ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 44
พระ เจ้ายองโจทรงหายสาบสูญไปจากวังหลวง เมื่อองค์ชายลีซานรู้เรื่องนี้แล้วก็รีบรุดไปยังห้องบรรทมของพระเจ้ายองโจ ทันที องค์ชายลีซานพบเห็นแต่เพียงฉลองพระองค์ของพระเจ้ายองโจอยู่ในห้องบรรทมเท่า นั้น เมื่อองค์ชายลีซานเห็นเช่นนั้นก็มีคำสั่งให้ทหารองครักษ์พากันออกตามหาพระ เจ้ายองโจ
ทหารองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่มีเบาะแสพระเจ้ายองโจแม้แต่ น้อย องค์ชายลีซานพยายามคิดก็คิดไม่ออกว่าพระเจ้ายองโจทรงประทับอยู่ที่ใดกันแน่ ทันใดนั้นเององค์ชายลีซานก็นึกถึงองค์รัชทายาทซาโตขึ้นมา
พระเจ้ายอง โจทรงมีรับสั่งกับตนว่าไม่นานนักพระองค์ก็จะเสด็จไปหาองค์รัชทายาทซาโต เมื่อพระราชนัดดานึกถึงรับสั่งนี้ขึ้นมาก็คิดไปในทางไม่ดี แต่ยิ่งคิดก็คิดไม่ออกว่าพระเจ้ายองโจทรงเสด็จประทับที่ใดกันแน่
ในเวลานี้สิ่งที่องค์ชายลีซานทำได้คือรอฟังรายงานจากทหารองครักษ์เพื่อใช้ตัดสินใจต่อไป
ซอง ซงยอนรู้จากอาของเทซูว่าเนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นที่วังหลวง ทำให้เทซูไม่ได้กลับบ้าน เมื่อซองซงยอนได้ยินเช่นนั้นก็สอบถามถึงเทซูด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เนื่องจากอาของเทซูต้องรีบไปขายของที่ตลาดจึงไม่มีเวลาพูดคุยกับซองซงยอนมาก นัก
ต่อมาทหารองครักษ์ของพระเจ้ายองโจได้มาหาซองซงยอนเพื่อพานางไปยัง สถานที่แห่งหนึ่งเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ ซองซงยอนตกใจมากเมื่อเห็นพระเจ้ายองโจทรงประทับอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่ง
“เป็นไง ข้ารู้สึกดีใจที่ได้พบเจ้า อึม เดินมาใกล้ๆ ซี่”
“เพคะฝ่าบาท ฝ่าบาท จะให้หม่อมฉันเขียนรูปคนหรือเพคะ”
” อึม ใช่ ข้าจะพูดให้ฟัง เกี่ยวกับลักษณะหน้าตาของเขา เจ้าแค่ฟังอย่างเดียว จะสามารถเขียนรูปเขาออกมาให้เหมือนได้ไหม หลายปีก่อนข้าโกรธจนขาดสติ สั่งให้เอารูปของเขาที่เขียนไว้ไปเผาทิ้งหมด ด้วยเหตุนี้ เลยทำให้องค์ชายลีซาน ไม่มีรูปพ่อของเขาไว้เป็นที่ระลึก เพราะฉะนั้น ข้าเลยอยากชดเชยภาพเขียนของพ่อเขาแทนให้ หลังจากทำให้พ่อเขาตาย เพิ่งมาชดเชยเอาป่านนี้ มันอาจจะสายเกินไป แต่ข้าก็อยากให้เขามีรูปของพ่อบังเกิดเกล้าเก็บไว้บ้าง เป็นยังไง พอจะเขียนได้ไหม”
“เอ่อ เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันจะพยายามลองเขียนดู”
” นั่นเป็นใบหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลา ลักษณะเป็นรูปหน้าไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ใครเห็นก็ว่าเป็นเด็กที่มีวาสนา แล้วยังมี ริมฝีปาก ที่เม้มสนิท ตัดกับแก้มที่มีเลือดฝาด ดวงตา ใช่แล้ว เขามีรูปนัยน์ตาที่คล้ายกับองค์ชายไม่มีผิด มีแววตาที่เปล่งประกาย เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน แสดงถึงความเฉลียวฉลาดเหนือคน” พระเจ้ายองโจทรงมีอาการไอ
“เอ่อ ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ”
“เฮ่อ ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เฮ่อ เฮ่อ แล้วยังมี รอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ตรงข้ามกับข้าซึ่งเป็นคนหน้าดุ แต่ลูกคนนี้ แม้จะเคยถูกข้าตำหนิอยู่บ่อยครั้ง เขาก็ยังมีรอยยิ้ม ให้เห็นอยู่เสมอ หึ”
