Thursday 11 June 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนอวสาน



ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนอวสาน

ปีที่ยี่สิบสี่แห่งรัชสมัยพระเจ้าจองโจ เทซูดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ได้ทูลเสนอแผนการปฏิรูปกองทัพต่อพระเจ้าจองโจ
ชองยายงทูลองค์ชายซุนโจ ซึ่งเป็นพระโอรสในพระสนมวาพินว่า
“องค์ชาย นี่เป็นวันที่สามแล้วนะ เสวยอะไรหน่อยเถอะพะยะค่ะ”
“ข้าจะไม่กินข้าว จนกว่าจะหาคำตอบที่เสด็จพ่อทรงตั้งคำถามให้ข้าตอบได้ซะก่อน”
“เอ่อ งั้นหม่อมฉันขอถาม ฝ่าบาททรงตั้งคำถามอะไรหรือพะยะค่ะ”
“ข้าไม่บอกท่านหรอก เพราะคำตอบนี้ ข้าจะหาด้วยตัวเอง”
องค์ชายซุนโจหาคำตอบได้ก็รีบเสด็จไปเฝ้าพระเจ้าจองโจ
“นั่งลง มาก็ดีแล้ว ว่าไง ได้คำตอบแล้วใช่ไหม”
“พะยะค่ะ”
“งั้นจงตอบข้ามา การเป็นพระราชาที่ดี เหนือสิ่งอื่นใด อะไรคือคุณสมบัติเบื้องต้น”
“นั่นก็คือ ต้องเข้าใจและเข้าถึงราษฎรพะยะค่ะ”
“เข้าใจราษฎรหรือ ถ้าอย่างงั้น ทำยังไงถึงเรียกว่าเข้าใจราษฎรน่ะ”
“ก็คือ ทุกคนต้องการความเป็นอยู่ที่ดี”
“งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น เราต้องทำไงบ้าง ถ้าจะให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดี พระราชาต้องทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก”
“ถ้าจะช่วยคนอื่น ก็ต้องหมั่นหาความรู้ใส่ตัว” องค์ชายซุนโจทูลตอบ
“ไม่ใช่”



“งั้นก็คือ ลดการเก็บภาษี ไม่ให้มีการทุจริต”
” นี่ก็ไม่ถูกอีก สิ่งที่เจ้าพูด เป็นหน้าที่พระราชาก็จริง แต่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้น เจ้าจงกลับไปคิดใหม่ อย่ารีบร้อนหาคำตอบ โดยไม่ตั้งใจคิด ค่อยๆ ไตร่ตรอง หาเหตุผลรองรับที่ดี แล้วค่อยมาหาข้าอีกที เข้าใจมั้ย”
“พะยะค่ะเสด็จพ่อ”
พระเจ้าจองโจทรงคิดถึงพระเจ้ายองโจที่ทรงตั้งคำถามนี้กับพระองค์ และทรงตอบไว้ว่า
“ห่วงใยและรู้จักฟังเสียงของราษฎร ก็คือพระราชาที่ดี”
พระเจ้ายองโจตรัสถามต่อว่า “เสียงของราษฎรมีอะไรบ้าง”
“พ้นจากความยากไร้ ได้กินดีอยู่ดี”
“ถ้าเจ้าเป็นพระราชา สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร”
“ลดภาษีและการส่งส่วย จัดระเบียบสังคมให้มีแบบแผน”
“ผิดแล้ว ตอบใหม่ซิ”
“เอ่อ คือ ไม่ให้ขุนนางรังแกราษฎรตามใจชอบ เข้มงวดต่อพวกเขา”
“ผิดอีก”
“ถ้า ถ้าอย่างงั้น ก็ต้องเป็น ให้ทหารบางส่วนปลดระวาง ไปทำการค้าเลี้ยงดูครอบครัว”
“ตอบผิดทั้งนั้น สิ่งแรกที่พระราชาควรทำคืออะไรยังไม่รู้ แล้วยังคู่ควรเป็นหลานข้าอีกหรือ”
นัมซาโชทูลพระเจ้าจองโจว่า “กว่าองค์ชายจะหาคำตอบได้ เห็นทีจะนานนะพะยะค่ะ”
“แต่ว่า ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องค้นพบคำตอบ รีบไปเถอะ วันนี้ยังมีงานต้องทำอีกมาก”
“พะยะค่ะ”



แผนการปฏิรูปกองทัพเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าจองโจยิ่งนัก
พระเจ้าจองโจทรงงานอย่างหนัก ทำให้พระองค์ทรงหน้ามืด ทุกคนตกใจ
“ฝ่าบาท”
“ทรงเป็นไรหรือเปล่า”
“หม่อมฉันจะตามหมอมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ ไม่ต้องตาม”
“แต่ว่าฝ่าบาท”
“ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง อาการแบบนี้ใช่ว่าเพิ่งเกิดครั้งแรก เฮ่อ หึๆ ไปกันเถอะ”
ใกล้วันเซ่นไหว้พระสนมซองซงยอน เหล่าซังกุงเตรียมเครื่องเซ่น พระมเหสีโยอึยมาเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
“ของเซ่นไหว้เตรียมพร้อมหมดแล้วใช่ไหม” พระพันปีเฮคยองตรัสถาม
“พร้อมแล้วเพคะ พรุ่งนี้เช้าทุกคนจะออกเดินทางทันที”
“ฝ่าบาทก็คงไปด้วยสิ”
“เพคะ”
“หมู่นี้ได้ยินว่าฝ่าบาทสุขภาพไม่สู้ดีนัก คงเพราะโหมงานจนลืมดูแลตัวเองเป็นแน่แท้”
วันนี้พระเจ้าจองโจเสด็จนำพระพันปีเฮคยอง พระมเหสีโยอึยไปเซ่นไหวพระสนมซองซงยอน เสร็จแล้วพระองค์ตรัสถามเทซูว่า
“เทซู เจ้าพูดอะไรกับซงยอนบ้าง เมื่อกี้เห็นยืนตั้งนานไม่ยอมถอยมา คงจะพูดเรื่องสำคัญล่ะสิ”
” หม่อมฉันขอให้พระสนม ช่วยคุ้มครองให้ฝ่าบาททรงแข็งแรง เพราะไม่ว่าเราจะทูลยังไง ฝ่าบาทก็ไม่เคยดูแลพระองค์เอง เลยต้องให้พระสนมทรงช่วยบ้าง”
“งั้นหรือ เฮ่อๆๆ งั้นก็แย่สิ สงสัยคืนนี้ นางต้องมาเข้าฝันและบ่นข้าแน่ เฮ่อๆๆ ทุกครั้งที่มาเยี่ยมนาง ข้าชอบขึ้นมาอยู่บนเนินเขานี้ ยืนอยู่ที่นี่ จะมองเห็นทิวทัศน์ทั้งเมือง แทบอยู่ในสายตาหมด เจ้าเห็นยังไงบ้าง ภาพข้างหน้า ดูเป็นเมืองที่สงบ และน่าอยู่หรือเปล่า”
“พะยะค่ะ หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้น”



