Saturday 21 March 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 4


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 4

มี การตรวจพบคลังแสงที่ตำหนักตงกุง จึงนับเป็นอีกครั้งที่องค์ชายลีซานตกที่นั่งลำบาก พระเจ้ายองโจ ทรงมีรับสั่งว่าจะทรงไม่ให้อภัยผู้ที่เป็นภัยต่อราชวงศ์เป็นอันขาด ทำให้ทุกคนในตำหนักของพระราชนัดดาถูกไต่สวนอย่างเข้มงวด
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นก็ทำให้ตำหนักตงกุง เกิดความโกลาหลขึ้นมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ องค์ชายลีซานไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ฮงซัง กุงแห่งตำหนักเฮคยองและฮงพงฮันแนะนำองค์ชายลีซานให้กราบทูลพระเจ้ายองโจว่า คลังแสงที่ตรวจพบนั้นองค์รัชทายาทซาโตได้ก่อสร้างไว้นานแล้ว ตนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพียงเท่านี้ก็จะรักษาชีวิตไว้ได้
“ฎีกาที่จะถวาย เขียนเสร็จหรือยัง” เฮคยองถาม
“เอ่อ ยัง ยังไม่ได้เขียนพ่ะย่ะค่ะ”
” ลูกซาน เพราะเจ้าไม่เชื่อว่าเสด็จพ่อจะทรงคิดคดต่อเสด็จปู่ใช่ไหม ถ้าอย่างงั้น ทำไมไม่ยอมทำตามคำแนะนำของท่านตาล่ะ ลูกซาน ไม่ว่าจะยังไง เจ้าก็ต้องอยู่ต่อให้ได้ หลังจากนั้น เจ้าก็ต้องเป็นพระราชาอีก”
“ฮือ ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันควรจะทำไงดี ฮือ หม่อมฉันไม่อยากให้เสด็จพ่อถูกปรักปรำ ขณะเดียวกัน ก็ไม่อยากให้เสด็จแม่ทรงลำบากพระทัยด้วย ฮือ ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ต่างบอกว่าหม่อมฉันต้องเป็นพระราชา ฮือ แต่หม่อมฉันไม่รู้จะทำไงกับตัวเองดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ลูกแม่”
“เสด็จแม่ ฮือ ในวังน่ากลัวเหลือเกิน ฮือ เสด็จปู่ก็ยิ่งน่ากลัวด้วย เสด็จแม่ หม่อมฉันจะทำไงดี และพรุ่งนี้จะทำไงดีพ่ะย่ะค่ะ ฮือ หม่อมฉันต้องทำยังไงถึงจะอยู่ต่อได้ ฮือ เสด็จแม่ ฮือๆๆ”
“เฮ่ย ฮือ เจ้าเพิ่งจะ 11 ขวบเท่านั้น ฮือ ยังเป็นเด็กที่อายุน้อยนักหนา ฮือ ทำไมผู้ใหญ่ทั้งหลาย ต้องให้เจ้าแบกภาระที่หนักหน่วงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ฮือ”
“ฮือๆๆ เสด็จแม่ ฮือๆๆ เสด็จแม่ ฮือๆๆ ฮือๆๆ”
วันต่อมาองค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
” เสนาซ้ายบอกว่า เจ้ามีเรื่องจะมาพูดกับข้าใช่ไหม จะยอมสารภาพความผิดหรือไง ถ้าใช่อย่างงั้นก็ลองพูดมา ตอนนี้ยังไม่สาย ขอเพียงพูดความจริงเท่านั้น ข้าอาจไว้ชีวิตเจ้ารวมทั้งแม่ก็เป็นได้”
“หม่อมฉัน ไม่ได้มาเพื่อสารภาพผิดกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดี หม่อมฉันก็ไม่มีวันโกหกเพื่อหวังจะเอาตัวรอดคนเดียว”