องค์ชายลีซานทรงคาดคั้นหัวหน้าองครักษ์ว่าพระเจ้ายองโจเสด็จไปที่ใด แล้วก็ทรงม้าไปทันที พอถึงกระท่อมก็ทรงพบกับซองซงยอนก่อน
“เอ่อ องค์ชาย”
“ซงยอน ทำไมเจ้ามาอยู่นี่ด้วยล่ะ”
“เอ่อ นี่เพคะ ฝ่าบาททรงอยู่ในนี้”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมาแล้ว หม่อมฉันจะมารับเสด็จกลับวัง ฝ่าบาทๆๆ”
องค์ชายลีซานเสด็จเข้าไปก็พบว่าพระเจ้ายองโจทรงหมดสติ
” ฝ่าบาท หา หึ ฝ่าบาทๆๆๆๆ ทรงลืมพระเนตรเร็วเข้า ฝ่าบาท หม่อมฉันเองนะพ่ะย่ะค่ะทรงจำได้ไหม หึ ใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามาเร็ว ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ เร็ว”
ฮงกุกยองรีบรับคำทันที หลังจากหมอหลวงได้ตรวจพระอาการเรียบร้อยก็สีหน้าไม่สู้ดี องค์ชายลีซานรีบตรัสถาม แต่ทันใดนั้นพระเจ้ายองโจทรงสวรรคตแล้ว ทุกคนตกใจมาก
“ฮือ ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท อย่าทรงทิ้งหม่อมฉันไป ฝ่าบาทๆๆ ได้โปรด อย่าทิ้งหม่อมฉันไป ฮือๆๆ ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฮือๆๆ ฝ่าบาท ฮือๆๆ อย่าทิ้งหม่อมฉันไป ฮือๆๆ”
ทุกคนต่างร้องไห้เศร้าเสียใจกับการจากไปของพระเจ้ายองโจ ซองซงยอนนึกถึงรับสั่งที่พระเจ้ายองโจทรงตรัสกับนางว่า
” ขอบใจมากนะ แหวนคู่วงนี้ ได้จากเสด็จแม่ของข้า พระชายาซุกพิน เป็นของที่ระลึกมานาน ข้าขอมอบให้เจ้า เป็นการตอบแทนที่ช่วยเขียนรูปที่มีความสำคัญต่อข้า เลยอยากมอบให้เจ้าไว้”
“เอ่อ ไม่ได้หรอกเพคะ นี่เป็นสิ่งมีค่า หม่อมฉันจะรับได้ยังไง”
“ไม่เป็นไร ได้ยินว่า เจ้าเป็นเพื่อนกับองค์ชายมาตั้งแต่เด็กใช่ไหม รับไว้เถอะ”
ซองซงยอนอึ้ง “เอ่อ”
” พักก่อนองค์ชาย เคยพูดกับข้าว่า ทุกครั้งที่เขามีเรื่องลำบาก เจ้าจะให้ความช่วยเหลือ แถมยังว่าเจ้า ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา เจ้ายอมเป็นเพื่อนหลานข้าที่กำพร้าพ่อแต่เล็ก ไม่ให้ชีวิตเขาเงียบเหงาเกินไป หวังว่าต่อไปก็ยังเป็นเหมือนเดิม ใช้น้ำใจอันดีงามของเจ้า อยู่เคียงข้างเขา คอยปลอบประโลม ให้เขามีกำลังใจยืนหยัดต่อไป”
“ฝ่าบาท” ซองซงยอนร้องไห้ด้วยความเสียใจมาก กับการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ายองโจ
ฮงกุกยองเข้ามาบอกองค์ชายลีซานถึงพิธีชำระพระศพ และมอบจดหมายที่พระเจ้ายองโจทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์มอบให้องค์ชายลีซาน
” ไม่แน่ว่านี่อาจเป็น จดหมายฉบับสุดท้ายที่ข้าจะสามารถเขียนถึงเจ้าได้ เพราะว่าอาจเป็นวันนี้ ที่ข้าจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นวันสุดท้ายก็ได้ ทุกครั้ง พอได้ยินเสียงลมพัดมา ลืมตาขึ้นดู ข้าเหมือนจะเข้าใจสัจธรรม ว่าวันนี้อาจจะถึง บั้นปลายสุดท้ายในชีวิตก็เป็นได้ และเป็นวันที่ทุกคนต้องพบเจอทั้งนั้น แม้ข้าจะเป็นพระราชา แต่มักบอกตัวเองเสมอว่าวังหลวงไม่ใช่ถิ่นพำนักสุดท้ายในชีวิต และที่ข้าออกจากวังเงียบๆ โดยลำพัง ก็เพราะสาเหตุนี้เหมือนกัน สิ่งที่ข้าหวังมากที่สุด คือได้เห็นความเป็นอยู่ของราษฎรที่ดีขึ้นแล้วค่อยจากโลกนี้ไป