“ข้าน่ะ ตั้งใจมานาน ที่จะเป็นพระราชาที่ดีแห่งโชซอน ให้ชาวประชาที่มาอาศัย แม้จะต่างชนชั้นอาชีพ แต่ก็มีชีวิตที่ร่มเย็น พอมีพอกิน มีความสุขไปตามอัตภาพ”
“ฝ่าบาท ทุกวันนี้ก็ทรงทำได้แล้วพะยะค่ะ หม่อมฉันเชื่อว่าโชซอน ไม่เคยมียุคไหนที่รุ่งเรืองเท่ากับสมัยนี้”
“ไม่หรอก ยังไม่ถึงขนาดนั้น สิ่งที่ข้าจะทำ ยังมีอีกหลายอย่าง และสิ่งที่ควรทำ ก็ไม่จบไม่สิ้นซะที”
พวกพ่อค้าโวยวายไม่อยากใช้เงินชิง จะมาขอแลกคืน พระเจ้าจองโจทรงปรึกษากับชองยายง
“นี่คือเงินชิงที่เราซื้อมา ส่วนนี่คือ เงินปลอมที่กำลังระบาดอยู่พะยะค่ะ”
“ดูด้วยตาเปล่าแทบไม่ต่างเลย”
” นั่นสิพะยะค่ะ เนื่องจากไม่ค่อยมีลวดลาย อีกทั้งวัสดุหาง่าย จึงง่ายต่อการปลอมแปลง ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีเงินปลอมใช้กันเกลื่อนในตัวเมืองพะยะค่ะ”
“และที่ชาวบ้านชุมนุมประท้วงก็เพราะเรื่องนี้ เพราะมีเงินปลอมแพร่ระบาด จึงขอให้เลิกใช้เงินชิงซะ” เชกาทูล
“แล้วยังไง ตอนนี้รุนแรงมากมั้ย”
” ที่เราใช้เงินต้าชิงเพื่อจะแก้ปัญหาเงินฝืด แต่กลายเป็นพ่อค้าไม่ยอมรับ ทำให้ปัญหายิ่งลุกลาม โดยเฉพาะร้านค้าใหญ่ ต่างทยอยปิดตัวเพราะไม่กล้ารับความเสี่ยงพะยะค่ะ”
“ก่อนอื่นคงต้องเก็บเงินปลอมคืนมา และจับกุมพวกที่ผลิตเงินปลอม ถึงจะแก้ปัญหาได้พะยะค่ะ”
พระเจ้าจองโจทรงงานอย่างหนัก นัมซาโชต้องคอยทูลเตือนให้บรรทม
“ฝ่าบาท ทรงเข้าบรรทมเถอะพะยะค่ะ นี่ตั้ง 4 วันแล้ว ที่ไม่ได้บรรทมอย่างเพียงพอ”
“ปัญหาเรื่องเงินปลอมลุกลามไปหลายเมือง ข้าอยากจะ ตรวจฎีกาทั้งหมดให้จบก่อน”
“แต่ว่าฝ่าบาท”



“ไม่ต้องห่วง ข้าน่ะ รู้ว่าตัวเองยังทนไหว เฮ่อ”
นัมซาโชให้ซังกุงรีบตามหมอหลวงมาดูอาการของพระเจ้าจองโจ ระหว่างที่รอชองยายงมาขอเข้าเฝ้า นัมซาโชถามว่า
“เรื่องด่วนหรือเปล่า
“จะว่าด่วนก็ไม่เชิง เกี่ยวกับคนที่ผลิตเงินปลอม จะมาถวายรายงานน่ะครับ”
“หึ ถ้าอย่างงั้น ไว้วันหลังค่อยมาได้ไหม หลายวันนี้ฝ่าบาทยังไม่ได้บรรทมเลย ข้ากะว่าคืนนี้ อยากให้ทรงพักผ่อนให้มากที่สุด”
วันต่อมาพอพระเจ้าจองโจทรงทราบจากชองยายงก็ถอนพระทัย
“อะไรนะ ทั้งพ่อค้ารายใหญ่รายย่อย ยังไม่ยอมเปิดกิจการอีกหรือ”
“พะยะค่ะ แม้ทางการจะกวาดล้างพวกผลิตเงินปลอมอย่างหนัก แต่พ่อค้าก็ไม่ไว้ใจเงินต้าชิงอยู่ดี”
พระเจ้าจองโจมองหน้า “หึ”
“เป็นปัญหาทางจิตวิทยาพะยะค่ะ ถ้าคนไม่เชื่อมั่นในเงินตรา เราจะยากจะบังคับได้”
“แต่ถ้าขืนปล่อยไว้ เศรษฐกิจของเราต้องพังแน่ สุดท้าย บ้านเมืองก็จะสั่นคลอนเพราะเรื่องนี้”
“หม่อมฉันเห็นว่า ถ้าไงมีประกาศ ให้เลิกใช้เงินชิงชั่วคราวดีไหมพะยะค่ะ”
” ทำไมคิดอย่างงั้น ให้เลิกใช้เงินชิงหรือ ฝ่าบาท ไม่ได้นะพะยะค่ะ เราเสียงบประมาณส่วนใหญ่ไปกับเงินชิง และตอนนี้ เงินชิงก็กำลังจะส่งมาอีกระลอกหนึ่ง แล้วจะทำไงดี”
ชองยายงถอนใจ “เฮ่ย”



