Saturday, 28 March 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 47


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 47

พระหมื่นปีจองซุนทรงเห็นเช่นนั้นก็คิดจะปลงพระชนม์ชีพพระองค์เอง แต่ซังกุงมาเห็นและห้ามไว้ทัน
ฮงกุกยองทูลรายงานพระเจ้าจองโจว่า
“ช่วงบ่ายจะมีประหาร ฮงซึงโบ ลีจุนแท โอยินวาน มินโดจิก ส่วน ชองยอนจุน ปาร์คชุนเซ ลียองวาน ให้เนรเทศไปเกาะคังวาพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก เอาตามนี้แหละ”
“และพรุ่งนี้ หลังจากสรุปคดี ก็ถึงคราวตัดสินโทษของชองโฮคยอม องค์หญิงวาวาน ฮงนิมฮันและพระหมื่นปี ซึ่งต้องให้ฝ่าบาทพิจารณา”
“ตอนนี้อาการของพระหมื่นปีทรงเป็นไงบ้าง” พระเจ้าจองโจตรัสถาม
“หมอหลวงบอกว่า โชคดีที่พ้นขีดอันตรายหวุดหวิดพ่ะย่ะค่ะ”
แชจีคยอมบ่นกับฮงกุกยองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพระหมื่นปีจองซุนว่า
” ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าหนักใจ แม้จะช่วยชีวิตไว้ได้ แต่การที่พระหมื่นปีทรงคิดสั้นแบบนี้ เกิดใครรู้เข้า อาจทำให้พระเกียรติของฝ่าบาททรงมัวหมองไปด้วย”
“ที่ข้าเป็นห่วงก็คือข้อ นี้เหมือนกัน หึ แม้จะปิดปากคนที่ถวายการรักษา แต่เรื่องแบบนี้ยังไงคงปิดไม่มิด ถ้าแพร่ออกจากวังเมื่อไหร่ จะกลายเป็นข้อครหาให้ชาวบ้านได้ลือกันไม่รู้จบ”
“อึม ใช่ น่าจะเป็นอย่างงั้น”



“อีกทั้งเรื่องนี้ จะกลายเป็นจุดเปลี่ยน สำหรับการลงทัณฑ์พระหมื่นปีหรือเปล่า และยังมีคนอื่นๆ ด้วย มันก็น่าเป็นห่วงนะครับใต้เท้า”
“เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการลงโทษพวกเขาหรือ หมายความว่าไงน่ะ” แชจีคยอมไม่เข้าใจ ฮงกุกยองเองก็กล่าวไม่ออก
ขณะ ที่พระเจ้าจองโจเองก็ทรงคิดตามลำพังว่า “วันก่อนพระหมื่นปี เกือบจะทรงปลิดชีวิตพระองค์เองซะแล้ว ฝ่าบาททรงทราบมั้ยพ่ะย่ะค่ะ นางคงรู้สึกเป็นทุกข์มาก ถ้าให้ทนรับความอัปยศที่ถูกปลดเป็นสามัญชน ก็มิสู้ ขอยอมตายซะดีกว่า แต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม หม่อมฉันก็ไม่อาจใจอ่อนกับนางได้ เพราะเป็นสิ่งที่ พระราชาต้องยืดหยัด เมื่อเห็นว่านั่นคือความชอบธรรม หม่อมฉันคิดถูกมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
ด้านพระมเหสีโยอึยก็ทรงคิดหาทางให้ซองซงยอนเข้ามาเป็นพระสนม ทรงหวังให้นางมีบุตรให้พระเจ้าจองโจ
พระพันปีเฮคยองทรงเสด็จไปเยี่ยมองค์หญิงวาวาน
“องค์หญิงดูซูบไปเยอะเลยนะ”
” มาที่นี่ทำไม ตั้งใจจะมาเยาะเย้ยที่ข้าตกอับล่ะสิ หึ แล้วยังไง ทำแบบนี้ช่วยให้สะใจขึ้นหรือไง เห็นข้าอยู่ในสภาพนี้ รู้สึกดีใจใช่ไหม”
