Monday, 1 June 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 71


ดูออนไลน์ : ลีซาน ตอนที่ 71 สนมซงยอนคลอดพระโอรส(พากย์ไทย) โดย SUMUNEE



ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ ตอนที่ 71


“ปาร์คเทซูแห่งหน่วยพิทักษ์ราชย์ ขอถวายธงประจำกองพลแด่ฝ่าบาท”
“รับธงไว้”
เทซู ซอจังบูและคังซกกีน้อมรับพร้อมกัน “พะยะค่ะ”
“ทหารแห่งหน่วยพิทักษ์ราชย์ มีหน้าที่สำคัญ คือปกป้องบ้านเมืองและราชสำนัก ให้มีความปลอดภัยและมั่นคง เริ่มพิธีตามประเพณี”
“พะยะค่ะ”
“เตรียมพร้อม ยิง”
ปาร์คยองมุนกล่าวกับใต้เท้าคังและช่างเขียนทุกคนว่า
“ลำบากทุกคนจริงๆ คราวนี้ฝ่าบาททรงตรวจกำลังพลด้วยพระองค์เอง ทุกคนคงเหนื่อยมากกับการเขียนภาพเหตุการณ์สินะ”
“ไม่หรอกค่ะ/ครับ”
“ไปเถอะครับ”


พระสนมซองซงยอนใกล้คลอด พระสนมวาพินเองก็ตั้งครรภ์ แถมพระพันปีเฮคยองให้ความสนใจพระสนมวาพินอย่างมาก พอโชบีไปขอยาให้พระสนมซองซงยอนแต่หมอกลับบอกว่าไม่มี ทำให้นางหัวเสียกลับมาบ่นให้พระสนมซองซงยอนฟัง
“แบบนี้มันไม่ถูกนะเพคะ มีอย่างที่ไหน ยาดีๆ ก็ไปให้สนมวาพินหมด ไม่เผื่อทางนี้บ้าง”
“ขนาดมีห้องบำรุงครรภ์สำหรับนาง มันก็ไม่แปลกหรอกนะ” พระสนมซองซงยอนว่า
“หึ นั่นยังไม่เท่าไหร่ พระสนมตั้งครรภ์ก่อนนางชัดๆ แล้วทำไมมีห้องบำรุงครรภ์สำหรับนางคนเดียวล่ะเพคะ หึ หึ เพราะทรงตั้งครรภ์ไล่เลี่ย ความห่วงใยของพระพันปีไปอยู่ที่นางยังพอว่า ทุกวันนี้ ใครๆ ก็สนใจพระสนมวาพินมากกว่าด้วยซ้ำ”
“หึ เรื่องแค่นี้จะไปคิดมากทำไม นางเป็นสนมชั้นเอกก็ย่อมมีความสำคัญกว่า อีกอย่าง ทุกวันนี้เสด็จแม่ก็ทรงดีต่อข้ามากขึ้น แล้วแค่นี้ยังจะหวังอะไรอีก”
“ฮือ เพื่อให้ฐานะมั่นคง ไม่ว่ายังไงพระสนมก็ต้องมีโอรสให้ได้นะเพคะ หม่อมฉันได้ยินว่า พระสนมวาพิน เห็นทีจะประสูติโอรสแน่นอนเพคะ”
“หึ งั้นหรือ แต่เรื่องแบบนี้เราจะรู้ก่อนได้ยังไง”


เวลาเดียวกันนี้พระพันปีเฮคยองก็ให้หมอตำแยมาดูครรภ์ของพระสนมวาพิน และบอกว่าน่าจะเป็นพระโอรส สร้างความดีใจให้ทั้งพระพันปีเฮคยองและพระสนมวาพินอย่างมาก
พระเจ้าจองโจเสด็จมาหาพระสนมซองซงยอน ซึ่งพระสนมซองซงยอนกำลังเตรียมเสื้อไว้สำหรับลูกน้อย
“นี่คืออะไรหรือเพคะ”
“พอรู้ว่าเจ้าตั้งครรภ์ ข้าก็เจียดเวลา เขียนตำราพันอักษรวันละนิดละหน่ อย เผื่อว่าอีกหน่อยลูกโตขึ้น ข้าจะสอนให้เขาเรียนรู้ และไม่เพียงแค่นี้ การฝึกวิชาก็เป็นสิ่งสำคัญ จึงได้เตรียมกระบี่ไม้ไว้ให้เขา”
“หึ ฝ่าบาท”
“ตอนข้ายังเด็ก เสด็จพ่อก็สอนข้าแบบนี้เหมือนกัน เลยคิดว่า วันหน้าถ้ามีลูก ข้าจะสอนเขาด้วยตัวเอง”
“แต่ฝ่าบาทเพคะ ใครๆ ดูจากที่หม่อมฉันตั้งครรภ์ ก็ว่าเป็นลูกหญิงแน่ ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันกลัวจะทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังน่ะเพคะ”
“พูดอะไรอย่างงั้น จะผิดหวังได้ไง ลองคิดดูซิ ถ้าได้ลูกหญิงที่น่ารักเหมือนเจ้า ข้าคงดีใจยิ่งกว่าใครซะอีก ว่าแต่ถึงตอนนั้น คนผิดหวังอาจเป็นเจ้าก็ได้ เพราะว่า ข้าจะรักลูกหญิงมากกว่ารักเจ้า”
“หึ ฝ่าบาท”