“บอกกับตอนนี้ ไม่มีทางอื่นจะแก้ปัญหาเงินฝืดได้ ถ้าระงับการใช้ เกรงว่าปัญหาจะยิ่งเลวร้ายลง”
“แล้วเราจะพูดกับพวกพ่อค้ายังไง ถึงออกมาตรการบังคับ พวกเขาก็ไม่ยอมรับเงินต้าชิงอยู่ดี”
“หึ งั้นข้าจะไปคุยเอง ข้าจะออกหน้าด้วยตัวเอง คุยกับบรรดาพ่อค้าทั้งหลาย ให้เข้าใจสถานการณ์” พระเจ้าจองโจตรัส
เช กามาทูลพระเจ้าจองโจว่าพวกชาวบ้านพากันเครียดมากเกี่ยวกับเงินปลอม พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งให้เรียกประชุมเหล่าขุนนางทันที เชกาทูลพระเจ้าจองโจอีกว่า
“ฝ่าบาท ทรงรับสั่งว่า ให้ทางการรับคืนเงินชิงทั้งหมดหรือพะยะค่ะ”
” ใช่ ข้าตัดสินใจแบบนี้ รู้ว่าทุกท่านมีความกังวลอะไรบ้าง ถ้าทางการรับคืนเงิน ความเสียหายจะเกิดอย่างมหาศาล และหนทางที่จะแก้ปัญหาเงินฝืด ก็ยิ่งยากเย็นไปอีก แต่ถึงอย่างงั้น ข้าก็เชื่อว่านี่คือหนทางที่ดี เพราะการค้า เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เราจะให้คนค้าขาย ไม่เชื่อมั่นในเงินตราได้ยังไง”
“ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ เพราะความผิดพลาดของหม่อมฉัน ทำให้ฝ่าบาทและราชสำนักเดือดร้อน”
” ไม่หรอก นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน ตอนเราเอาเงินชิงเข้ามา ไม่นึกว่าจะเกิดปัญหาเงินปลอม ถือว่าข้าผิดเอง ที่ไม่ทันคิดรอบคอบ แต่สำคัญคือนับแต่นี้ ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจ หาวิธีแก้ปัญหาเงินฝืดให้ได้ ข้าเชื่อว่าถ้าเรามีสติ ไม่มีอะไรที่แก้ไม่ได้ ข้าจะเคี่ยวเข็ญให้ทุกคนช่วยกันคิด เข้าใจมั้ย”
“พะยะค่ะฝ่าบาท”
ชองยายงทูลพระเจ้าจองโจว่าจะหาแร่อื่นมาแทนทองแดง พระเจ้าจองโจทรงอึ้งไป
“ว่าไงนะ จะหาแร่อื่นมาแทนทองแดงงั้นหรือ”
“พะยะค่ะ ถูกต้องแล้ว การผลิตเหรียญต้องใช้ทุนสำรองที่สูง สาเหตุหลักก็เพราะทองแดงมีราคาสูงมาก”
“แต่ถ้าเงินเหรียญไม่ผสมทองแดง เนื้อจะอ่อน กลายเป็นเศษเงินที่ไร้ค่า แล้วจะมีแร่ชนิดอื่นที่แข็งพอมาแทนที่ได้หรือ”
“หม่อมฉันจะพยายามหาดู”
หมอ หลวงจะมาตรวจพระอาการของพระเจ้าจองโจ นัมซาโชบอกว่าเสด็จไปโรงกษาปณ์ หมอหลวงเลยดุนัมซาโชที่ให้เสด็จไปทรงงานหนัก ทั้งที่ทรงประชวรหนักไม่น้อย นัมซาโชรีบไปตามพระเจ้าจองโจทันที
ที่โรงกษาปณ์ ชองยายงนำเหรียญที่ผลิตแล้วมาให้พระเจ้าจองโจทอดพระเนตร
“พวกนี้ ก็คือเหรียญที่ผลิตจากแร่หินชาชอนพะยะค่ะ ฝ่าบาท พระพักตร์ไม่สู้ดีนัก หรือจะกลับวังดีมั้ย”
“ไม่ ข้าไม่เป็นไร พวกนี้ ต้องเอาไปเทียบกับเหรียญที่เราใช้อยู่”



