานหรือ เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ”
“ขอโทษด้วยนะเทซู ข้าไม่ตั้งใจปิดบังเจ้า”
“หา พูด พูดเป็นเล่น นี่เป็นความจริงหรือ ซงยอน”
“ใช่ เขาคือองค์ชายจริงๆ เมื่อคืนนี้ มีเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้ต้องปลอมตัวเป็นมหาดเล็ก หึ ดูสิ นี่คือ สายคาดเอวขององค์ชาย”
“ว้าย หึ ฮือ เอ่อ ตายแล้ว องค์ชาย ฮือ โปรดไว้ชีวิตด้วย หม่อมฉันผิดไปแล้ว”
“เทซูๆ”
“หม่อมฉันไม่รู้ว่าเป็นองค์ชายถ้ารู้ จะไม่ใช้กำลังซักนิด อภัยให้หม่อมฉันด้วย”
“อะไรนะ เจ้าทำร้ายองค์ชายหรือ” ซองซงยอนถาม
“ข้าไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นองค์ชาย โปรดอภัยให้ข้าด้วย ฮือๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“เป็นสิหม่อมฉันทำร้ายองค์ชายตั้งหลายที จะตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮือ หรือไม่ก็ถูกตัดมือ ไม่น่าเลย ข้าจะถูกตัดมือแล้ว ฮือๆๆ”
“ใครจะตัดมือเจ้า เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว เพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ข้าจะลงโทษเพื่อนรักได้ยังไง”
“หา เอ่อ องค์ชาย บอกว่าหม่อมฉัน เป็นเพื่อน กับองค์ชายงั้นหรือ”
“ใช่ เจ้าลืมแล้วหรือ หึ เราสามคน เคยเกี่ยวก้อยสาบานว่า จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไง”
“เอ่อ องค์ชาย ฮือ”
จาก นั้นเทซูก็บอกว่าเขารู้ทางลัด และพาทั้งสองไปจนถึงที่หมาย แต่ก็ทราบว่าพระเจ้ายองโจเสด็จไปที่เมืองยอจูต่อ ก็ตามไปจนพบและตีฆ้อง พระเจ้ายองโจทรงได้ยินก็รับสั่งให้ขบวนหยุด ฮงพงฮันทูลว่า
“ฝ่าบาท การตีฆ้องนั้น เป็นการร้องทุกข์ที่มีเฉพาะในเขตเมืองหลวง พระราชาจะไม่รับเรื่องร้องเรียนระหว่างทาง ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
ลีซานพูดเสียงดัง “ฝ่าบาท โปรดหยุดก่อนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะร้องเรียน โปรดช่วยพ่อของหม่อมฉันด้วย ฝ่าบาทหยุดก่อนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะร้องเรียน ฝ่าบาท”
ซองซงยอนช่วยพูด “ฝ่าบาท โปรดฟังคำร้องของเราก่อนเพคะ ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาท โปรดฟังคำร้องของเราด้วย ฝ่าบาท เรามีเรื่องมาร้องเรียนพ่ะย่ะค่ะ หึ ฝ่าบาท โปรดทรงช่วยเสด็จพ่อของหม่อมฉันด้วย” ลีซานหอบ
พระเจ้ายองโจ ขุนนางกับฮงพงฮันเห็นองค์ชายลีซานก็พากันตกใจ
“โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฮือ หม่อมฉันมาขวางขบวนเสด็จ รู้ว่าเป็นความผิด สมควรถูกลงอาญาอย่างหนัก”
พระเจ้ายองโจตรัสถาม “ทำไมเป็นเจ้าล่ะ มาอยู่แถวนี้ได้ยังไง”
“ฝ่าบาท” ลีซานพูดไม่ออก
“ข้าถามว่าทำไมมาอยู่แถวนี้ด้วยสารรูปแบบนี้”
“หม่อมฉันหนีมาพ่ะยะค่ะ”
“ว่าไงนะ”
” เพื่อจะเฝ้าฝ่าบาท หม่อมฉันหนีจากระหว่างทางไปบ้านเดิมของเสด็จแม่ แล้วรีบมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน ยินดีรับโทษตามแต่ฝ่าบาทจะเห็นควร แต่ขอได้โปรด ทรงเห็นแก่ความภักดีของเสด็จพ่อ ฟังหม่อมฉันหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฮือ เสด็จพ่อมีภาพเขียนจะมาถวายต่อฝ่าบาท โปรดทรงทอดพระเนตร และทรงเมตตาเสด็จพ่อบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฮือ เสด็จพ่อรับสั่งว่า ถ้าฝ่าบาทได้เห็นจะทรงหายกริ้วแน่นอน”
“พ่อเจ้าบอกเมื่อไหร่ว่าให้เอารูปนี้มาให้ข้า เจ้าไปเจอเขาเมื่อไหร่”
ลีซานอึกอัก “เอ่อ”
“คงไม่ใช่ คงไม่ใช่เพราะเจ้า”
“ฮือ เมื่อคืนนี้ หม่อมฉันแอบไปตำหนักซีมินตัง ฮือ”
พระเจ้ายองโจทรงตกพระทัยมาก “หา”
ฮงพงฮันเองก็ตกใจไม่น้อย “เอ่อ องค์ชาย”
“เป็นความจริงหรือนี่ คนที่บุกรุกตำหนักซีมินตัง ก็คือเจ้าหรือ”
” ถ้าฝ่าบาทจะลงอาญา หม่อมฉันก็ยินดีรับโทษ แต่ว่า โปรดทรงทอดพระเนตรภาพเขียนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงทอดพระเนตรซักนิด แล้วช่วยเสด็จพ่อของหม่อมฉันด้วย”
“หุบปาก คุมตัวองค์ชายลีซานไว้เดี๋ยวนี้”
“ฝ่าบาท” ลีซานร้อง
“ไม่ได้ยินหรือไง ข้าบอกให้จับตัวเขาไว้”

จบ ตอนที่ 2

No comments:

Post a Comment