Thursday 11 June 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 76



ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 76

ขณะ ที่พระเจ้าจองโจกำลังทรงชื่นชมวาซองนั่นเองได้ถูกคนร้ายลอบปลงพระชนม์ เมื่อเทซูรู้เรื่องนี้แล้วก็มีคำสั่งให้ทหารองครักษ์สืบหาตัวคนร้ายให้ได้
จาก นั้นเทซูก็รีบรุดไปถวายอารักขาพระเจ้าจองโจทันที เมื่อเทซูเดินทางไปถึงวาซอง ในขณะที่พระเจ้าจองโจกำลังทรงทอดพระเนตรดอกไม้ไฟอยู่นั่นเอง พระองค์ก็ทรงรู้สึกว่ามีคนร้ายดักซุ่มอยู่ ทำให้พระเจ้าจองโจทรงเตรียมการรับมือคนร้าย คนร้ายเข้าประชิดพระเจ้าจองโจทุกที บรรดาทหารที่เฝ้ากำแพงเมืองถูกคนร้ายฆ่าตาย
คนร้ายประชิดตัวพระเจ้าจอง โจเข้ามาทุกที บรรดาขุนนางใหญ่ต่างรู้สึกว่าพระเจ้าจองโจกำลังทรงมีภัย จากแผนถวายอารักขาพระเจ้าจองโจนั้นให้ทหารองครักษ์เฝ้าอารักขาอยู่ด้านนอก ทำให้มีทหารที่อยู่ในงานไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พระเจ้าจองโจและบรรดาขุนนางใหญ่ต่างต้องพึ่งตนเอง
ขณะ ที่พระเจ้าจองโจและบรรดาขุนนางใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตรายนั่นเอง บรรดาทหารองครักษ์ภายใต้การนำของเทซูก็เข้ามาถวายอารักขาพระเจ้าจองโจ
คน ร้ายใช้ไม้ตายซึ่งอยู่ที่ดอกไม้ไฟชุดสุดท้าย แต่เนื่องจากในเวลานี้ดอกไม้ไฟชุดสุดท้ายยังไม่ได้จุดขึ้นมา ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดไปหมด ทันใดนั้นเอง ดอกไม้ไฟชุดสุดท้ายก็ถูกจุดขึ้นมา ในเวลานี้คนร้ายตกอยู่ในวงล้อมของทหารองครักษ์
เทซูตะโกนบอกคนร้ายว่า ถ้าหากยังรักชีวิตก็ให้วางอาวุธ เมื่อบรรดาคนร้ายได้ยินเช่นนั้น ก็พากันวางอาวุธ ทหารองครักษ์เห็นเช่นนั้นจึงพากันเข้าจับกุมคนร้าย
เท ซูและพวกพากันไปตรวจค้นที่พักของบรรดาขุนนางใหญ่ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวพัน กับคนร้าย ทำให้บรรดาขุนนางใหญ่ถูกจับกุมตัวไปทีละคน แม้แต่แชซกจูก็ถูกเทซูควบคุมตัวกลับไปด้วย
“สุดท้ายก็ต้องจบลงแบบนี้นะท่าน” พระเจ้าจองโจตรัส



แชจีคยอมทูลว่า “ฝ่าบาท ต้องเสด็จกลับเมืองหลวงแล้วพะยะค่ะ”
“ข้าคงต้องกลับไป เข้าเฝ้าพระหมื่นปีให้ดีซักครั้ง”
เท ซูเดินทางกลับวังหลวงก่อนเพื่อจับกุมตัวพระมเหสีจองซุน เมื่อเทซูไปถึงห้องบรรทมของพระมเหสีจองซุน พระมเหสีจองซุนกลับขัดขืนไม่ยอมให้เทซูจับกุมตัว
“หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการพบฝ่าบาท มีเรื่องบางอย่างจะทูลให้ทรงทราบ เพราะฉะนั้น”
เทซูทูลว่า “อย่าเสียเวลาอีกเลย นึกว่าสิ่งที่ทำจะช่วยให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้หรือ ยืนเฉยทำไม มัดนักโทษเอาไว้ก่อน”
” ปล่อยข้า พวกเจ้าบังอาจนัก ทำแบบนี้หมายความว่าไง กล้าเสียมรรยาทต่อข้าเชียวหรือ ยังไงข้าก็เป็นพระหมื่นปี บอกว่าจะพบฝ่าบาทไม่ได้ยินหรือไง”
พระเจ้าจองโจทรงเสด็จมาถึง “ทุกคนถอยไป”
“ฝ่าบาท”
“ได้ยินว่ามีเรื่องจะรับสั่งงั้นหรือ ก็ได้ มีอะไรก็ว่ามา ไม่แน่ว่าการพบวันนี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเราก็เป็นได้”
พระหมื่นปีจองซุนคุกเข่าลง “หึ ได้โปรด เมตตาข้าซักครั้งได้ไหม”
พระเจ้าจองโจทรงอึ้งไปนิด “พระหมื่นปี”
” ข้า เคยเป็นมเหสีของอดีตพระราชา ถ้าจะนับตามศักดิ์จริงๆ ก็คือย่าของฝ่าบาทด้วย ฐานะอย่างข้าวันนี้ จะสามารถทำอะไรได้อีก เพราะฉะนั้น ถือว่าปรานีข้าหน่อยเถอะนะ”
“ไม่ หม่อมฉันคงทำไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ ความเมตตาของหม่อมฉันเหลือน้อยเต็มที”
“ฝ่าบาท”



