Saturday 28 March 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 46


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 46

หลังจากที่นักฆ่าเปิดเผยแผนการของตนให้ชองโฮคยอมรู้แล้ว ชองโฮคยอมก็เลิกล้มความคิดฆ่าตัวตายเพื่อรอฟังข่าวดีจากนักฆ่า
พระเจ้าจองโจทรงเข้าไปอ่านข้อราชการในห้องบรรทมของพระเจ้ายองโจ
นัก ฆ่านำคนจำนวนหนึ่งไปยังห้องบรรทมของพระเจ้าจองโจ มหาดเล็กและนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกห้องบรรทมเพื่อถวายการปรนนิบัติพระเจ้า จองโจถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น แต่พระเจ้าจองโจซึ่งอยู่ในห้องบรรทมกลับไม่ได้ยินเสียงใดทั้งสิ้น
พระ เจ้าจองโจทรงมีรับสั่งให้มหาดเล็กและนางกำนัลเข้ามาถวายงาน พระองค์ทรงเรียกอยู่นานก็ไม่มีเสียงขานรับ ที่เป็นเช่นนี้นั้นเนื่องจากบรรดามหาดเล็กและนางกำนัล ซึ่งอยู่นอกห้องบรรทมเพื่อถวายการรับใช้พระเจ้าจองโจนั้นได้ถูกฆ่าตายจนหมด สิ้น ในเวลานี้มีเพียงพระเจ้าจองโจพระองค์เดียวเท่านั้นที่ประทับอยู่ในห้องบรรทม ทำให้พระเจ้าจองโจทรงตกอยู่ในอันตราย



โชคดีที่เทซูกับซองซงยอนมาตามช่าง ทาสี ซึ่งก็คือนักฆ่านั้นเอง ทำให้ช่วยพระเจ้าจองโจได้ทันเวลา ฮงกุกยองและพวกเทซูต่างสำนึกผิดและขอรับโทษทัณฑ์จากพระเจ้าจองโจ แต่พระเจ้าจองโจบอกว่าไม่เกี่ยวกับพวกเขา
“คนพวกนี้ ปล่อยไว้ให้ข้าสอบเอง ข้าจะสอบปากคำพวกเขา ดูว่ายังมีใคร รู้เห็นด้วยอีก”
ชองโฮคยอมที่รอฟังผล พอรู้ว่าแผนล้มเหลว โอจองโฮชวนเขาหนี แต่ชองโฮคยอมกลับบอกว่าเขาจะกลับเข้าวังเดี๋ยวนี้
พระชายาโยอึยรีบเสด็จมาเฝ้าพระเจ้าจองโจ
” ฮือ ฮือ ฝ่าบาทเพคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีคนร้ายบุกรุกถึงห้องบรรทมจริงหรือเพคะ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ ช่างเป็นเรื่องน่ากลัวที่หม่อมฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย ฮือๆๆ”
“ขอโทษด้วยนะ ข้ามักจะเกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ให้เจ้าเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
“ฝ่าบาทเพคะ ฮือๆๆ ฮือๆๆ”
ฮงกุกยองสอบสวนคนร้าย และสั่งพวกทหารว่า
” มีพระบัญชา ให้ไปคุมตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท มาสอบปากคำเดี๋ยวนี้ ทั้งองค์หญิงวาวาน ใต้เท้าชองโฮคยอม และยังมีเจ้ากรมอาญาฮงนิมฮัน เจ้ากรมโยธา ลีแตซู อดีตเสนาซ้าย โอยอนซู ผู้ช่วยเจ้ากรมอาญา ลีจองโฮ อดีตอำมาตย์ ลีโดบุก และอดีตเจ้ากรมกลาโหม อดีตพัสดี ลีซองแท ใครที่ต้องสงสัยให้จับตัวมาให้หมด เข้าใจมั้ย รีบไปเดี๋ยวนี้”
พวกทหารรับคำ “ครับ”