เหมือนวันๆ หนึ่งที่มีทั้งกลางวันและกลางคืน ชีวิตมีเกิดย่อมมีดับเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นแม้เกิดมาก็ไม่ต้องดีใจ ถึงคราวจากไปก็ไม่ใช่ความเศร้าโศกแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เจ้าจงอย่าร้องไห้ ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กับการจากไปของข้าเลย เพียงแต่หวังว่า เจ้าจะอโหสิให้ปู่ที่ใจร้ายอย่างข้า แล้วก็ จงอย่าลืมพ่อที่รักเจ้าราวกับแก้วตา ทนุถนอมมาตั้งแต่เกิด เจ้าจะต้อง เอาอย่างเจตนารมณ์ของพ่อเจ้า ดูแลห่วงใยราษฎร ใส่ใจทุกข์สุขของพวกเขา เป็นพระราชาที่สร้างประโยชน์สุขให้แก่บ้านเมือง ตามคำสอนของพ่อเจ้าเถอะนะ”
“หม่อมฉันจะจำคำสอนของเสด็จปู่ไว้ ฮือ ทั้งคำสอนของเสด็จพ่อ และของเสด็จปู่ หม่อมฉัน จะไม่มีวันลืม ตราบจนวันตาย ฮือ”
ปาร์คยองมุนเรียกช่างเขียนตั๊ก ลีชองและซองซงยอนมาพบ
“รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีเถลิงราชย์ ในนี้ จะมีบอกถึงขั้นตอนการเตรียมงาน ข้าวของเครื่องใช้ตามประเพณี และสิ่งที่เราต้องตระเตรียม”
“แล้ว มาให้เราดูทำไมครับ”
“จะให้พวกเจ้าสามคน รับผิดชอบการทาสีใหม่ ในส่วนของตำหนักต่างๆ”
“หา อะไรนะครับ ให้เรารับผิดชอบน่ะหรือ”
“ใช่ ช่างเขียนตั๊กเป็นหัวหน้างาน ส่วนช่างเขียนลีและซงยอน คอยเป็นผู้ช่วยอีกที ขาดเหลืออะไรก็บอกได้”
“ค่ะ”
” อีก 4 วันข้างหน้าคือวันเถลิงราชย์ แต่ก็เป็นที่รู้ว่า เพราะมีงานพระศพ ทำให้งานอื่นค่อนข้างจะเร่งรีบ แต่ข้าก็เชื่อมือพวกเจ้า คงไม่ทำให้ผิดหวังล่ะ”
ทุกคนรับคำอย่างเต็มที่
ฮงกุกยองกล่าวกับพวกเทซูว่า พวกเขาจะได้เลื่อนขึ้นเป็นองครักษ์ ทั้งสามคนตาโต โดยเฉพาะเทซู
“หา อะไรนะครับ เป็นองครักษ์เชียวหรือ”
” ก็เป็นเรื่องธรรมดานี่ พวกเจ้ามีผลงานตั้งเท่าไหร่ ได้เลื่อนตำแหน่งซัก 3-4 ขั้นก็ถือว่าเหมาะแล้ว เมื่อองค์ชายครองราชย์แล้ว ยังมีงานให้พวกเจ้าทำอีกมาก และอาจต้องแลกด้วยชีวิต หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ สงครามเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ฉะนั้นพวกเจ้า ก็ยังต้องตั้งใจทำงาน ห้ามอู้เป็นอันขาด”
“ทราบแล้วครับ”
ระหว่างนี้ซองซงยอนมาพบเทซู เขาจึงออกมาหาเธอ ซองซงยอนบอกว่ามีข่าวดีมาบอก
“ข่าวดีหรือ ข่าวอะไร”
“หึ ใต้เท้าปาร์คบอกว่า ให้ข้าดูแลงานซ่อมแซมสีของพระตำหนัก ร่วมกับช่างเขียนลีและช่างเขียนตั๊ก”
“หา จริงหรือนี่”
“ใช่”
“แหม งั้นก็ดีสิ นึกไม่นึกเลย หึๆ อ้อ นี่ เจ้าคงดีใจมากสิ ใช่ไหม”
“ใช่ นี่เป็นงานสำคัญขององค์ชาย ข้ามีส่วนช่วยบ้างนิดหน่อย แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”
“แน่นอน เห็นเจ้าดีใจ ข้าก็ดีใจเหมือนกัน หือ”
ชอง โฮคยอมสั่งให้คนนำประกาศไปติดทั่วทั้งเมืองว่าองค์ชายลีซานต้องการชิง บัลลังก์จากเสด็จปู่ เลยแกล้งปิดบังเรื่องการประชวร และยังบอกว่าถ้าใครเอาชีวิตองค์ชายลีซานได้จะมีรางวัลให้อย่างงาม พวกชาวบ้านตกใจ
พวกเทซูเห็นก็รีบไปบอกฮงกุกยอง เขารีบทูลองค์ชายลีซาน องค์ชายลีซานกลับบอกว่าให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของกองปราบจัดการ พระองค์กำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกที่จะจับคนปล่อยข่าว