“ทุกอย่างควรจบได้แล้ว ที่สำคัญ โปรดอย่าเรียกร้องความเห็นใจด้วยวิธีนี้อีก”
“หึ หึ ฝ่าบาท ไม่มีทาง หึ เรื่องยังไม่จบแค่นี้ จำไว้ ข้าจะไม่ยอมให้จบลงง่ายๆ”
“ยืนเฉยทำไม คุมตัวนักโทษไปเร็ว” เทซูสั่งทหาร
พระมเหสีโยอึยเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ
“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินว่า พระหมื่นปีถูกจับไปกรมอาญาหรือเพคะ”
” ข้าก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ที่แล้วมา ข้ารู้ว่านางทำอะไรไปบ้าง แต่ก็ให้อภัยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะไม่อยากให้ราชสำนัก เกิดการเข่นฆ่าโดยไม่จำเป็นโดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ด้วยแล้ว”
“หึ ฝ่าบาท”
” องค์หญิงวาวานกับพระหมื่นปี ร่วมกันให้ร้ายเสด็จพ่อ ทำให้เสด็จปู่ทรงเสียพระทัย จากโลกนี้ไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา ต่อมา ข้าต้องออกคำสั่ง ให้เนรเทศองค์หญิงวาวานซึ่งเป็นป้าแท้ๆ พอมาวันนี้ ก็ต้องลงโทษพระหมื่นปีอีก นี่แหละคืออำนาจ สิ่งที่ทุกคนอยากได้นักหนา มันคืออะไรกันแน่ ถึงทำให้มนุษย์ทั้งหลาย เข่นฆ่ากันเองได้ถึงเพียงนี้”
พระมเหสีโยอึยทรงเห็นพระทัยยิ่งนัก “ฝ่าบาท”
พระมเหสีโยอึยเข้าเฝ้าพระพันปีเฮคยอง ทรงตรัสว่า
” ใช่ ข้าเข้าใจความรู้สึกของฝ่าบาทในตอนนี้ดี เขากำพร้าเสด็จพ่อตั้งแต่ยังเล็ก มีแผลในใจที่ยากจะลบล้างได้ จึงไม่อยากให้เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน คงไม่ต้องการจะเห็นการเข่นฆ่าในหมู่พระญาติอีกครั้ง”
โชบีเข้ามา “พระมเหสี หม่อมฉันยางซังกุงเพคะ”
“เข้ามา”