ชอโฮคยอมกลับมาบอกองค์หญิงวาวานและชวนหนี
” เห็นทีคงต้องหนีก่อนแล้ว ที่ท่าเรือ “ยางวาจิน” จะมีเรือไปต้าชิงเข้าออกประจำ พระมารดาแค่ออกไปทางประตู คยองชู เมื่อพ้นเขตราชฐาน จะมีคนไปรอรับ หึ จดหมายเขียนถึงใต้เท้าเว่ยแห่งต้าชิง พระมารดาทรงมอบให้เขา เขาจะจัดการต้อนรับอย่างดี”
“หึ จดหมายนี่ เจ้าก็มอบให้เขาเองสิ ทำไมต้องฝากข้าด้วย”
“หม่อมฉัน จะไม่ตามไปด้วย”
“อะไรนะ”
“หม่อมฉันเป็นตัวการของเรื่องนี้ ถ้าไปพร้อมกับพระมารดา ทหารจะตามล่าเราสองคนไม่หยุดหย่อน”
“หึ แล้วยังไง แปลว่าให้เจ้ารับหน้าแทน แล้วข้าหนีไปคนเดียวงั้นหรือ”
“ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว อีกไม่นาน จะมีทหารมาที่ตำหนักนี้”
“หึ หึ เจ้าน่ะ ดูข้าผิดไป และไม่ได้นับถือข้าด้วย หึ” องค์หญิงวาวานฉีกจดหมาย
“พระมารดา”
” หึ ตั้งแต่รับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม ข้าก็ไม่เคยคิดว่า เจ้าจะเป็นคนอื่นคนไกล แม้จะไม่ได้ดูแลเจ้าเท่าไหร่ แต่มาจนวันนี้ ข้ายังคงเป็นแม่เจ้า และเจ้าก็เป็นลูกข้า”
“พระมารดา”
“ไม่ต้องใช้จดหมายอะไรทั้งนั้น สรุปคือ ถ้าจะหนี เราก็หนีไปด้วยกัน และเจ้าไปพูดกับเขาเอง เข้าใจมั้ย”
ซังกุงหน้าตาตื่นเข้ามา “องค์หญิง หม่อมฉันมาขอเฝ้า เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ มีทหารกลุ่มใหญ่ ตรงมาทางตำหนักนี้เพคะ”
“พระมารดา”
“หึ ช่างเถอะ เอาตามนี้แหละ หึ”
ฮงกุก ยองนำทหารมาแต่ไม่พบใครก็สั่งให้ตามไปทันที ส่วนตัวเขาไปทูลให้พระเจ้าจองโจทราบ ทรงสั่งให้สกัดทุกเส้นทางที่จะออกนอกเมืองและท่าเรือทุกแห่ง และถามฮงกุกยองว่า
“ถ้าท่านเป็นองค์หญิงหรือชองโฮคยอม คิดว่าจะไปไหน”
“หา” ฮงกุกยองอึ้ง
ไถ้า ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปเรื่อยๆ องค์หญิงน่าจะเลือกอยู่นี่ ขอตายยังดีกว่า แต่นี่กลับหนีออกไปทั้งคู่ ก็แสดงว่า น่าจะมีที่พึ่งที่ดี เหมาะจะไปอาศัยไหว้วาน ไปต้าชิง ข้าว่าองค์หญิงกับชองโฮคยอม น่าจะหนีไปต้าชิงมากกว่า เวลานี้ท่าเรือที่มีคนน้อย ก็คือยางวาจิน ถ้าจะหนีโดยไม่ให้ใครรู้ พวกเขาต้องไปทางยางวาจินแน่ เพราะฉะนั้น รีบพาคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ อย่ารอช้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชองโฮ คยอมและองค์วาวานจะหนีไปแผ่นดินจีน แต่นึกไม่ถึงว่าทั้งสองกลับถูกฮงกุกยองและทหารองครักษ์ซึ่งดักรออยู่ที่ท่า เรือนั้นเข้าจับกุม