“องค์หญิง”
“เชิญกลับไปซะ ถ้าคิดว่าดูพอแล้ว ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีก”
” ใช่ ที่ข้ามานี่เพื่อจะดูสารรูปขององค์หญิง และเหมือนที่พูด ถ้าได้เห็นความตกอับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่จริงๆ ไม่ใช่อย่างงั้น พอมาเห็นแล้ว ไม่ได้ดีใจอย่างที่คิด ทั้งที่ข้าเฝ้ารอมานาน หวังว่าซักวันจะได้เห็นองค์หญิงชดใช้หนี้กรรม พอมาเห็นกลับรู้สึกปลงตก ไม่รู้ว่าที่แล้วมาโกรธเคืองอะไรนักหนา มันแทบไม่มีความหมายเลย แม้จะถูกปลดเป็นสามัญชน อย่างน้อยก็ได้รักษาชีวิตไว้ เพราะฉะนั้น ต่อแต่นี้ไป ขอให้องค์หญิงจงสำนึกผิดให้มาก อย่างน้อย เป็นการไถ่บาปก็ยังดี”



“ไถ่บาปหรือ ทำไมข้าต้องไถ่บาป ข้าไม่เคยเสียใจ และไม่จำเป็นต้องไถ่บาปด้วย หึ ที่มานี่เพื่อประกาศชัยชนะไม่ใช่หรือ ถ้าข้ายอมไถ่บาป แล้วจะได้รับการอภัยหรือเปล่า ไม่มีหรอก แต่อีกไม่นานข้าจะได้ออกจากที่นี่แล้ว ไม่เพียงข้าคนเดียว ทุกคนที่อยู่นี่จะได้ออกไปหมด”
“องค์หญิง”
“ยังไม่รู้อีกหรือ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นบิดาของพระพันปี ใต้เท้าฮงพงฮัน กำลังวิ่งเต้นช่วยพวกเราอยู่”
“หา อะไรนะ”
” ถ้าไม่รู้จะบอกให้ตาสว่าง ทุกวันนี้ไม่มีใครเข้าข้างฝ่าบาทซักคน และมันก็เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทต้องเผชิญ เป็นสิ่งที่ยังไงก็ต้องยอมรับ นึกหรือว่าถ้าไม่มีพวกเรา อนาคตของฝ่าบาทจะสดใสได้หรือ หึ ฝันไปเถอะ ก่อนที่พวกเราจะกระอักเลือดตาย ฝ่าบาทก็ต้องหลั่งเลือดและอาจจะตายก่อนคนอื่นด้วยซ้ำ หึ”
พระพันปีเฮ คยองทรงสะเทือนใจมากเมื่อรู้จากองค์หญิงวาวานว่าฮงพงฮันกำลังคิดหาหนทางช่วย เหลือผู้ก่อการกบฏ ต่อมาพระพันปีเฮคยองทรงพบกับฮงพงฮัน พระนางรับสั่งถามเหตุผลจากฮงพงฮัน ฮงพงฮันทูลพระพันปีเฮคยองว่าการที่ตนทำเช่นนี้นั้น เพียงเพื่อช่วยเหลือฮงนิมฮันน้องชายของตนเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งเรื่อง ที่พระหมื่นปีจองซุนทรงปลงพระชนม์ชีพพระองค์เองนั้นแพร่สะพัดไปทั่วแผ่นดิน ปราชญ์ทั่วแผ่นดินต่างประณามความเหี้ยมโหดของพระเจ้าจองโจ และพากันมารวมตัวที่หน้าวัง พระเจ้าจองโจทรงเรียกประชุมด่วน และถามความคิดเห็น
“สรุปแล้วหมายความว่าไง พวกท่านเห็นด้วยกับที่มีข่าวลือ ว่าข้าตัดสินโทษหนักไปงั้นหรือ”