“พระมเหสี หม่อมฉันได้ข่าวมา จะมีการไต่สวนนักโทษที่กรมอาญาเพคะ”
“เสด็จแม่เพคะ” พระพันปีเฮคยองทรงถอนพระทัย
ที่กรมอาญาแชจีคยอมทูลพระเจ้าจองโจ
“จะเริ่มการไต่สวน ผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกจับมาแล้วพะยะค่ะ”
“ใครผิดก็ว่าไปตามผิดนั่นแหละ เรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความค้างคาใจ ต้องไต่สวนอย่างเป็นธรรมเข้าใจหรือเปล่า”
“พะยะค่ะ น้อมรับพระบัญชา หึ”
พวกขุนนางพากันร้อนรน แชซกจูกล่าวกับทุกคนว่า
” ทุกคน ขอให้จำคำพูดข้าไว้ แม้ว่าสุดท้ายเราอาจตายหมด แต่ว่า รากฐานที่เราสร้างมา เป็นเวลานับร้อยปีนั้น จะพังทลายไม่ได้ ฉะนั้นไม่ต้องกลัว มีแค่ทางเดียว ทางนี้เท่านั้น ที่จะให้เราตายอย่างภาคภูมิได้”
ขุนนางตกใจ “หา ท่าน ใต้เท้า”
ขณะที่พวกขุนนางที่อยู่ข้างนอกก็ไม่สบายใจ ปรึกษากับชางแทวูว่า
“ใต้เท้า เรื่องนี้ท่านจะไม่ทำอะไรบ้างหรือครับ”
“มันไม่ได้เกี่ยวเฉพาะคนที่ถูกจับนะครับใต้เท้า ขืนเป็นแบบนี้ ฝ่ายขุนนางเก่าอย่างเรา”
ชางแทวูกล่าวว่า “ถ้าจะมาเกลี้ยกล่อมข้าก็คงผิดแล้ว”
“ใต้เท้า”
” นอกจากเป็นขั้วอำนาจเก่า เรายังเป็นขุนนางด้วย ทำไมถึงได้ปกป้องคนที่ทำผิดคิดร้ายต่อฝ่าบาทถึงเพียงนี้ ถ้าพวกเขาคิดกบฎจริงก็ต้องรับกรรมตามที่ก่อ ฉะนั้น ถ้าให้ข้าได้ยินคำพูดแบบนี้อีก จะไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ เข้าใจมั้ย”
แม้ เหล่าขุนนางจะถูกทรมาณอย่างแสนสาหัสก็ไม่มีใครพาดพิงถึงพระหมื่นปีจองซุนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการกบฏเป็นอันขาด พระเจ้าจองโจทรงได้รับรายงานจากนัมซาโชว่าไม่มีขุนนางคนใดให้การว่าพระหมื่น ปีจองซุนเป็นผู้บงการเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการกบฏ เมื่อเป็นเช่นนี้พระเจ้าจองโจจึงทรงเสด็จไปที่คุกหลวงเพื่อพบพระหมื่นปีจอง ซุนด้วยพระองค์เอง



“ยอมรับผิดจะดีกว่าหรือเปล่า อย่างน้อยที่สุด ก็ยังได้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้บ้าง สิ่งที่หม่อมฉันต้องการ คือความจริงและการสำนึกผิด ตอนนี้ยังไม่สาย ถ้าพระหมื่นปียอมเผยความจริง หม่อมฉันจะลดโทษ ให้พระนางและทุกๆ คน”
“ลดโทษหรือลงโทษยังไงกัน ปลดเป็นสามัญชน และให้ไปอยู่ข้างนอกใช่ไหม ไม่ นั่นไม่ใช่การลดโทษ ชีวิตข้าจะมีความหมายก็ต่อเมื่อ อยู่ในฐานะพระหมื่นปีของประเทศนี้ นอกเหนือจากนี้แล้ว ถึงให้ข้าอยู่ต่อก็ไม่มีความหมายอะไร”
“แสดงว่า คนอื่นจะตายก็ช่างเขา เพื่อรักษาอำนาจไว้ ถึงให้คนอื่นเป็นแพะรับบาป ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือไง พระหมื่นปี”
” ใช่ ข้าคิดอย่างงั้น และจะทำอย่างที่คิดด้วย ถ้าเสียสละพวกเขายังไม่พอ ถึงมีคนตายมากกว่านี้ ข้าก็ต้องอยู่ต่อให้ได้ และเพื่อออกจากที่นี่แล้ว ข้าพร้อมจะแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้มีอำนาจ กลับสู่ฐานะเดิมของตัวเอง เพราะฉะนั้น ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับฝ่าบาทอีก เชิญกลับไปซะดีกว่า”
“สุดท้ายแล้วพระหมื่นจะได้อะไรบ้าง เท่ากับอยู่บนกองเลือดของผู้คน ชีวิตแบบนี้จะมีความภาคภูมิใจได้หรือ เพื่อให้ขั้วอำนาจเก่ายังอยู่ เพื่อที่ว่าซักวัน สองมือของพระหมื่นปี ยังจะได้กุมอำนาจอีกครั้งหรือ หม่อมฉันเชื่อว่าต้องเสียพระทัยแน่ ซักวันพระหมื่นปีจะเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ ในวันที่ทุกอย่าง กลายเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีความหมาย ถึงตอนนั้นจะทรงเสียพระทัยว่า ความโลภที่ไม่มีวันสิ้นสุด ได้ฆ่าพระหมื่นปีและคนรอบข้างไปขนาดไหน”
แชจีคยอมเตรียมจะลงโทษประหารเหล่าขุนนาง พระหมื่นปีจองซุนทรงทราบก็ทรงหัวเราะและร้องไห้ออกมา
เทซูทูลพระเจ้าจองโจถึงพระหมื่นปีจองซุนว่า
“แล้วพระหมื่นปี จะทรงลงอาญายังไงพะยะค่ะ ฝ่าบาท”
” พระหมื่นปี จะอยู่กับความทุกข์ ตลอดชั่วชีวิตของนาง ไม่ใช่ หรือแม้แต่สิ้นพระชนม์แล้ว ประวัติศาสตร์ก็ยังจะจารึก ความผิดที่นางก่อไว้ ฉะนั้นถึงข้าจะตัดสินโทษยังไง คงไม่มีความหมายอีก ข้ามานึกดูอีกที คนที่น่าสงสารจริงๆ ก็คือพระหมื่นปีนี่แหละ ถึงเราปล่อยนางไว้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายยังไง บาปที่นางก่อไว้ก็ต้องให้ชดใช้อยู่ดี หึ”
“ฝ่าบาท ได้เวลาประชุมแล้วพะยะค่ะ” นัมซาโชทูล
“รู้แล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
“พะยะค่ะ”