“งั้นหรือ”
” เสด็จพ่อของหม่อมฉัน ไม่เคยคิดปองร้ายต่อฝ่าบาทแม้แต่น้อย เสด็จพ่อของหม่อมฉัน มีแต่ความห่วงใยฝ่าบาทและบ้านเมือง จนวันตายก็มีแต่ความภักดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้น มีหลักฐานยืนยันหรือเปล่า ข้าก็อยากเชื่อว่าเจ้ากับพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์เหมือนกัน งั้นจงบอกซิว่า มีอะไรมายืนยันคำพูดของเจ้าหรือเปล่า”
“เอ่อ ฝ่าบาท”
“บังอาจที่สุด ที่เจ้ามาหาข้า เพื่อจะบอกว่าตัวเองถูกปรักปรำใช่ไหม แล้วมันหมายความว่าไง เจ้ากับพ่อถูกปรักปรำทั้งคู่ แสดงว่าข้าแก่จนเลอะ หาเรื่องเล่นงานพวกเจ้าหรือไง”
พระเจ้ายองโจทรงเรียกหัวหน้ามหาดเล็ก ตรวจการณ์แซ่นัม ให้สืบเบื้องหลังเรื่องคลังอาวุธที่พบในตำหนักเดิมขององค์ชายลีซาน และต้องทราบผลภายใน 5 วัน
ใต้เท้านัม หัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์เรียกลูกน้องสองคนและดัลโฮให้มาช่วยงาน และสั่งให้ปิดเป็นความลับที่สุด ใต้เท้านัมสั่งให้ดัลโฮไปจับตาดูคนที่แอบซื้อขายอาวุธ เพราะเขารู้สึกว่าปืนยาวที่ค้นพบในตำหนักขององค์ชายลีซานเป็นของใหม่
ก่อน ที่ใต้เท้านัมจะรายงานผล ก็มีแชมูฮันกับลีคีจาสารภาพว่าได้รับคำสั่งจากอดีตรัชทายาทซาโตให้หาปืนมา แล้วขุดหลุมฝังไว้ เหล่าขุนนางต่างร้องขอให้พระเจ้ายองโจ สอบปากคำองค์ชายลีซานเพื่อเอาผิดให้ได้
ใต้เท้านัมขึ้นทูลถวายข้อมูลที่เขาหามาได้แด่พระเจ้ายองโจว่า
” ตั๋วเงินพวกนี้ พบในบ้าน “ลีตงยอน” และพ่อค้าชื่อ “ชองฮักชุน” ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ดูจากหลักฐานนี้ ลีตงยอนซึ่งเป็นคนสนิทของอดีตรัชทายาท เคยมีการซื้อปืนจาก ชองฮักชุน 80 กระบอก ซึ่งหลักฐานระบุไว้อย่างงั้น ที่หม่อมฉันไม่เข้าใจก็คือหลักฐานการซื้อขายแบบนี้ ทำไมพวกเขายังเก็บไว้อีก แต่ยังไงก็ตาม แค่นี้ก็พอยืนยันได้ว่าสองคนนี้มีการซื้อขายปืนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นก็แปลว่า คำให้การของบ่าวไพร่ที่อยู่กรมอาญา เป็นความจริงล่ะสิ”
“เอ่อ หม่อมฉันไม่กล้าสรุปพ่ะย่ะค่ะ”
ตอน ที่ดัลโฮไปสืบเรื่องปืน ก็ได้เทซูกับซองซงยอนช่วย แต่พอรู้ว่าองค์ชายลีซานจะถูกต้องโทษ เทซูก็มาต่อว่าดัลโฮ ซองซงยอนฟังแล้วถามว่าถ้าได้ปืนมาจะช่วยองค์ชายลีซานใช่ไหม
“ข้ารู้ว่า มีปืนเก็บอยู่ที่ไหน วันก่อน ข้าเห็นปืนด้วยล่ะ”
ซองซงยอนพาดัลโฮไปเอาปืนมา ดัลโฮรีบไปให้ใต้เท้านัมดู
“ใช่ไหม ปืนยาวที่ท่านบอกให้หาน่ะ”
“หา แต่ว่า เจ้าบอกว่า เด็กที่ชื่อซงยอนหาได้หรือ”