” หม่อมฉันขอบังอาจทูลซักนิด คดีนี้มีนักโทษ 9 คนถูกประหารไปแล้ว ยังไม่รวมกับที่ถูกปลดจากตำแหน่งอีก 30 กว่าคน และยังถูกคุมขังอีกสิบกว่าคน รอการตัดสินโทษ จะไม่นับว่าเกินไปได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่คนเหล่านี้ ล้วนมีความผิดมหันต์ที่คิดปองร้ายพระราชา เมื่อทำความผิด ก็ต้องรับโทษไปตามนั้น จะว่ารุนแรงได้ยังไง หรือท่านคิดว่า สิ่งที่พวกเขาทำไม่ใช่การก่อกบฎหรือ” พระเจ้าจองโจตรัส
“ฝ่าบาท ที่หม่อมฉันทูลนั้นไม่ได้หมายถึง”



แช ซกจูกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ถ้าอย่างงั้น เรื่องที่เกิดกับพระหมื่นปี จะทรงอธิบายยังไง ตอนนี้ข่าวออกไปว่า เพราะพระนางทนถูกทรมานไม่ไหว จึงคิดปลิดชีพพระองค์เอง แต่ยังดีที่ช่วยไว้ทันการณ์ ฝ่าบาท ได้ทรงไต่สวนพระหมื่นปี จนพระนางทนความกดดันไม่ไหว เป็นเหตุให้คิดสั้นจริงมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ก่อนหน้านี้พระหมื่นปี ปิดบังอดีตพระราชา วางแผนปองร้ายข้าหลายครั้งหลายหน เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ข้าคนเดียว พวกท่านก็รู้แก่ใจไม่ใช่หรือ”
“แต่ว่า แม้จะเป็นอย่างงั้น ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะไต่สวนเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ อีกทั้งบีบให้พระนางทรงคิดสั้นได้จริงมั้ยพ่ะย่ะค่ะ บ้านเมืองของเรา ถือหลักคำสอนของท่านขงจื๊อ แต่แล้ว ฝ่าบาทซึ่งเป็นพ่อเมืองแห่งโชซอน กลับไม่เป็นแบบอย่างที่ดี แล้วจะสอนให้ราษฎรถือความกตัญญู รักชาติบ้านเมืองได้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ”
“หุบปากเดี๋ยวนี้ เรื่องพระหมื่นปี เป็นการตัดสินพระทัยส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับความกตัญญูหรือไม่กตัญญู เพราะฉะนั้น ต่อไปเรื่องนี้ห้ามมีการเอ่ยถึงอีก โดยเฉพาะบัณฑิตทั้งหลายที่มาประท้วงอยู่หน้าวัง ข้าจะพิจารณาความผิดของพวกเขา ทุกท่านไม่ต้องพูดอีก”
“แต่ว่าฝ่าบาท”
” ข้ามั่นใจว่า ได้ดำเนินการตามกฎหมาย และถือว่าถูกต้องแล้ว คนที่ซ่องสุมกำลังพยายามจะคิดก่อการร้าย ไม่ว่ายังไงก็ให้อภัยไม่ได้ และเมื่อไต่สวนแล้ว ก็ต้องลงโทษให้หนัก ข้าจึงหวังว่าพวกท่าน จะไม่เอาเรื่องนี้มาพูดอีก เข้าใจมั้ย”
“แต่ แต่ว่าฝ่าบาท”
“ฝ่าบาท พระหมื่นปี มาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” นัมซาโชทูล
พระหมื่นปีจองซุนเสด็จเข้ามา และบอกให้ซังกุงออกไปก่อน
“พระหมื่นปี”