“ข้าคงต้องไปซะที ไปทำในสิ่งที่พระราชา ควรทำต่อไป หึ”
เวลานั้นพระหมื่นปีจองซุนทรงเป็นลม ทำเอาพวกซังกุงพากันตกใจร้องเรียก
“ว้าย พระหมื่นปีๆ ฮือๆๆ พระหมื่นปี ฮือๆๆ พระหมื่นปี ฮือๆๆ พระหมื่นปี ฮือๆๆ”
ชางแทวูไปสั่งให้นายอำเภอปล่อยชาวบ้านที่ถูกขังทั้งหมด
“ทำไมต้องบังคับให้ข้าปล่อยพวกเขา ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม”
” ได้ยินว่าพวกเขาถูกจับเพราะเก็บเกี่ยวไม่พอส่งให้ทางการ แต่ก่อนหน้านี้ทางการมีประกาศจะไม่เก็บส่วยประเภทนี้อีก แล้วทำไมท่านเป็นนายอำเภอแท้ๆ ยังกล้าจับชาวบ้านโดยพละการ แถมยังยึดทรัพย์ของพวกเขาไว้อีก”
“ข้าไปยึดทรัพย์เมื่อไหร่ ท่านอย่ามาพูดส่งเดชนะ”
“อะไรนะ ยังกล้าเถียงอีกหรือนี่”
” จริงๆ นี่ไม่ใช่ธุระของท่านซักหน่อย ข้าเป็นนายอำเภอสามารถจัดการทุกอย่างในเขตนี้ อีกอย่างท่านก็ออกจากราชการ,ไม่มีตำแหน่งอะไรอีกแล้ว ฉะนั้น ถ้าไม่มีอะไรจะทำ ก็เชิญกลับบ้านดีกว่านะท่าน
“บังอาจนัก เจ้ากล้าใช้วาจาสามหาวกับข้าเชียวหรือ” ชางแทวูโกรธมาก
“พวกเจ้าทำอะไร ไม่รีบไปส่งใต้เท้าอีก”
จาก นั้นนายอำเภอก็รีบไปปรึกษากับขุนนางอีกทาง พร้อมนำสินน้ำใจไปให้หวังให้ช่วย พอดีชองยายงซึ่งมาในฐานผู้ตรวจการณ์จับทั้งสองได้และสั่งให้พาตัวกลับไปไต่ สวนที่เมืองหลวง จากนั้นชองยายงก็ไปพบชางแทวู
“ใต้เท้าสบายดีหรือเปล่าครับ”
“ทำไมเจ้าเป็นผู้ตรวจการณ์มาถึงเมืองนี้ได้ล่ะ”
” เพราะมีข่าวขุนนางท้องถิ่นสมคบขุนนางจากเมืองหลวง กดขี่ข่มเหงราษฎร ฝ่าบาททรงเป็นห่วงเรื่องนี้ จึงให้ข้ามาดูว่าจริงหรือเปล่าน่ะครับ โดยเฉพาะนายอำเภอที่จับได้วันนี้ ได้ยินว่าชอบเสียมรรยาทต่อท่านนัก กลับไปข้าจะลงโทษให้หนัก ท่านไม่ต้องห่วงนะครับ”
“หึๆๆ ช่างเถอะ ลงโทษคนพวกนี้ ว่าไปตามกระบวนกฎหมายก็พอ ขอเพียงกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ คนถ่อยก็จะไม่กล้าหืออีก จริงสิ แล้วราชสำนักเป็นไงบ้าง ได้ยินว่าฝ่าบาททรงริเริ่มโครงการอีกหลายอย่างงั้นหรือ”
“ใช่ครับ พักก่อนได้สังคายนาระบบโทษทัณฑ์ใหม่ ทหาร 5 กองพลถูกยกเลิก รวมเข้ากับหน่วยอารักขาในวังหลวง ทุกวันนี้ฝ่าบาท กำลังวางระบบชลประทานรอบป้อมฮวาซองให้ถูกแบบแผนน่ะครับ”
เวลานั้นเชกากำลังทูลพระเจ้าจองโจว่า