ฝ่ายแชซกจูก็มาปรึกษาพระหมื่นปีจองซุนว่า
“ได้ข่าวจากคนในหน่วยพิทักษ์ราชย์บอกว่า ฝ่าบาทจะทรงขยายกองกำลังนี้ ไปยังหัวเมืองทุกแห่ง ให้ใช้ชื่อหน่วยพิทักษ์ราชย์เหมือนกันหมด”
“อะไรนะ”
“พิธีในวันนี้ น่าจะเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เป้าหมายของฝ่าบาท คือส่งเสริมกองกำลังในส่วนนี้ แทนที่ 5 กองพลที่เคยมีมา”
“แสดงว่า อนาคต 5 กองพลจะถูกยุบงั้นหรือ”
” เพราะอำนาจสั่งการใน 5 กองพล ขึ้นกับขุนนางเก่ามาแต่ไหนแต่ไร ท้ายที่สุด คือการถ่ายโอนกำลังทหาร แต่ว่า มีอีกเรื่องที่น่าแปลกใจ หนุ่มที่ชื่อชองยายงซึ่งเป็นคนโปรดของฝ่าบาท หลายเดือนนี้ไปอยู่กรมโยธาเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง หม่อมฉันสงสัยว่า ฝ่าบาทจะทรงมีแผนการอื่นที่เราคาดคิดไม่ถึงก็เป็นได้ ฮึ่ม”
ขณะที่ชองยายงก็ยังคงอยู่ที่กรมโยธา ไม่ยอมไปไหน จนเจ้าหน้าที่พากันลำบากใจ แล้วดึกคืนหนึ่งเขาก็มาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ
“ว่าไงบัณฑิตชอง บอกว่ามีเรื่องด่วน ไหนลองว่ามาซิ”
“งานที่ทรงมอบหมาย หม่อมฉันทำเสร็จแล้วพะยะค่ะ มีวิธีจะช่วยให้คนมากมายได้ข้ามฟากพร้อมกันโดยไม่ยากนัก ฉะนั้น เพื่อให้ฝ่าบาททรงชี้แนะ จึงมาขอเข้าเฝ้า”
นัม ซาโชดุ “นี่จะบ้าหรือเปล่า ไหนว่ามีเรื่องด่วนไง เฮ่ย ใกล้เที่ยงคืนแล้วนะ เรื่องแบบนี้ พรุ่งนี้เช้าค่อยทูลก็ได้ ดึกป่านนี้ ให้ฝ่าบาททรงตื่นมาฟังเจ้าเพ้อเจ้อได้ยังไง”
“ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ หม่อมฉัน ไม่ทันคิดว่านี่เป็นเวลาไหน”
“ไม่เป็นไร ข้าบอกแล้วว่าเสร็จเมื่อไหร่รี บมาบอก เจ้าทำถูกแล้ว”
“ฝ่าบาท”
“แล้วยังไง หาวิธีได้แล้วใช่ไหม พาไปดูเร็วเข้า”
“พะยะค่ะ งั้นเชิญไปห้องทำงานหม่อมฉันก่อน”
“ได้ รีบไปเร็วเข้า”
นัมซาโชจะค้านก็ไม่ทันแล้ว ต้องรีบตามเสด็จพระเจ้าจองโจไปด้วย
“นี่หรืองานที่ทำเสร็จแล้ว?”
“ใช่แล้วพะยะค่ะ”
“แล้วทำไม ต้องเอาผ้าคลุมไว้แบบนี้”
“ทรงอภัยด้วย หม่อมฉันกลัวฝ่าบาทเห็นเข้าจะตกพระทัย”
“อะไรนะ”