” ฝ่าบาท ขออภัยที่หม่อมฉันล่วงล้ำมาถึงท้องพระโรง แต่ว่า ได้ข่าวว่ามีเรื่องวุ่นวายบางอย่างเกิดเพราะหม่อมฉัน จนไม่อาจอยู่เฉยได้ วันนี้จึงมาขอเฝ้าโดยพละการ เจ้ากรมแช เมื่อกี้อยู่ข้างนอกได้ยินว่า มีข่าวลือบางอย่าง ที่เกิดจากข้าเป็นต้นเหตุใช่ไหม บอกว่าข้าฆ่าตัวตายเพราะถูกทรมานหรือ ไม่เข้าใจเลยว่า ท่านไปเอาข่าวเหลวไหลพวกนี้มาจากไหน”
“เอ่อ พระหมื่นปี”
“แต่จะมา จากไหนก็ช่าง ข้าไม่อยากรับรู้ เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องจริง ข้าไม่สบายหมดสติไปหลายวันน่ะใช่ นั่นเพราะกินยาผิดทำให้เสียสุขภาพ ใครบอกว่าฆ่าตัวตาย ตอนนี้บ้านเมืองยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แล้วข้าเป็นอดีตมเหสี จะทำเรื่องเสื่อมเสียได้ยังไง ใครว่ามีการไต่สวนข้า ไม่มีเลยซักนิด ฝ่าบาททรงเมตตา รู้อยู่ว่าข้าทำอะไรไปบ้าง ยังให้เกียรติและดูแลอย่างดี แทนที่พวกท่านจะรู้ถึงพระเมตตา กลับไปเชื่อข่าวลือเหลวไหลจนมาต่อต้านพระองค์เชียวหรือ เฮ่อ ข้าจึงต้องมานี่เพื่อบอกทุกคนให้รู้ ว่าข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ไม่หวังดีกุขึ้นเพื่อหวังทำลายพระเกียรติ เพราะฉะนั้น ต่อไปอย่าเชื่อเรื่องไร้สาระ ทำให้ราชสำนักวุ่นวายอีก เข้าใจหรือเปล่า”
ฮงพงฮันกับแชซกจูอึ้งไปกับการออกมาแก้ข่าวของพระหมื่นปีจองซุน พระเจ้าจองโจทรงตรัสให้ฮงกุกยองไปประกาศคำตัดสินนักโทษต่อ
” ครับ หึ วันที่ 10 เดือน 4 ปี “พยองซิน” นักโทษ ลีแทซู ให้ปลดจากตำแหน่ง เนรเทศไปเกาะ “โกกึม” พร้อมประทานยาพิษ วันที่ 10 เดือน 4 ปี “พยองซิน” นักโทษ โอยินชู ให้ปลดจากตำแหน่ง เนรเทศไปเกาะคังวา พร้อมประทานยาพิษ วันที่ 10 เดือน 4 ปี “พยองซิน” นักโทษฮงนิมฮัน ให้ปลดจากตำแหน่ง เนรเทศไปเขา “ยอซัน” พร้อมประทานยาพิษ วันที่ 10 เดือน 4 ปี “พยองซิน” นักโทษชองโฮคยอม ให้ปลดจากตำแหน่ง เนรเทศไปมณฑล “ฮัมคยอง” พร้อมประทานยาพิษ วันที่ 10 เดือน 4 ปี “พยองซิน” นักโทษคิมคีจู ให้ปลดจากตำแหน่ง เนรเทศไปเกาะ “ฮึกซาน” นักโทษองค์หญิงวาวาน ให้ปลดเป็นสามัญชน กักบริเวณอยู่ที่ “ยอตง” ห้ามไปไหนทั้งสิ้น “
แชซกจูเข้ามาหาพระหมื่นปีจองซุน
” ว่าไง ท่านจะพูดอะไร ทำไมข้าถึงไปท้องพระโรง พูดต่อหน้าทุกคนอย่างงั้น สาเหตุเพราะอะไรใช่มั้ย ไม่เจอตั้งนาน ทำไมท่านดูโง่ไปถนัดใจซะล่ะ ความจริงก็เห็นอยู่ยังมาถามข้าอีกหรือ”
“พระหมื่นปี”
“ที่ทำก็เพื่อ เอาตัวรอด ไม่มีเหตุผลอื่นใดเลย เพื่อแสดงความจริงใจ ยอมศิโรราบต่อฝ่าบาท เพื่อแสดงว่าข้ายอมเป็นทาส ต่อไปจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว”
“พระหมื่นปี”