ฮงกุกยองคุยกับซองซงยอนเรื่องคนร้ายที่ปลอมเป็นช่างทาสี
“ถ้าอย่างงั้น คนร้ายที่ปลอมเป็นช่างทาสี เจ้าเคยเห็นหรือเปล่า”
“คนที่ทำงานกับเรา ส่วนใหญ่จะรู้จักค่ะ แต่คนๆ นั้นเพิ่งเจอครั้งแรก”
” ถ้าอย่างงั้น เขาผ่านหน่วยงานไหนถึงมาเป็นช่างสีได้ เจ้ารู้หรือเปล่า เห็นบอกว่า คนที่รับผิดชอบงานซ่อมสี เป็นช่างเขียนแซ่ตั๊ก ซึ่งรับคนงานเข้ามาใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าคนงานนั่นเป็นคนร้ายปลอมตัวนี่คะ”
“งั้นข้าจะไปศูนย์ศิลปะ สอบปากคำคนที่นั่นอีกที” หัวหน้าองครักษ์บอก
“เอางั้นก็ได้ ส่วนข้าก็จะลองถามช่างคนอื่นเหมือนกัน ก่อนจะได้ข้อมูลคนร้าย คงจะยุ่งยากหน่อย และต้องรบกวนให้เจ้าช่วยด้วย”
“อ้อ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ขอเพียงมีอะไรให้ข้าช่วย เชิญสั่งมาได้เลย”
จากนั้นฮงกุกยองจะเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ และชวนแชจีคยอมไปด้วย
“ตอนนี้องค์หญิงวาวาน รวมถึงชองโฮคยอม อดีตเจ้ากรมอาญา เจ้ากรมโยธา ซึ่งเป็นแกนนำทั้งหมด ไปอยู่เรือนจำแล้วพ่ะยะค่ะ”
“และยังมีขุนนางท้องถิ่นอีก 20 คน กำลังคุมตัวมาที่เมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ” แชจีคยอมเสริม
“ข้ารู้แล้ว”
” ฝ่าบาท กระหม่อมสั่งให้กรมราชทัณฑ์เตรียมการไต่สวนแล้ว พรุ่งนี้ ก็จะเริ่มสอบปากคำได้ เรื่องนี้หม่อมฉันขอรับอาสาเอง หม่อมฉัน จะไต่สวนเอาผิดพวกเขาให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้อง ข้าจะไปด้วยตัวเอง ทั้งการสอบสวนและตัดสิน ข้าจะดูเองทั้งหมด”
“ฝ่าบาท”


ฮงพงฮันขอร้องพระพันปีเฮคยองให้ช่วยฮงนิมฮันด้วย
ฮงกุกยองเข้าไปเผชิญหน้ากับชองโฮคยอม
“นึกแล้วว่าเจ้าต้องมา เพื่อจะดูสารรูปข้าว่าตกอับถึงไหน จริงหรือเปล่า”
“หึ พรุ่งนี้จะมีการไต่สวน ถ้ายอมสารภาพแต่โดยดี อาจไม่ต้องถูกทรมาน ให้เจ็บตัวนัก”
” หึ ถ้าคิดว่าดูพอก็เชิญกลับไปซะ ข้าต้องการพักผ่อน และดูเป็นแบบอย่างไว้ด้วย นี่คือที่สุดของอำนาจที่เจ้าต้องการนักหนา อีกไม่นานเกินรอหรอก เจ้ายิ่งยึดติดกับอำนาจเท่าไหร่ มันจะยิ่งหลุดมือไปเร็วเท่านั้น และสุดท้าย เจ้าก็จะมีจุดจบเหมือนข้า เหมือนถูกพันธนาการไว้ทั้งตัว หนีไปไหนก็ไม่ได้ ปล่อยให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะ”
“เรื่องนี้ มันก็อาจเป็นไปได้ แต่ว่า ท่านไม่ต้องห่วงแทนข้าหรอก เพราะยังไง ข้าก็ไม่คิดปล่อยวางอำนาจง่ายๆ เหมือนกัน แต่ว่าความใจเด็ดและเข้มแข็งของท่าน ถือว่าน่าชมเชย งั้นพรุ่งนี้ เจอที่ลานไต่สวนละกัน” ฮงกุกยองกล่าว