ฮงกุงยองคิดว่าเบื้องหลังน่าจะมีผลประโยชน์อื่นมากกว่า
ชอง โฮคยอมมีคำสั่งให้โอจองโฮคนสนิทไปเสาะหานักฆ่าที่มีวรยุทธสูงมาปฏิบัติ ภารกิจนี้ ชองโฮคยอมคิดใคร่ครวญว่าหลังจากที่พระเจ้ายองโจสวรรคตแล้ว องค์ชายลีซานก็จะต้องขึ้นครองราชย์ ถ้าหากกำจัดองค์ชายลีซานก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ ตนก็จะมีโอกาสได้ขึ้นครองราชย์แทน
โอจองโฮพานักฆ่ามาพบชองโฮคยอม ชองโฮคยอมพบว่านักฆ่าที่หามาได้นั้นมีวรยุทธสูงสามารถฆ่านักฆ่าคนอื่นได้ อย่างง่ายดาย เมื่อชองโฮคยอมเห็นเช่นนั้นก็ทึ่งในความสามารถของนักฆ่าจึงมอบหมายภารกิจให้ ทำ ชองโฮคยอมพาทหารองครักษ์จำนวนมากไปยังที่พักของนักฆ่า นึกไม่ถึงว่ากลับไม่พบแม้แต่เงานักฆ่า
ในขณะที่ ทุกคนไม่ได้ระวังตัวนั่นเอง ทันใดนั้น นักฆ่าก็ปรากฏตัวขึ้นปลิดชีวิตทหารองครักษ์ของชองโฮคยอมจนหมดสิ้น นักฆ่าบอกชองโฮคยอมว่านัดพบกันในคราวหน้าให้มาคนเดียว ชองโฮคยอมและนักฆ่านัดแนะทำความตกลงกัน ชองโฮคยอมตกตะลึงเมื่อพบว่านักฆ่ารู้ฐานะที่แท้จริงของตน
เมื่อชองโฮ คยอมรู้เช่นนั้นแล้วก็ถามนักฆ่าว่ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าเป้าหมายเป็นใคร นักฆ่าบอกชองโฮคยอมว่าตนไม่เคยทำงานผิดพลาด จากนั้นนักฆ่าก็เปิดเผยความปรารถนาของตนโดยเรียกร้องค่าจ้างสูงถึงหนึ่ง หมื่นตำลึง
“หนึ่งหมื่นเชียวหรือ เป็นตัวเลขที่สูงมาก”
“ใช่ สูงมากจริงๆ ข้ากำลังจะบอกว่าหนึ่งหมื่นตำลึงที่เป็นเงินหลวงด้วย”
“เงินหลวงหนึ่งหมื่นตำลึงหรือ นั่นเท่ากับ ครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินรายปีเชียวนะ”
” งานนี้ ให้เอาชีวิตพระราชาไม่ใช่หรือ ถ้าคิดให้ดี มันก็ไม่ได้มากมาย พรุ่งนี้ต้องจ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง เมื่อทำงานสำเร็จแล้ว ค่อยชำระในส่วนที่เหลือ”
“แต่จะได้ศีรษะขององค์ชาย กล้ารับรองหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นงานที่ทำไม่ได้ ข้าจะไม่รับแต่แรก”
ชอง โฮคยอมกลับมารายงานองค์หญิงวาวาน ทรงตะลึงกับค่าจ้างที่มากมาย และคิดว่าจะหาไม่ทัน แต่ชองโฮคยอมบอกว่าจะรวบรวมไปให้ก่อน ส่วนที่เหลือค่อยขอจากเหล่าขุนนาง
ด้านองค์ชายลีซานทรงคิดถึงพระเจ้ายองโจ
” อีกไม่นาน หม่อมฉันก็จะขึ้นครองราชย์แล้ว และต่อจากนี้ หม่อมฉันจะเป็นตัวแทนฝ่าบาท ปกครองบ้านเมืองและดูแลราษฎร ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข หม่อมฉันรู้สึกกลัว จนไม่อาจระงับความรู้สึก ทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวได้ แต่หม่อมฉันก็จะไม่หวั่นไหว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ฝ่าบาทเคยรับสั่งกับหม่อมฉันไว้ ยังคงจำใส่ใจเสมอ เพราะฉะนั้น ขอฝ่าบาททรงคุ้มครองหม่อมฉันด้วย ฝ่าบาทและเสด็จพ่อ โปรดช่วยคุ้มครอง ให้หม่อมฉันเข้มแข็งด้วยเถอะ”
ฮงกุก ยองให้พวกเทซูติดตามความเคลื่อนไหวของชองโฮคยอมกับเหล่าขุนนาง พบว่าชองโฮคยอมไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ สร้างความแปลกใจให้ฮงกุกยองมาก ส่วนขุนนางก็เร่งหาเงิน ทำให้ฮงกุกยองคิดว่าต้องเกิดเรื่องอะไรอีกแน่