” ถ้าท่านเคยตายซักครั้งจะรู้ว่า ไม่มีอะไรสำคัญกว่านี้อีก ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการเอาตัวรอด เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าจะอยู่ในที่ของตัวเอง อยู่เพื่อรักษาสิ่งที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด และเพื่อเป้าหมายนี้ ข้าจึงยอมก้มหัวให้กับฝ่าบาท ใช่ เพราะมันหมดหนทาง คนที่ผ่านความตายมาแล้วจะกลัวอะไรอีก เพื่อความอยู่รอดแล้ว เขาจะทำได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ทีหลังไม่จำเป็น ท่านไม่ต้องมาหาข้าที่นี่อีก เพราะไม่อยากให้ฝ่าบาทเข้าพระทัยเรื่องของเราบิดเบือนไป”
ฮงกุกยองเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ ทรงตรัสถามว่า
“ที่พูดมามีเหตุผลหรือเปล่า ถึงให้เลื่อนการตัดสินโทษพระหมื่นปีออกไปน่ะ”
” เหมือนที่หม่อมฉันเคยทูลพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ ถ้าให้ตัดสินโทษพระหมื่นปี อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะ เพราะฉะนั้น จึงน่าจะเลื่อนไปหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ข้าคิดว่า”



” หม่อมฉันรู้ว่าสิ่งที่ฝ่าบาทจะรับสั่ง มีอะไรบ้าง ก่อนที่หม่อมฉันจะมาทูลเรื่องนี้ ก็ได้ผ่านการทบทวนอยู่นานเช่นกัน แต่ว่าฝ่าบาททรงขึ้นครองราชย์ จนวันนี้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน แล้วจู่ๆ ต้องทรงรับข้อกล่าวหาลงอาญามเหสีของอดีตพระราชา รังแต่จะเป็นผลเสียมากกว่า”
” ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าข้ากลัวเสื่อมเสีย คงไม่ปล่อยให้เรื่องมาถึงขั้นนี้ เข้าใจหรือเปล่า ที่ข้าไม่เปิดเผยราชโองการของเสด็จปู่แต่แรก ก็เพื่อจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“หม่อมฉันรู้พ่ะย่ะค่ะ รู้เท่ากับที่ฝ่าบาททรงทราบ แต่ว่า พระหมื่นปีกำลังเล่นการเมืองกับฝ่าบาทอยู่ เพราะฉะนั้น ฝ่าบาทก็ต้องทำทีตามน้ำไปด้วย คนที่เมื่อวานแทบจะฆ่าเรา แต่วันนี้มาผูกมิตรก็คือการเมือง เมื่อวานบอกว่า ยอมตายเพื่อเราได้ แต่วันนี้พร้อมจะเหยียบย่ำเรา นี่ก็คือการเมือง ล้วฝ่าบาทจะไม่ทรงเข้าพระทัยหลักการนี้เชียวหรือ ตอนนี้พระหมื่นปี ทรงหมดสิ้นทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี ฉะนั้น เชื่อว่าอนาคต คงไม่กล้าแผลงฤทธิ์อะไรอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็มิสู้ปล่อยนางไว้จะดีกว่า วิธีนี้ หม่อมฉันเห็นว่า น่าจะดีต่อภาพพจน์ของฝ่าบาท และจะไม่มีใครกล้าครหาด้วย”
จากนั้นฮงกุกยองก็ไปหาชองโฮคยอม และชวนดื่มเหล้า
“เฮ่อ อึ้ม รสชาติไม่เลว”
“หึ เห็นบอกว่าเมื่อกี้ท่านไปตกปลา”