วันรุ่งขึ้น พระเจ้าจองโจเสด็จมาที่ลานไต่สวน
” เดิมทีพวกท่าน มีโอกาสได้รอดชีวิต ข้าเคยคิดว่า จะเห็นแก่บ้านเมือง อย่างน้อยก็ละเว้นชีวิตให้พวกท่าน จะได้รู้สำนึกบ้าง แต่เมื่อคืนนี้ ข้าเพิ่งจะรู้ว่า สิ่งที่คิดเป็นความฝันเลื่อนลอยทั้งนั้น ถ้าจะเห็นแก่บ้านเมืองและส่วนรวมจริง คนที่ไม่ให้ความเคารพพระราชา เห็นแก่ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง เราแทบจะไม่ควรปล่อยเขาไว้อีก ความผิดของพวกท่าน จริงๆ ไม่ได้มีเฉพาะเมื่อคืน ข้าจึงคิดว่าวันนี้ จะขอรื้อฟื้นคดีเก่า ที่พวกท่านเคยให้ร้ายอดีตรัชทายาท รวมถึง ก่อเรื่องปองร้ายข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า มาชำระสะสางซะให้หมด และประกาศความผิดของพวกท่าน ให้ราษฎรได้รู้โดยทั่วกัน เพื่อให้กฎ หมายบ้านเมือง มีความศักดิ์สิทธิ์บ้าง ใต้เท้าแช”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จัดการลงทัณฑ์ให้หนัก จนกว่าจะยอมสารภาพ”
“พ่ะย่ะค่ะ ทุกคนเตรียมตัว เริ่มการลงโทษได้แล้ว”
พวกผู้คุมรับคำ “ครับ”
ฮงนิ มฮันร้องขอ “ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย จริงอยู่ ที่แล้วมาหม่อมฉันหูเบา หลงเชื่อคนผิด แต่ว่าหม่อมฉันไม่เคยคิดทรยศฝ่าบาทเลย หม่อมฉันกล้าสาบาน ไม่รู้อะไรกับสิ่งที่พวกเขาทำ ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย ได้โปรดเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฮือ”
“สายไปแล้วใต้เท้าฮง” พระเจ้าจองโจตรัส
“หา ฝ่าบาท ฮือๆๆ”
“ที่ข้ามาวันนี้ ไม่ใช่เพื่อฟังคำแก้ตัวหรือสารภาพผิดจากใคร ฉะนั้น ถ้าจะมาขอร้องข้า ขอบอกว่าสายไปแล้ว”
“ฮือ ฝ่าบาทๆ”
“ยืนเฉยทำไม เริ่มการทรมานนักโทษได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ” พวกขุนนางร้องเจ็บปวด
ด้านพระหมื่นปีจองซุนก็ทรงรับฟังเรื่องพวกนี้จากซังกุงคนสนิท
“แล้วยังไง พวกเขายอมเปิดปาก พูดแม้กระทั่งเรื่องอดีตรัชทายาทใช่ไหม”
“เอ่อ ใช่แล้วเพคะ เห็นว่าพอเริ่มไต่สวน มีการทรมานเพียงไม่นานนัก แต่ละคนก็เริ่มสารภาพเพคะ พระหมื่นปี”
“ถึงเวลาแล้วนี่ คิดว่าไม่นานพระราชาองค์ใหม่คงจะมาหาข้า”
เวลาต่อมาแชซกจูมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ พระเจ้าจองโจยื่นบางอย่างให้แชซกจูดู
“เอ่อ นี่คือ อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ความผิดทั้งมวลของพวกนักโทษ และวิธีที่จะลงโทษพวกเขา”
“แต่ว่าฝ่าบาท การไต่สวนยังไม่เสร็จไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ทำไมทรงรีบร้อนตัดสินโทษนักล่ะ”
” แล้วท่านคิดว่า ข้าไม่รู้สิ่งที่พวกเขาทำ ถึงให้มาไต่สวนหรือไง ข้ารู้นานแล้วว่าแต่ละคนทำอะไรไว้ เพียงแต่ไม่พูดเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานแน่นหนาอยู่ในมือด้วย แต่ที่ให้มาสอบปากคำ ก็เพื่อจะหาความผิดมากกว่านี้ ใครก็ตาม ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้าจะให้รับโทษทั้งหมด”