“นี่คือลำธาร ที่เชื่อมต่อไปยัง ซงจู ชื่อ จินมกชุน พะยะค่ะ”
“ใช่ นอกจากเป็นทางยาวแล้วยังน้ำไหลแรง หากจะทำฝายกั้นน้ำแถวนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเพาะปลูกไม่น้อย”
“ถูกแล้วพะยะค่ะ ทางเมืองซงจูได้ดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าไม่เกินสองเดือนน่าจะเสร็จ”
“และเมื่อสำเร็จแล้ว ต่อให้หน้าแล้งก็ไม่กระทบต่อการเพาะปลูก ชาวบ้านคงได้หมดห่วงซะที”
นัมซาโชทูล “ฝ่าบาท ต้องเสด็จกลับวังแล้วพะยะค่ะ จะมีพิธีเลื่อนยศให้ทหาร ต้องเสด็จกลับไปเตรียมตัวก่อน”
“ก็ได้ ถ้าอย่างงั้น เราก็รีบกลับเถอะ”
ทุกคนคำนับ “พะยะค่ะฝ่าบาท”
ใน ตลาด ดัลโฮไปหาช่างตีกระบี่ เพื่อซื้อกระบี่พยัคฆ์ลำพอง เพื่อเป็นของขวัญให้เทซูที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพ ซอจงบูกับคังซกกีและทหารคนอื่นพากันมาแสดงความยินดีกับเทซู
“เจ้าได้เลื่อนเป็นแม่ทัพหน่วยพิทักษ์ราชย์ ยินดีด้วยนะ”
“นั่นสิ บอกตรงๆ ว่าไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งนี้ยิ่งกว่าเจ้าอีก ยินดีด้วยนะเทซู อ้อ ไม่ใช่ ท่านแม่ทัพ เฮ่อๆๆ”
“เฮ่อๆๆ ขอบคุณมาก ว่าแต่ พวกท่านก็ได้เลื่อนตำแหน่งเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“ใช่ เขาเป็นนายกองทหารหลวง ส่วนข้าเป็นหัวหน้าองครักษ์” คังซกกีว่า
ซอจังบูเตือนว่า “เฮ่ย อย่าพูดเลย ผู้ใหญ่ยังกำชับมาอีก ให้ข้าเป็นครูฝึกทหาร ทีนี้ล่ะภาระหนักอึ้งเชียว เฮ่ย”
“ฟังพูดเข้า จะอวดก็บอกมาเถอะ” คังซกกีแซว
ซอจังบูทำขึงขัง “บังอาจ ใครว่าข้าอวด ต่อไปนี้ พูดอะไรต้องเกรงใจข้าบ้างนะ”
“อะไรนะ”
“เพราะอีกหน่อย ข้าจะได้เลื่อนตำแหน่งอีก ฮ่าๆๆ” ซอจังบูหลุดหัวเราะ ทำให้คังซกกีกับเทซูพลอยหัวเราะตาม
ปาร์คยองมุนสั่งให้ทุกคนเข้าร่วมงานสำคัญ ลีชองคุยกับช่างเขียนตั๊กอย่างดีใจว่า
“ดูซิ น้องเทซูของข้า ไม่ใช่ ใต้เท้าปาร์คเทซู ในที่สุดก็ได้เป็นทหารขั้นสองแล้ว ฮ่าๆๆ”
“น่าอิจฉาเจ้า มีที่พึ่งเป็นคนใหญ่คนโตซะแล้ว”
“เฮอะ แน่นอน อีกหน่อยจะถึงตาข้าเลื่อนตำแหน่ง เป็นหัวหน้าศูนย์ศิลปะแห่งนี้บ้าง”
“อะไรนะ”