” ใช่ ถูกต้อง ตั้งแต่มาอยู่นี่เลยว่างมาก วันๆ ก็เลยไปตกปลา เจ้ารู้มั้ย มาคิดอีกที หลายวันนี้ข้ากลับรู้สึกสบายใจมากกว่า เฮ่อ นึกๆ ดูแล้ว ถ้าจะเอาอย่างพ่อแท้ๆ ของข้า เป็นคนหาปลาชั่วชีวิตก็น่าจะไม่เลวเหมือนกัน อ้อ ข้าชอบพูดไร้สาระอยู่เรื่อย เดี๋ยวนี้ สำหรับคนที่กุมชะตาบ้านเมืองอย่างเจ้า คงจะฟังไม่เข้าหูแล้วมั้ง”



“หึ ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างงั้น คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง เป็นคนหาปลาก็หนึ่งชีวิต มีอำนาจล้นฟ้าปกครองบ้านเมือง ก็คือหนึ่งชีวิตเท่ากัน พริบตาก็ผ่าน พริบตาก็ตายคือสัจธรรมแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดเป็นชาวประมง หรือพระราชา ถ้าคิดดีๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างนัก”
“หึ ถึงงั้นก็เถอะ เราก็ขอมีอำนาจไว้ก่อน จริงมั้ย”
“ใช่ ปากบอกว่าไม่มีอะไรต่าง แต่ว่า เมื่อเกิดมาแล้วก็ขอใช้ชีวิตให้คุ้ม”
“หึ เฮ่อ ดื่มแค่นี้คงจะพอแล้ว สิ่งที่เจ้าเอามา คงไม่ใช่แค่เหล้าขวดนี้กระมัง”
“ใต้เท้า”
“หึ แต่ยังไง ก็ขอบใจที่มาเยี่ยมข้า รู้ว่ามีเจ้าคอยดู ข้าจะพยายามเข้มแข็ง ไม่ให้ตัวเองตายในสภาพที่อนาถเกินไป”
ชองโฮคยอมถอนใจ ก่อนจะกินยาตาย ฮงกุกยองสั่งให้ทหารฝังศพให้เรียบร้อย
พระเจ้าจองโจเสด็จไปเยี่ยมพระหมื่นปีจองซุน
“ดูเหมือนว่า พระพักตร์จะดูแจ่มใสขึ้นมาก”
“ขอบพระทัยที่มาเยี่ยม ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะบารมีของฝ่าบาทโดยแท้”
“ฮงกุกยองมาพบหม่อมฉัน และบอกให้ฟังว่า พระหมื่นปีกำลังเล่นการเมืองอยู่ ฉะนั้น หม่อมฉันก็ต้องเดินตาม โดยการอภัยโทษให้”
” การเมืองอะไร ไม่มีเลยซักนิด หม่อมฉันเพียงแต่ สำนึกในความผิดที่แล้วมา เลยตั้งใจจะไปไถ่บาปต่อฝ่าบาทเท่านั้น ขอให้เชื่อในสิ่งที่พูด หรือจะให้หม่อมฉัน คุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาทก็ยินดี”
“ไม่ต้อง ไม่จำเป็นต้องทำอย่างงั้น เพราะหม่อมฉันไม่เชื่อ ทั้งสิ่งที่พูด หรือความจริงใจ หม่อมฉันไม่เชื่อทั้งนั้น แต่ว่า ตอนนี้พระหมื่นปีอยู่ในฐานะอะไร เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจ สิ่งที่พระหมื่นปีทรงคิด คือขออยู่ต่อไว้ก่อน หม่อมฉันก็รู้ดี และเชื่อว่าพระหมื่นปีคงไม่กล้า ทำอะไรนอกลู่นอกทางเหมือนที่แล้วมาอีก ขอให้เป็นจริงอย่างงั้นเถอะ เพราะหม่อมฉันจะไม่ยอมใครอีกแล้ว ตราบใดที่ยังอยู่ ขอบอกเลยว่า พระหมื่นปีจะไม่มีโอกาส ได้ทำการคิดร้ายต่อหม่อมฉันอีก เพราะฉะนั้น ถ้าจะอยู่ต่อไปให้มีความสุข ก็ขอให้จดจำ สิ่งที่หม่อมฉันพูดวันนี้ แม้จนวันตายก็อย่าลืม เข้าใจมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