” ใช่ครับ อยู่บ้านเศรษฐีแซ่โอแถว “ซอซูมุน” นางเห็นกับตาเลย สงสัยว่ามีการขนปืนไปไหนก็ไม่รู้ เอ แต่ว่า ปืนหน้าตาแบบนี้ เพิ่งขุดเจอหมาดๆ ในตำหนักองค์ชายไม่ใช่หรือ”
ใต้เท้านัมรีบวิ่งไปหาพระเจ้ายองโจ เจอกับแชจีคยอมก็รีบถามว่าฝ่าบาทอยู่ไหน
“เสด็จไปลานไต่สวน เพื่อสอบปากคำองค์ชายลีซานน่ะสิ”
“หา ไปเมื่อไหร่ครับท่าน”
“มีอะไรกันแน่ ทำไมต้องตื่นเต้นนัก เพิ่งเสด็จไปเมื่อกี้” ใต้เท้านัมรีบขอตัวไปทันที
เหล่าขุนนางกับทหารจับตัวองค์ชายลีซานมา และเตรียมการทรมาน พระเจ้ายองโจเสด็จมาและประกาศว่า
“ยุติการพิจารณาซะ ยังมีหลายประเด็นที่ตรวจสอบไม่แน่ชัด ให้กรมอาญายุติการไต่สวนก่อน”
“ฝ่าบาท ประเด็นที่ตรวจสอบไม่แน่ชัด หมายความว่าไงหรือพ่ะย่ะค่ะ” เจ้ากรมอาญาถาม
“ให้คนเอาอาวุธที่พบในตำหนักองค์ชายมาให้ข้าดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เจ้ากรมอาญาให้คนนำอาวุธออกมาให้พระเจ้ายองโจทอดพระเนตร
” นี่คือเครื่องหมายที่สลักอยู่ อาวุธทุกชนิดที่ผลิตจากคลังแสงของเรา จะมีเครื่องหมายแบบนี้และวันเดือนปีที่ผลิตกำกับไว้ด้วย เจ้ากรมอาญาหยิบปืนขึ้นมาซิ”
เจ้ากรมอาญาตกใจ “หา”
“ข้าบอกให้หยิบปืนไม่ได้ยินหรือไง”
“อ้อ พ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นไง เห็นเครื่องหมายที่สลักอยู่ที่ด้ามปืนหรือเปล่า”
“เห็น เห็นพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้ามองเห็นก็แสดงว่านี่เป็นปืนที่ผลิตจากคลังแสงของเรา วันที่ผลิตคือวันไหนบอกข้าซิ ดูที่ด้ามปืน ไม่ต้องมองหน้าข้า”
เจ้ากรมอาญาตกใจ “เอ่อ คือ”
“ผลิตเมื่อไหร่”
“ผลิตเมื่อ เมื่อ คือว่า” เจ้ากรมอาญาอึกอัก
” เดือน 6 ปี “ยิมมู” นี่คือวันเวลาที่ผลิตปืนยาวและสลักไว้ทุกกระบอกอย่างเด่นชัด เข้าใจหรือยัง รัชทายาทตายเดือน 5 แต่ปืนพวกนี้ผลิตในเดือน 6 เห็นหรือเปล่า รู้มั้ยมันหมายถึงอะไร ถ้าไม่ใช่ผีสางมาเล่นตลก ก็คือมีคนเอาอาวุธพวกนี้ออกจากคลังแสงเพื่อใส่ร้ายองค์ชายลีซาน นี่คือบันทึกที่มาจากคลังแสง มีเขียนไว้ว่าเดือน 6 ปีนี้ผลิตอาวุธชนิดไหนและจำนวนเท่าไหร่ เข้าใจหรือยัง และมันคือหลักฐานว่าองค์ชายลีซานไม่เกี่ยวด้วย เอาตัวผู้ต้องหามา นี่คือพ่อค้าที่ขโมยอาวุธจากคลังแสงออกไปขายข้างนอก และมีคนซื้ออาวุธจากเขา เพื่อจะกล่าวหาว่าองค์ชายลีซานคิดกบฎ เรื่องวันนี้ข้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด ต่อให้ถลกหนังคนๆ นี้ซะ ข้าก็จะสืบหาคนที่ชักใยเบื้องหลังออกมา เพราะมันกล้าหยามข้านัก ถึงขนาดใส่ร้ายป้ายสีหลานของข้า องครักษ์จงฟังให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“คุมตัวเจ้ากรมอาญา “ลีคีจา” ไปขังคุกไว้ก่อน”
เจ้ากรมอาญาตกใจมาก “เอ่อ ฝ่าบาท”