จบ ตอนที่ 44
พระ เจ้ายองโจทรงหายสาบสูญไปจากวังหลวง เมื่อองค์ชายลีซานรู้เรื่องนี้แล้วก็รีบรุดไปยังห้องบรรทมของพระเจ้ายองโจ ทันที องค์ชายลีซานพบเห็นแต่เพียงฉลองพระองค์ของพระเจ้ายองโจอยู่ในห้องบรรทมเท่า นั้น เมื่อองค์ชายลีซานเห็นเช่นนั้นก็มีคำสั่งให้ทหารองครักษ์พากันออกตามหาพระ เจ้ายองโจ
ทหารองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่มีเบาะแสพระเจ้ายองโจแม้แต่ น้อย องค์ชายลีซานพยายามคิดก็คิดไม่ออกว่าพระเจ้ายองโจทรงประทับอยู่ที่ใดกันแน่ ทันใดนั้นเององค์ชายลีซานก็นึกถึงองค์รัชทายาทซาโตขึ้นมา
พระเจ้ายอง โจทรงมีรับสั่งกับตนว่าไม่นานนักพระองค์ก็จะเสด็จไปหาองค์รัชทายาทซาโต เมื่อพระราชนัดดานึกถึงรับสั่งนี้ขึ้นมาก็คิดไปในทางไม่ดี แต่ยิ่งคิดก็คิดไม่ออกว่าพระเจ้ายองโจทรงเสด็จประทับที่ใดกันแน่
ในเวลานี้สิ่งที่องค์ชายลีซานทำได้คือรอฟังรายงานจากทหารองครักษ์เพื่อใช้ตัดสินใจต่อไป
ซอง ซงยอนรู้จากอาของเทซูว่าเนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นที่วังหลวง ทำให้เทซูไม่ได้กลับบ้าน เมื่อซองซงยอนได้ยินเช่นนั้นก็สอบถามถึงเทซูด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เนื่องจากอาของเทซูต้องรีบไปขายของที่ตลาดจึงไม่มีเวลาพูดคุยกับซองซงยอนมาก นัก
ต่อมาทหารองครักษ์ของพระเจ้ายองโจได้มาหาซองซงยอนเพื่อพานางไปยัง สถานที่แห่งหนึ่งเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ ซองซงยอนตกใจมากเมื่อเห็นพระเจ้ายองโจทรงประทับอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่ง
“เป็นไง ข้ารู้สึกดีใจที่ได้พบเจ้า อึม เดินมาใกล้ๆ ซี่”
“เพคะฝ่าบาท ฝ่าบาท จะให้หม่อมฉันเขียนรูปคนหรือเพคะ”
” อึม ใช่ ข้าจะพูดให้ฟัง เกี่ยวกับลักษณะหน้าตาของเขา เจ้าแค่ฟังอย่างเดียว จะสามารถเขียนรูปเขาออกมาให้เหมือนได้ไหม หลายปีก่อนข้าโกรธจนขาดสติ สั่งให้เอารูปของเขาที่เขียนไว้ไปเผาทิ้งหมด ด้วยเหตุนี้ เลยทำให้องค์ชายลีซาน ไม่มีรูปพ่อของเขาไว้เป็นที่ระลึก เพราะฉะนั้น ข้าเลยอยากชดเชยภาพเขียนของพ่อเขาแทนให้ หลังจากทำให้พ่อเขาตาย เพิ่งมาชดเชยเอาป่านนี้ มันอาจจะสายเกินไป แต่ข้าก็อยากให้เขามีรูปของพ่อบังเกิดเกล้าเก็บไว้บ้าง เป็นยังไง พอจะเขียนได้ไหม”
“เอ่อ เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันจะพยายามลองเขียนดู”
” นั่นเป็นใบหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลา ลักษณะเป็นรูปหน้าไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ใครเห็นก็ว่าเป็นเด็กที่มีวาสนา แล้วยังมี ริมฝีปาก ที่เม้มสนิท ตัดกับแก้มที่มีเลือดฝาด ดวงตา ใช่แล้ว เขามีรูปนัยน์ตาที่คล้ายกับองค์ชายไม่มีผิด มีแววตาที่เปล่งประกาย เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน แสดงถึงความเฉลียวฉลาดเหนือคน” พระเจ้ายองโจทรงมีอาการไอ
“เอ่อ ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ”
“เฮ่อ ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เฮ่อ เฮ่อ แล้วยังมี รอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ตรงข้ามกับข้าซึ่งเป็นคนหน้าดุ แต่ลูกคนนี้ แม้จะเคยถูกข้าตำหนิอยู่บ่อยครั้ง เขาก็ยังมีรอยยิ้ม ให้เห็นอยู่เสมอ หึ”