“พะยะค่ะ หม่อมฉันจะไปเอามาเดี๋ยวนี้”
ชอง ยายงออกไป พระเจ้าจองโจรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที กว่าเทซูกับชองยายงจะกลับมาเห็นพระเจ้าจองโจก็ทรงหมดสติไปแล้ว ทั้งสองรีบพาพระเจ้าจองโจกลับวังหลวง พระมเหสีโยอึยทรงทราบก็รีบเสด็จไปดูแลพร้อมเจอกับพระพันปีเฮคยอง
“เสด็จแม่”
“ชุงจอน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฝ่าบาท อยู่ดีๆ เกิดไม่สบายได้ล่ะ หา”
พระมเหสีโยอึยทรงอึกอักเพราะยังไม่ทราบเหมือนกัน
คังซกกีกับซอจังบูรีบมาถามเทซูทันที
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้ฝ่าบาท ทรงเป็นไงบ้างรู้มั้ย”
“เพราะข้าเลินเล่อ ไม่ได้อยู่ใกล้ชิด ทั้งหมดนี้ เป็นความผิดของข้าเอง”
พระพันปีเฮคยองกับพระมเหสีโยอึยทรงถามพระอาการของพระเจ้าจองโจจากหมอหลวง
“ท่านบอกว่าอาการของฝ่าบาทน่าเป็นห่วง นี่มันหมายความว่าไงน่ะ”
“ท่านหมอ รีบพูดมาเร็วเข้า”
“ทรงมีฝีในพระวรกาย จนเกินจะเยียวยา บวกกับเชื้อกระจายไปทั่ว ทำให้ทรงมีไข้ และสุดท้ายจึงได้หมดสติพะยะค่ะ”



พระพันปีเฮคยองทรงตกพระทัยมาก “หา หึ”
พระมเหสีโยอึยทรงตั้งสติและถามต่อ “แล้วยังไงอีก ข้าอยากรู้วิธีรักษา พอจะทำให้หายได้ไหม”
“แม้จะใช้ยา “ยกจี” และ “ซงตัน” แต่ยังทรงมีไข้สูง ทำให้ยากจะคาดเดาผลได้ หม่อมฉันไร้สามารถ ทรงประหารหม่อมฉันเถอะพะยะค่ะ”
ทั้งสองพระองค์พากันตกพระทัยมาก พระพันปีเฮคยองถึงกับทรงหมดเรี่ยวแรง ซังกุงรีบประคอง
“พระพันปี”
พระพันปีเฮคยองทรงกรรแสง “ฮือ ฮือ ฮือ”
พระเจ้าจองโจทรงปวดมากและร้องออกมา หมอหลวงตรวจพระอาการอย่างใกล้ชิด
” หม่อมฉันจะถวายยา “กาคัง” เสริมให้อีก ที่จริงฝ่าบาทน่าจะเสวยตั้งแต่แรกเริ่มที่มีอาการ แต่เพราะหมออื่นคัดค้าน หม่อมฉันเลยไม่กล้าถวายอีก”
พระมเหสีโยอึยตรัสถาม “เพราะอะไร”
” เพราะว่ายานี้ ไม่ได้รักษาเกี่ยวกับโรคฝี แต่มีผลดีต่ออาการไข้พะยะค่ะ เนื่องจากฝ่าบาททรงมีไข้สูงมาหลายวัน หม่อมฉันจึงจะหยุดรักษาเกี่ยวกับโรคฝีก่อน แต่ใช้ยากาคังบรรเทาไข้ให้ลดลง แต่ถ้าโชคร้าย ในสามวันนี้ ไข้ยังไม่ลดอีก หม่อมฉันก็เห็นจะจนปัญญาแล้วพะยะค่ะพระมเหสี”
“ฮือ ฝ่าบาททรงทราบมั้ยเพคะ ฮือ แค่สามวันเท่านั้น ในระหว่างนี้ ฮือ ยังไงก็ต้องทรงรู้สึกพระองค์นะเพคะ”
เสียงพระเจ้าจองโจทรงร้องโอดครวญดังมา ทำให้คิมซังกุงกับโชบีถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา พระมเหสีโยอึยทรงปลอบ
“อย่าร้องไห้อีกเลย ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทต้องหายดี ฉะนั้น อย่าให้ข้าเห็นน้ำตาของใครอีก”
เท ซูอยู่ลำพังก็ได้แต่ภาวนา “ตอนนี้ยังไม่ได้ นี่ยังไม่ใช่เวลานะพะยะค่ะ ฝ่าบาท ยังไม่ควรเสด็จไปตอนนี้ หม่อมฉัน จะไม่ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แบบนี้ ฮือ ฉะนั้น พระสนมได้โปรด ช่วยคุ้มครองฝ่าบาทด้วย ช่วยให้ฝ่าบาททรงปลอดภัย อย่าได้ทรงประชวรอีกเลย พระสนม ฮือๆๆ ฮือๆๆ”