“ข้าจะลงโทษให้หนัก ฐานคิดปองร้ายหลานของข้า”
“ฝ่าบาท ทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วย ฝ่าบาทๆๆ”
“เอ่อ คือ ฝ่าบาท ท่านเจ้ากรมเพียงแต่” ขุนนางอีกคนช่วยพูด
พระเจ้ายองโจทรงรับสั่งทันที “เอาตัวคนๆ นี้ไปด้วย”
“เอ่อ ฝ่าบาทๆๆ ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองใหม่ด้วย”
“สองคนนี้ก็ด้วย ไม่ต้องพูดมาก เอาตัวไปให้หมด”
“ให้ปลดออกจากตำแหน่งทั้งหมด นับแต่นี้อย่าให้เข้ามาในวังหลวงอีก ใครก็ตามที่กล้าท้าทายอำนาจของข้า ข้าจะไม่ละเว้นคนๆ นั้น”
หลังจากเสร็จงานแล้ว ใต้เท้านัมก็มาต่อว่าดัลโฮ
“ข้าเคยสั่งไว้ว่า งานนี้ถือเป็นความลับ แล้วให้เด็กสองคนนี้รู้เข้า เพราะเจ้าปากสว่างแท้ๆ”
“แต่ยังไงก็ช่าง ไหนๆ เรื่องก็จบลงด้วยดีไม่ใช่หรือครับ องค์ชายปลอดภัยก็ดีแล้ว ท่านก็ปล่อยๆ มั่งเหอะ อย่าทำเป็นเฮี้ยบนักเลย”
“เฮอะ ฟังพูดเข้า เจ้านี่นะ กระล่อนเรียกพี่จริงๆ”
ดัลโฮหัวเราะ “แหะๆๆ”
” หึๆๆ งานนี้ถือเป็นผลงานของเจ้าสองคนมากกว่า โดยเฉพาะซงยอนด้วยแล้ว ถ้าไม่มีเจ้า องค์ชายเห็นจะเดือดร้อนแน่” ใต้เท้านัมกล่าวชื่นชมเทซูกับซองซงยอน
“เราสองคน ขอเพียงช่วยองค์ชายได้ ก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ”
เทซูสวน “ดีใจแล้วทำไม องค์ชายไม่มีทางรู้หรอกว่าเราช่วยเขาไว้อีก”
“ไม่รู้แล้วจะทำไม” ซองซงยอนไม่สน
“มันก็จริง แต่ถ้าให้องค์ชายรู้ว่ามีเพื่อนอย่างเราอยู่ มิยิ่งดีหรอกหรือ”
“ฝันไปเถอะ ใครเป็นเพื่อนกับเจ้า องค์ชายจะมีเพื่อนเส็งเคร็งอย่างเจ้าได้ยังไง” ดัลโฮดุ
“อะไรเล่า องค์ชายเป็นคนพูดเองว่าเราเป็นเพื่อนน่ะ อึ้มๆๆ” เทซูเถียง
“เงียบไปเลย หุบปากซะ ถ้าไม่อยากเจอโทษลบหลู่เบื้องสูง เดี๋ยวก็ตายหรอก”
ใต้เท้านัมไปเฝ้าองค์ชายลีซานและเล่าเรื่องเทซูกับซองซงยอนให้ฟัง
“น่าแปลกจริงๆ ทำไมท่านรู้จักซงยอนกับเทซูด้วยล่ะ หึ”
“เอ่อ ถ้าไม่เพราะ เด็กผู้หญิงที่ชื่อซงยอนนั่น คดีอาจบานปลายมากกว่านี้ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
” อย่างงั้นหรอกหรือ ที่แท้เพราะซงยอนกับเทซู อุตส่าห์ช่วยเหลือข้าตั้งขนาดนี้เชียวหรือ ใช่แล้ว เราสัญญาว่าจะพบกันอีก และตกลงว่าก่อนที่เราจะได้พบกัน ทุกคนต้องดูแลตัวเองดีๆ แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ไหน อยู่ในเมืองหลวงหรือเปล่า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้น พาข้าไปหาพวกเขาหน่อยได้ไหม วันนี้พอดีต้องออกจากวังไปเรียนหนังสือ ถ้าโชคดีอาจได้เจอพวกเขาบ้าง”
ใต้เท้านัมพาไปแต่ก็คลาดกัน ทำให้องค์ชายลีซานไม่ได้พบหน้าเทซูกับซองซงยอน

จบ ตอนที่ 4

No comments:

Post a Comment