องค์ชายลีซานทรงคาดคั้นหัวหน้าองครักษ์ว่าพระเจ้ายองโจเสด็จไปที่ใด แล้วก็ทรงม้าไปทันที พอถึงกระท่อมก็ทรงพบกับซองซงยอนก่อน
“เอ่อ องค์ชาย”
“ซงยอน ทำไมเจ้ามาอยู่นี่ด้วยล่ะ”
“เอ่อ นี่เพคะ ฝ่าบาททรงอยู่ในนี้”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมาแล้ว หม่อมฉันจะมารับเสด็จกลับวัง ฝ่าบาทๆๆ”
องค์ชายลีซานเสด็จเข้าไปก็พบว่าพระเจ้ายองโจทรงหมดสติ
” ฝ่าบาท หา หึ ฝ่าบาทๆๆๆๆ ทรงลืมพระเนตรเร็วเข้า ฝ่าบาท หม่อมฉันเองนะพ่ะย่ะค่ะทรงจำได้ไหม หึ ใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามาเร็ว ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ เร็ว”
ฮงกุกยองรีบรับคำทันที หลังจากหมอหลวงได้ตรวจพระอาการเรียบร้อยก็สีหน้าไม่สู้ดี องค์ชายลีซานรีบตรัสถาม แต่ทันใดนั้นพระเจ้ายองโจทรงสวรรคตแล้ว ทุกคนตกใจมาก
“ฮือ ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท อย่าทรงทิ้งหม่อมฉันไป ฝ่าบาทๆๆ ได้โปรด อย่าทิ้งหม่อมฉันไป ฮือๆๆ ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฮือๆๆ ฝ่าบาท ฮือๆๆ อย่าทิ้งหม่อมฉันไป ฮือๆๆ”
ทุกคนต่างร้องไห้เศร้าเสียใจกับการจากไปของพระเจ้ายองโจ ซองซงยอนนึกถึงรับสั่งที่พระเจ้ายองโจทรงตรัสกับนางว่า
” ขอบใจมากนะ แหวนคู่วงนี้ ได้จากเสด็จแม่ของข้า พระชายาซุกพิน เป็นของที่ระลึกมานาน ข้าขอมอบให้เจ้า เป็นการตอบแทนที่ช่วยเขียนรูปที่มีความสำคัญต่อข้า เลยอยากมอบให้เจ้าไว้”
“เอ่อ ไม่ได้หรอกเพคะ นี่เป็นสิ่งมีค่า หม่อมฉันจะรับได้ยังไง”
“ไม่เป็นไร ได้ยินว่า เจ้าเป็นเพื่อนกับองค์ชายมาตั้งแต่เด็กใช่ไหม รับไว้เถอะ”
ซองซงยอนอึ้ง “เอ่อ”
” พักก่อนองค์ชาย เคยพูดกับข้าว่า ทุกครั้งที่เขามีเรื่องลำบาก เจ้าจะให้ความช่วยเหลือ แถมยังว่าเจ้า ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา เจ้ายอมเป็นเพื่อนหลานข้าที่กำพร้าพ่อแต่เล็ก ไม่ให้ชีวิตเขาเงียบเหงาเกินไป หวังว่าต่อไปก็ยังเป็นเหมือนเดิม ใช้น้ำใจอันดีงามของเจ้า อยู่เคียงข้างเขา คอยปลอบประโลม ให้เขามีกำลังใจยืนหยัดต่อไป”
“ฝ่าบาท” ซองซงยอนร้องไห้ด้วยความเสียใจมาก กับการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ายองโจ
ฮงกุกยองเข้ามาบอกองค์ชายลีซานถึงพิธีชำระพระศพ และมอบจดหมายที่พระเจ้ายองโจทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์มอบให้องค์ชายลีซาน
” ไม่แน่ว่านี่อาจเป็น จดหมายฉบับสุดท้ายที่ข้าจะสามารถเขียนถึงเจ้าได้ เพราะว่าอาจเป็นวันนี้ ที่ข้าจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นวันสุดท้ายก็ได้ ทุกครั้ง พอได้ยินเสียงลมพัดมา ลืมตาขึ้นดู ข้าเหมือนจะเข้าใจสัจธรรม ว่าวันนี้อาจจะถึง บั้นปลายสุดท้ายในชีวิตก็เป็นได้ และเป็นวันที่ทุกคนต้องพบเจอทั้งนั้น แม้ข้าจะเป็นพระราชา แต่มักบอกตัวเองเสมอว่าวังหลวงไม่ใช่ถิ่นพำนักสุดท้ายในชีวิต และที่ข้าออกจากวังเงียบๆ โดยลำพัง ก็เพราะสาเหตุนี้เหมือนกัน สิ่งที่ข้าหวังมากที่สุด คือได้เห็นความเป็นอยู่ของราษฎรที่ดีขึ้นแล้วค่อยจากโลกนี้ไป เหมือนวันๆ หนึ่งที่มีทั้งกลางวันและกลางคืน