มีซูแทรกว่า “ช่างเขียนลี จริงหรือคะ ท่านได้เลื่อนเป็นหัวหน้า แล้วใต้เท้าปาร์คจะปลดเกษียณแล้วหรือไง”
“แน่นอน เขาทำงานมานาน ถึงจะพักก็ไม่เห็นแปลกนี่”
“ถ้าท่านได้เลื่อนตำแหน่งจริง ไม่คิดว่าเร็วไปหน่อยหรือคะ”
“นั่นสิ ข้าก็ว่าเร็วไป”
“เร็วที่ไหน คนอื่นยังเลื่อนได้เลย จริงมั้ยคะใต้เท้าลี”
“แน่นอน ข้าบอกพี่ดัลโฮให้ช่วยติดต่อไว้แล้ว ต่อไปถ้าใครอยากเจริญก้าวหน้า ก็ต้องทำตัวให้ว่านอนสอนง่าย เข้าใจหรือเปล่า”
โยจินถามอย่างไม่อยากเชื่อ “จริงหรือคะ คนที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ใช่ช่างเขียนตั๊ก แต่เป็นท่านหรือ”
ลีชองยืนยัน “ใช่ ต้องเป็นข้าก่อน”
“ว้าย ไม่น่าเชื่อ ยินดีด้วยนะคะ ดีใจจังเลย หึๆๆ”
ช่างเขียนตั๊กไม่ยอม “โยจิน เจ้าอย่าหลงเชื่อเขา ต้องเป็นข้าต่างหาก เป็นข้า”
“อะไรนะ เจ้าน่ะหรือ”
“เจ้าจะเก่งกว่าได้ไง”
“ปล่อยนะ ใช้กำลังหรือ ข้าไม่ยอมแพ้หรอกนะ ฮึ่ม ข้าต้องเก่งกว่าเจ้า สวรรค์ลิขิตไว้แล้วรู้ไว้ด้วย ฮ่าๆๆ”
“ฝันไปเถอะ”
ในพิธีการ แชจีคยอมเรียกคังซกกี ซอจังบูและเทซูให้ก้าวมาข้างหน้า พระเจ้าจองโจทรงตรัสว่า
” นับแต่นี้พวกเจ้า คือหัวหน้าทหารหลวง หัวหน้าองครักษ์ และสุดท้าย หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ราชย์ ตั้งแต่วันนี้ไป ไม่เพียงแต่ความปลอดภัยของข้า แม้แต่เชื้อพระวงศ์และความมั่งคงปลอดภัยของบ้านเมือง ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจในการทำงานของพวกเจ้า”
ทั้งสามน้อมรับ “พะยะค่ะฝ่าบาท”
เทซูกล่าวก่อนว่า “เราขอถวายคำมั่น ตราบใดที่ยังอยู่ เป็นทหารแห่งเมืองโชซอน จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด”
ซอจังบูกับคังซกกี “เช่นกันพะยะค่ะ”
” ทหารทุกคนจงฟังให้ดี นับแต่วันนี้ไป พวกเจ้าคือกำลังสำคัญ เป็นเกราะคุ้มกันประเทศของเรา เพราะฉะนั้น ในฐานะข้าราชบริพาร ขุนนางบู๊แห่งโชซอน ขอให้จงมีความกล้า และทำงานด้วยความซื่อสัตย์”
“พะยะค่ะรับด้วยเกล้า”
เทซูนำหนังสือแต่งตั้งไปบอกพระสนมซองซงยอน
“ทรงเห็นมั้ยพะยะค่ะ นี่คือหนังสือแต่งตั้งให้หม่อมฉันเป็นแม่ทัพ หม่อมฉันอยากให้พระสนม ได้ทอดพระเนตรเป็นคนแรก”

จบ ตอนที่ 76

No comments:

Post a Comment