พระพันปีเฮคยองทรงไหว้พระและคิด “โปรดช่วยคุ้มครองฝ่าบาทด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองฝ่าบาทด้วยเถอะ”
ขณะ ที่พระหมื่นปีจองซุนเองก็ทรงรู้สึกหดหู่ “ฝ่าบาททรงทราบอะไรมั้ยเพคะ เป็นเรื่องที่น่าแปลกไม่น้อย ทันทีที่รู้ว่านัดดาของพระองค์ซึ่งเป็นคู่อริกำลังป่วยหนัก หม่อมฉันกลับไม่รู้สึกดีใจ ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของหม่อมฉัน กลับรู้สึกเฉยๆ”
พระเจ้าจองโจทรงฝันเห็นซองซงยอนมาร้องไห้อยู่ข้างๆ
” ฮือ ฝ่าบาท ฮือ ทำไมทรงกลายเป็นแบบนี้ ฮือ ทำไมถึงได้ ทรุดโทรมลงไปมากถึงขนาดนี้ ฮือ ฮือ ฝ่าบาทต้องทรงเข้มแข็งไว้ ฮือ ฝ่าบาทต้องทรง เห็นแก่บ้านเมือง อดทนให้มากนะเพคะ ฮือ หม่อมฉันขอร้อง ขอให้ฝ่าบาท ทรงอดทนอีกนิด”
“โอย โอย” พระเจ้าจองโจครางและลืมตา “ซงยอน”
“หึ ฝ่าบาท”
“ฮือๆๆ เจ้าจริงหรือ คนที่อยู่กับข้าตอนนี้ คือเจ้าจริงหรือซงยอน”
“ฮือ จริงเพคะ ฮือ หม่อมฉันมาเฝ้าแล้ว ฮือ หม่อมฉันมาอยู่กับฝ่าบาท”
“ฮือๆๆๆ”
“ฝ่าบาททรงเข้มแข็งไว้นะ ฮือ ต้องทรงเอาชนะโรคภัยให้ได้ ฮือ หม่อมฉันเชื่อว่า ฝ่าบาทเป็นคนเข้มแข็งเสมอ”
“ฮือๆๆๆ”
“ฝ่าบาทยังทรงมีงาน ต้องทำอีกมากไม่ใช่หรือเพคะ ฮือ ยังทรงมีพระดำริ อีกหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้เป็นจริงเลย”
“หึ หึ ซงยอน”
“ฝ่าบาท”



“ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่ข้าจะไป เพราะข้ายังไม่ได้ ทำงานทุกอย่างให้เสร็จจริงมั้ยซงยอน”
พระมเหสีโยอึยเสด็จมา และตรัสถามนัมซาโชว่า
“พระอาการ ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ”
“พะยะค่ะ ยังไม่ดีขึ้นเลย”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหมอหลวงกับซังกุงร้องเรียกพระเจ้าจองโจ พระมเหสีโยอึยรีบเสด็จเข้าไปทันที
“หึ เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“เอ่อ ฝ่าบาททรงฟื้นแล้วพะยะค่ะ ทรงรู้สึกพระองค์แล้ว”
“หา หึ ฝ่าบาท ฮือ ฝ่าบาท หม่อมฉันเองเพคะ ทรงจำหม่อมฉันได้ไหม”
“ชุงจอน”
“ฮือ ฝ่าบาท”
นัมซาโชออกไป เทซูรู้ข่าวก็ดีใจมาก นัมซาโชสั่งให้ซังกุงนำโจ๊กมาถวายเร็วๆ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงครับ ท่านบอกว่าฝ่าบาทไม่ได้ทรงหายดีหรอกหรือ ใต้เท้า” เทซูถามนัมซาโช
“หมอหลวงบอกว่าอาการยังหนักอยู่ คิดว่าคงอยู่ได้ไม่นานนัก ที่ทรงรู้สึกพระองค์ ก็เหมือนปาฏิหาริย์แล้ว”
เทซูตกใจมาก “หา”
“แต่ว่าเทซู ข้าเชื่อพระทัยฝ่าบาท ทรงเข้มแข็งยิ่งกว่าใคร คงไม่ยอมแพ้โรคภัยง่ายๆ แน่”
นัมซาโชเข้ามาทูลพระเจ้าจองโจ
“ฝ่าบาท แม่ทัพปาร์คมาขอเฝ้าพะยะค่ะ”
“หึ มาแล้วหรือ”



“ทำไมยังทรงงานอยู่ล่ะพะยะค่ะ”
“ไม่เป็นไร ข้าเคยบอกทุกคนแล้วว่า ถ้าทำงานไหวก็จะทำไปเรื่อยๆ”
” ฝ่าบาท ถือว่าเห็นแก่หม่อมฉันซักครั้ง ตอนนี้สิ่งสำคัญคือพระวรกายของพระองค์ ฉะนั้น ให้ทรงลืมราชกิจไปก่อน ดูแลพระอนามัยให้ทรงแข็งแรงดีกว่า”
“หึ ข้าว่าเจ้า คงรู้ว่าอาการของข้า ไม่มีทางหายได้ง่ายๆ เทซู เข้าใจใช่ไหม เพราะอย่างงี้ข้าเลยยิ่งต้องทำงาน เพราะเป็นโรคที่หมดทางเยียวยา ข้าจึงเหลือเวลาไม่มากนัก ต้องรีบทำงานทุกอย่างให้จบ”
“หึ ฝ่าบาท”
” หึ ต่อไปคงต้องฝากรัชทายาทไว้ ตอนนี้เขายังเด็กนัก ถ้าครองราชย์หลังจากข้าตายไป เขาต้องมีปัญหาเยอะแน่ ฉะนั้นไม่ว่าจะดีหรือร้าย ตราบใดที่เขายังอยู่ในตำแหน่งนี้ เจ้าต้องคอยปกป้องดูแล เหมือนที่ทำกับข้า ซื่อสัตย์ ต่อเขาต่อไป”
“ฮือ พะยะค่ะ หม่อมฉันขอถวายสัญญา หม่อมฉัน จะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท”
” หึ หึ สำหรับ การเป็นเพื่อนที่ดีของข้า ข้ายังต้องขอบใจเจ้า เกิดมาชาติหนึ่ง ข้าได้มีเพื่อนที่รู้ใจอย่างเจ้า แค่นี้ก็อุ่นใจมากแล้ว”
“ฮือ ฮือ ฝ่า ฝ่าบาท ฮือ ฮือ”
ทันใดนั้น พระเจ้าจองโจก็ทรงหมดสติไป หรือนี่คือการสิ้นสุดความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์จองโจ จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน
วันเวลาผ่านไป เทซูมาเข้าเฝ้าพระเจ้าซุนโจ
“รับสั่งให้หาหรือพะยะค่ะ”
“หึ ได้ยินว่า ท่านเป็นสหายกับเสด็จพ่อตั้งแต่ยังเด็กหรือ”
“พะยะค่ะฝ่าบาท ถูกต้องแล้ว”
“เจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่”