“แต่ว่าฝ่าบาท หากมีการลงอาญาจริง ขุนนางจะถูกปลดเป็นร้อยคน รวมถึงเนรเทศและประหารอีกนับสิบ เป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าจำเป็นก็ต้องยอมเสียบ้าง ถ้ายังมีความผิดมากกว่านี้ ข้าก็จะเพิ่มโทษอีก”
แชซกจูอึ้ง “ฝ่าบาท”
” ท่านมักจะปกป้องพวกเขา โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชสำนัก และข้า ก็เคยเห็นด้วยที่จะละเว้นชีวิต แต่ว่า พวกเขากลับยิ่งเหิมเกริม ถึงขนาดจ้างคนมาลอบทำร้ายข้า แล้วยังจะบอกว่าข้าลงโทษหนักไปหรือ ข้าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดในวังอีก จะไม่ให้ใคร มาลบหลู่เกียรติของพระราชา แล้วตัวเองก็เฉยไว้ เข้าใจหรือเปล่า”
แชซกจูกลับไปแล้ว พระเจ้าจองโจรับสั่งให้ฮงกุกยองเข้าเฝ้า แต่เวลานั้นฮงกุกยองเชิญพระหมื่นปีจองซุนมาที่ลานไต่สวน
” หม่อมฉันไม่เคยคิดจะใช้กำลัง เพราะฉะนั้น เชิญตามหม่อมฉันไปจะดีกว่า” ฮงกุกยองกล่าว “เชิญประทับก่อน นับแต่นี้ ถ้าไม่ทำตามที่หม่อมฉันทูล พระนางอาจต้องเจ็บตัวบ้างไม่มากก็น้อย”
“อะไรนะ แล้วยังไง จะทำอะไร กล้าใช้วิธีทรมานกับข้าเพื่อให้พูดหรือไง”
“ถ้าจำเป็นก็อาจจะใช้”
“อะไรนะ หึ หึ บังอาจจริงๆ เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้เชียวหรือ ข้า เป็นมเหสีเอกของอดีตพระราชา ยังไงก็มีฐานะเป็นพระหมื่นปีอยู่”
“หึๆ พระหมื่นปีหรือ”
“หา เจ้าสารเลว นี่เจ้ากล้า กล้ามายิ้มเยาะต่อหน้าข้า เห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไง”



” กรุณาเงียบๆ หน่อยเถอะ ต้องขอบอกว่า ตอนนี้พระนาง มาในฐานะแกนนำก่อกบฎเท่านั้น อย่าคิดว่ามียศศักดิ์ เป็นที่เกรงขามของผู้คนอีกเลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องจำไว้ คือทรงเป็นนักโทษอาญา ถ้าขัดขืนก็อาจเจ็บตัวได้ทุกเมื่อ ขอจงจำไว้ด้วย”
จากนั้นฮงกุกยองก็สั่งให้เริ่มการสอบปากคำ และพาพยานเข้ามา พวกขุนนางถูกทรมานต่อ
ดึกมากแล้ว นัมซาโชทูลเตือนให้พระเจ้าจองโจทรงเข้าบรรทม
“การไต่สวนยังไม่เสร็จอีกหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
” ก็จริงน่ะนะ คนที่เกี่ยวข้องมีกว่าร้อย ต่อให้สืบอีก 3 วัน 3 คืนก็คงไม่จบง่ายๆ ถ้าทุกอย่างสามารถจบในสามวันนี้ได้ ก็คงจะดีมาก ข้าไม่อยากตัดสินโทษใครอีก ไม่อยากให้มือตัวเองเปื้อนเลือด จะได้สบายใจขึ้น”
“เอ่อ ฝ่าบาท”
“เอาเถอะ ข้าก็รู้อยู่ รู้ว่าท่านจะพูดอะไรต่อ มันยังไม่จบหรอก ตราบใดที่ข้าอยู่ตรงนี้ จะมีคนอีกมากที่ความเห็นไม่ลงรอยกับข้า พร้อมจะถือกระบี่มา ห้ำหั่นข้าได้ทุกเมื่อ”
“ฝ่าบาท”
“หึ ไม่ต้องห่วงหรอก มันเป็นเรื่องธรรมดาของพระราชา ข้ารู้มานานแล้ว แม้จะเหนื่อยล้าและน่าเบื่อ แต่เมื่อข้ามาอยู่ตรงนี้ ก็จำเป็นต้องเผชิญ”

จบ ตอนที่ 46

No comments:

Post a Comment