กลับถึงตำหนักแชจีคยอมนำรายงานขึ้นมาทูล
“หึ ทั้งหมดนี้ คือรายงานการลงโทษนักโทษกลุ่มสุดท้ายที่เหลือพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำงานดีมาก ลำบากทุกคนจริงๆ เชิญท่านกลับไปพักผ่อนได้”
” ฝ่าบาท นี่ก็ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เสด็จไปบรรทมเถอะพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่ครองราชย์มา ดูเหมือนไม่มีวันไหนที่บรรทมเกินสองชั่วยามนะพ่ะย่ะค่ะ”



“ท่านก็น่าจะปรับตัวเหมือนข้านะ ต่อไปอาจต้องอดหลับอดนอน อย่าคิดว่าจะได้เสวยสุขอย่างสบาย”
“ฝ่าบาท”
” ท่านรู้อะไรหรือเปล่า การตัดสินคดีนี้ เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับข้า เพราะอนาคตยังจะมี อีกหลายคนที่มาปองร้าย และเพื่อป้องกันตัว สองมือข้าก็จะเปื้อนเลือดไม่รู้จักจบ”
“ฝ่าบาท”
“แต่ว่า ที่พูดนี่ไม่ได้แปลว่าข้ากลัว ข้าไม่นึกเสียใจที่ตัวเองก้าวมาถึงตำแหน่งนี้ เพียงแต่คิดว่า อะไรที่ข้าสามารถทำได้บาง ข้าจะเป็นพระราชาที่อยู่เพื่อราษฎร และเห็นแก่บ้านเมืองมาก่อน”
พระเจ้าจองโจทรงนึกถึงองค์ชายซาโต “เสด็จพ่อทรงเป็นพยานให้หม่อมฉันด้วย นับแต่นี้ หม่อมฉันจะทำงานให้เสด็จพ่อได้เห็น”
หลัง จากที่พระเจ้าจองโจ ทรงกวาดล้างผู้ก่อการกบฏเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ทรงเริ่มต้นสร้างฐานอำนาจให้ พระองค์เอง สิ่งแรกที่พระองค์ทรงกระทำนั้นคือสร้างหอตำราที่หลังอุทยาน
ฮงกุก ยองซึ่งไม่เข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้าจองโจนั้นกลับเข้าใจผิดคิดว่า หลังจากที่องค์ชายลีซานขึ้นครองราชย์แล้ว ก็เปลี่ยนไปโดยทำตัวเหมือนกับอดีตพระราชาไม่ห่วงใย ไม่นำพาความผาสุกของพสกนิกร ไม่ทำให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สนพระทัยแต่เพียงแสวงหาความสำราญส่วนพระองค์เท่านั้น เขาบ่นกับแชจีคยอม
พระ เจ้าจองโจทรงเลื่อนตำแหน่งให้เหล่าทหารที่ช่วยเหลือพระองค์ เทซูเองก็ได้เลื่อนตำแหน่งด้วย พระเจ้าจองโจทรงพบเทซูที่ลานฝึก ซึ่งพระองค์คิดว่าปานนี้เขาน่าจะชวนเพื่อนสนิทไปเมากัน เพราะวันนี้มีประกาศปูนบำเหน็จ พระเจ้าจองโจทรงคิดว่าพวกเทซูน้อยใจพระองค์ เทซูก็ยอมรับ พระเจ้าจองโจตรัสว่าขอให้รอพร้อมกว่านี้ แล้วพระองค์จะบอกทั้งฮงกุกยองและพวกเทซูว่าเพราะเหตุใด

จบ ตอนที่ 47

No comments:

Post a Comment