“ดูเหมือนว่า หม่อมฉันซัก 11 ขวบได้ ตอนนั้นอดีตพระราชายังเป็นแค่องค์ชาย และหม่อมฉันก็เจอพระองค์ที่ตำหนักซีมินตังพะยะค่ะ”
“อายุพอกับข้าตอนนี้หรือเปล่า”
“เอ่อ ใช่พะยะค่ะ”
” ข้าเคยได้ยินเสด็จพ่อตรัสถึงท่านบ่อยๆ รับสั่งว่าเป็นสหายที่รู้พระทัยและมีความซื่อสัตย์อย่างมาก หึ แต่ข้ารู้สึกกลัว ข้าไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง ไม่รู้จะเจริญรอยตามเสด็จพ่อได้หรือเปล่า”
“เอ่อ ฝ่าบาท หึ เรื่องนี้อย่าทรงกังวลเลยพะยะค่ะ ยังมีหม่อมฉันที่จะอยู่เคียงข้างฝ่าบาทเสมอ หม่อมฉัน จะขอถวายอารักขา แม้จะแลกด้วยชีวิตก็ตาม ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าดีหรือร้าย ขอให้ฝ่าบาททรงเข้มแข็ง เป็นพระราชาที่ทำนุบำรุงบ้านเมืองเหมือนเสด็จพ่อนะพะยะค่ะ”
“อึม” พระเจ้าซุนโจดีพระทัย
เทซูนึกถึงพระเจ้าจองโจ “หึ ฝ่าบาท ทรงสำราญดีมั้ยพะยะค่ะ อยู่บนสวรรค์ ได้พบพระสนมแล้วหรือยัง หึ”
พระเจ้าจองโจทรงพาเทซูไปที่เมืองหนึ่งและตรัสว่า
“เจ้าเห็นยังไงบ้าง ภาพข้างหน้า ดูเป็นเมืองที่สงบ และน่าอยู่หรือเปล่า”
“พะยะค่ะ หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้น”
” ข้าน่ะ ตั้งใจมานาน ที่จะเป็นพระราชาที่ดีแห่งโชซอน ให้ชาวประชาที่มาอาศัย แม้จะต่างชนชั้นอาชีพ แต่ก็มีชีวิตที่ร่มเย็น พอมีพอกิน มีความสุขไปตามอัตภาพ ข้าอยากให้เกิดความเสมอภาค ไม่มีใครถูกกดขี่ข่มเหง อยู่ในโลกที่ ไม่มีความหิวโหย ไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ ไพร่ฟ้าหน้าใสทั่วหล้า อะไรที่ทำเพื่อพวกเขาได้ ข้า พร้อมจะเสียสละความสุขส่วนตัว โดยไม่รีรอ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขอย่างแท้จริง”
“ฝ่าบาททรงทราบมั้ยพะยะค่ะ จนถึงวันนี้ หม่อมฉันยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นรับสั่ง ที่ทำให้เกิดความปลาบปลื้มนัก แสงแดดอันแรงกล้ายังไม่เท่าแววพระเนตรอันมุ่งมั่นของพระองค์ ที่ต้องการส่องสว่าง ให้อนาคตของโชซอนมีแต่ความรุ่งเรือง นับแต่นี้ หม่อมฉันจะสานต่อเจตนารมณ์ของพระองค์เอง แนวคิดของฝ่าบาทจะมีราษฎรเป็นผู้เจริญรอยตาม ฉะนั้นทุกอย่างยังไม่จบลง และไม่มีวันจบด้วย ซักวันความหวังของฝ่าบาท จะสัมฤทธิ์ผลไปทั่วแดน ถึงตอนนั้นราษฎรของพระองค์จะมีชีวิตที่ดีขึ้น สมกับความทุ่มเทมาตลอดพระชนม์ชีพ”

...อวสาน...

No comments:

Post a Comment