ชีวิตมีเกิดย่อมมีดับเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นแม้เกิดมาก็ไม่ต้องดีใจ ถึงคราวจากไปก็ไม่ใช่ความเศร้าโศกแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เจ้าจงอย่าร้องไห้ ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กับการจากไปของข้าเลย เพียงแต่หวังว่า เจ้าจะอโหสิให้ปู่ที่ใจร้ายอย่างข้า แล้วก็ จงอย่าลืมพ่อที่รักเจ้าราวกับแก้วตา ทนุถนอมมาตั้งแต่เกิด เจ้าจะต้อง เอาอย่างเจตนารมณ์ของพ่อเจ้า ดูแลห่วงใยราษฎร ใส่ใจทุกข์สุขของพวกเขา เป็นพระราชาที่สร้างประโยชน์สุขให้แก่บ้านเมือง ตามคำสอนของพ่อเจ้าเถอะนะ”
“หม่อมฉันจะจำคำสอนของเสด็จปู่ไว้ ฮือ ทั้งคำสอนของเสด็จพ่อ และของเสด็จปู่ หม่อมฉัน จะไม่มีวันลืม ตราบจนวันตาย ฮือ”
ปาร์คยองมุนเรียกช่างเขียนตั๊ก ลีชองและซองซงยอนมาพบ
“รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีเถลิงราชย์ ในนี้ จะมีบอกถึงขั้นตอนการเตรียมงาน ข้าวของเครื่องใช้ตามประเพณี และสิ่งที่เราต้องตระเตรียม”
“แล้ว มาให้เราดูทำไมครับ”
“จะให้พวกเจ้าสามคน รับผิดชอบการทาสีใหม่ ในส่วนของตำหนักต่างๆ”
“หา อะไรนะครับ ให้เรารับผิดชอบน่ะหรือ”
“ใช่ ช่างเขียนตั๊กเป็นหัวหน้างาน ส่วนช่างเขียนลีและซงยอน คอยเป็นผู้ช่วยอีกที ขาดเหลืออะไรก็บอกได้”
“ค่ะ”
” อีก 4 วันข้างหน้าคือวันเถลิงราชย์ แต่ก็เป็นที่รู้ว่า เพราะมีงานพระศพ ทำให้งานอื่นค่อนข้างจะเร่งรีบ แต่ข้าก็เชื่อมือพวกเจ้า คงไม่ทำให้ผิดหวังล่ะ”
ทุกคนรับคำอย่างเต็มที่
ฮงกุกยองกล่าวกับพวกเทซูว่า พวกเขาจะได้เลื่อนขึ้นเป็นองครักษ์ ทั้งสามคนตาโต โดยเฉพาะเทซู
“หา อะไรนะครับ เป็นองครักษ์เชียวหรือ”
” ก็เป็นเรื่องธรรมดานี่ พวกเจ้ามีผลงานตั้งเท่าไหร่ ได้เลื่อนตำแหน่งซัก 3-4 ขั้นก็ถือว่าเหมาะแล้ว เมื่อองค์ชายครองราชย์แล้ว ยังมีงานให้พวกเจ้าทำอีกมาก และอาจต้องแลกด้วยชีวิต หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ สงครามเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ฉะนั้นพวกเจ้า ก็ยังต้องตั้งใจทำงาน ห้ามอู้เป็นอันขาด”
“ทราบแล้วครับ”
ระหว่างนี้ซองซงยอนมาพบเทซู เขาจึงออกมาหาเธอ ซองซงยอนบอกว่ามีข่าวดีมาบอก
“ข่าวดีหรือ ข่าวอะไร”
“หึ ใต้เท้าปาร์คบอกว่า ให้ข้าดูแลงานซ่อมแซมสีของพระตำหนัก ร่วมกับช่างเขียนลีและช่างเขียนตั๊ก”
“หา จริงหรือนี่”
“ใช่”
“แหม งั้นก็ดีสิ นึกไม่นึกเลย หึๆ อ้อ นี่ เจ้าคงดีใจมากสิ ใช่ไหม”
“ใช่ นี่เป็นงานสำคัญขององค์ชาย ข้ามีส่วนช่วยบ้างนิดหน่อย แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”
“แน่นอน เห็นเจ้าดีใจ ข้าก็ดีใจเหมือนกัน หือ”
ชอง โฮคยอมสั่งให้คนนำประกาศไปติดทั่วทั้งเมืองว่าองค์ชายลีซานต้องการชิง บัลลังก์จากเสด็จปู่ เลยแกล้งปิดบังเรื่องการประชวร และยังบอกว่าถ้าใครเอาชีวิตองค์ชายลีซานได้จะมีรางวัลให้อย่างงาม พวกชาวบ้านตกใจ
พวกเทซูเห็นก็รีบไปบอกฮงกุกยอง เขารีบทูลองค์ชายลีซาน องค์ชายลีซานกลับบอกว่าให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของกองปราบจัดการ พระองค์กำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกที่จะจับคนปล่อยข่าว
ฮงกุงยองคิดว่าเบื้องหลังน่าจะมีผลประโยชน์อื่นมากกว่า
ชอง โฮคยอมมีคำสั่งให้โอจองโฮคนสนิทไปเสาะหานักฆ่าที่มีวรยุทธสูงมาปฏิบัติ ภารกิจนี้ ชองโฮคยอมคิดใคร่ครวญว่าหลังจากที่พระเจ้ายองโจสวรรคตแล้ว องค์ชายลีซานก็จะต้องขึ้นครองราชย์ ถ้าหากกำจัดองค์ชายลีซานก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ ตนก็จะมีโอกาสได้ขึ้นครองราชย์แทน
โอจองโฮพานักฆ่ามาพบชองโฮคยอม ชองโฮคยอมพบว่านักฆ่าที่หามาได้นั้นมีวรยุทธสูงสามารถฆ่านักฆ่าคนอื่นได้ อย่างง่ายดาย เมื่อชองโฮคยอมเห็นเช่นนั้นก็ทึ่งในความสามารถของนักฆ่าจึงมอบหมายภารกิจให้ ทำ ชองโฮคยอมพาทหารองครักษ์จำนวนมากไปยังที่พักของนักฆ่า นึกไม่ถึงว่ากลับไม่พบแม้แต่เงานักฆ่า
ในขณะที่ ทุกคนไม่ได้ระวังตัวนั่นเอง ทันใดนั้น นักฆ่าก็ปรากฏตัวขึ้นปลิดชีวิตทหารองครักษ์ของชองโฮคยอมจนหมดสิ้น นักฆ่าบอกชองโฮคยอมว่านัดพบกันในคราวหน้าให้มาคนเดียว ชองโฮคยอมและนักฆ่านัดแนะทำความตกลงกัน ชองโฮคยอมตกตะลึงเมื่อพบว่านักฆ่ารู้ฐานะที่แท้จริงของตน
เมื่อชองโฮ คยอมรู้เช่นนั้นแล้วก็ถามนักฆ่าว่ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าเป้าหมายเป็นใคร นักฆ่าบอกชองโฮคยอมว่าตนไม่เคยทำงานผิดพลาด จากนั้นนักฆ่าก็เปิดเผยความปรารถนาของตนโดยเรียกร้องค่าจ้างสูงถึงหนึ่ง หมื่นตำลึง
“หนึ่งหมื่นเชียวหรือ เป็นตัวเลขที่สูงมาก”
“ใช่ สูงมากจริงๆ ข้ากำลังจะบอกว่าหนึ่งหมื่นตำลึงที่เป็นเงินหลวงด้วย”
“เงินหลวงหนึ่งหมื่นตำลึงหรือ นั่นเท่ากับ ครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินรายปีเชียวนะ”
” งานนี้ ให้เอาชีวิตพระราชาไม่ใช่หรือ ถ้าคิดให้ดี มันก็ไม่ได้มากมาย พรุ่งนี้ต้องจ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง เมื่อทำงานสำเร็จแล้ว ค่อยชำระในส่วนที่เหลือ”
“แต่จะได้ศีรษะขององค์ชาย กล้ารับรองหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นงานที่ทำไม่ได้ ข้าจะไม่รับแต่แรก”
ชอง โฮคยอมกลับมารายงานองค์หญิงวาวาน ทรงตะลึงกับค่าจ้างที่มากมาย และคิดว่าจะหาไม่ทัน แต่ชองโฮคยอมบอกว่าจะรวบรวมไปให้ก่อน ส่วนที่เหลือค่อยขอจากเหล่าขุนนาง
ด้านองค์ชายลีซานทรงคิดถึงพระเจ้ายองโจ
” อีกไม่นาน หม่อมฉันก็จะขึ้นครองราชย์แล้ว และต่อจากนี้ หม่อมฉันจะเป็นตัวแทนฝ่าบาท ปกครองบ้านเมืองและดูแลราษฎร ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข หม่อมฉันรู้สึกกลัว จนไม่อาจระงับความรู้สึก ทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวได้ แต่หม่อมฉันก็จะไม่หวั่นไหว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ฝ่าบาทเคยรับสั่งกับหม่อมฉันไว้ ยังคงจำใส่ใจเสมอ เพราะฉะนั้น ขอฝ่าบาททรงคุ้มครองหม่อมฉันด้วย ฝ่าบาทและเสด็จพ่อ โปรดช่วยคุ้มครอง ให้หม่อมฉันเข้มแข็งด้วยเถอะ”
ฮงกุก ยองให้พวกเทซูติดตามความเคลื่อนไหวของชองโฮคยอมกับเหล่าขุนนาง พบว่าชองโฮคยอมไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ สร้างความแปลกใจให้ฮงกุกยองมาก ส่วนขุนนางก็เร่งหาเงิน ทำให้ฮงกุกยองคิดว่าต้องเกิดเรื่องอะไรอีกแน่
จบ ตอนที่ 44
No comments:
Post a Comment