“พูดแล้วจะหาว่าโอ้อวด แต่การลำเลียงผู้คนนับพัน ข้ามฟากในเวลาเดียวกัน เชื่อว่าฝ่าบาทต้องไม่เคยเห็นมาก่อน”
“จริงหรือ ฟังเจ้าแบบนี้ ข้าก็ยิ่งอยากรู้ เปิดดูเร็วเข้า”
“พะยะค่ะ ใต้เท้านัม ช่วยหน่อยได้ไหมครับ” นัมซาโชช่วย “แหะ ก็คือนี่แหละพะยะค่ะ”
“นี่มันอะไร บอกให้คิดวิธีข้ามฟาก เจ้ากลับเอาเรือมาใช้หรือ”
“พะยะค่ะ ถูกต้องแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้น ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกเหมือนที่เจ้าคุยซักหน่อย การใช้เรือโดยสาร มีมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว”
“อ้อ รอซักครู่ แหะ ทรงอภัยด้วย หม่อมฉันลืมวางไม้สองแผ่นลงไป วิธีที่คิดได้ก็คือแบบนี้พะยะค่ะ นี่ไม่ใช่การต่อเรือ แต่เป็นการสร้างสะพานโดยใช้เรือเชื่อมต่อ เราให้เรือจอดเรียงไว้และทอดสมอให้คงที่ แล้วเอาแผ่นไม้มาวางต่อกัน แค่นี้ก็ให้คนจำนวนมาก สามารถข้ามฟากได้อย่างรวดเร็วแล้ว”
” งั้นหรือ การสร้างสะพานแบบนี้ ข้าเคยเห็นในตำราโบราณ แต่ว่า เราจะใช้ข้ามแม่น้ำ “ฮันกัง” ได้จริงหรือ เกิดโชคร้าย รับน้ำหนักคนไม่ไหว จะทำให้ตกน้ำไปหมด”
“เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดเด็ดขาด ทรงรอซักครู่ก่อน แม่น้ำฮันกัง เป็นสายน้ำที่แคบและน้ำก็ไหลช้า โดยเฉพาะในเขต “ยางจิน” ฉะนั้น ถ้าเราใช้เรือที่มีความกว้าง 30 เชียะ 36 ลำมาจอดขนานกัน และวางแผ่นไม้ให้ชิดสนิท ไม่เกิน 1,800 แผ่น อีกอย่าง ปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน เราใช้แรงพยุงของน้ำได้พะยะค่ะ เรือหนึ่งลำ กับเรือ 36 ลำ จะมีแรงพยุงที่ต่างกันมาก”
“แรงพยุงของน้ำ หมายถึงว่า สิ่งของน้ำหนักแค่ไหน น้ำก็จะพยุงได้แค่นั้นใช่ไหม”
“ถูกแล้วพะยะค่ะ ฉะนั้น เราแค่ระวังอย่าให้เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์จมน้ำอย่ างแน่นอน”
พระเจ้าจองโจทรงฟังอย่างเข้าพระทัยมากขึ้น
“สร้างทางเชื่อมต้องใช้เวลาแค่ไหน”
“25 วันก็พอพะยะค่ะ”
“ข้าให้เวลา 20 วัน จนถึงกลางเดือนนี้”
“พะยะค่ะ คงไม่มีปัญหา หม่อมฉันจะลองดู”
“แปลกจริง ทำไมเจ้าไม่เคยนึกกลัว เวลาเจอเรื่องยากบ้างหรือ”
“เพราะหม่อมฉัน ชอบทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ แต่ว่าฝ่าบาท ทรงบอกหม่อมฉันได้หรือยังว่า จะสร้างสะพานไปทำอะไรหรือพะยะค่ะ”
“ไหนๆ รอมาแล้ว ก็รออีกหน่อยเถอะ ถึงพรุ่งนี้ เจ้าจะเข้าใจเอง”
วันรุ่งขึ้นพระเจ้าจองโจเสด็จไปที่อุทยานยองโว สร้างความแปลกใจให้เหล่าขุนนางและพระหมื่นปีจองซุนอย่างมาก พอเสด็จกลับมาก็ทรงเรียกประชุมขุนนาง แชซกจูฟังรับสั่งพระเจ้าจองโจแล้วก็ทูลทันทีว่า
“ฝ่าบาท รับสั่งว่าจะย้ายสุสานหรือพะยะค่ะ”
“ใช่ ความจริงที่แล้วมา กรมพิธีการเคยบอกหลายครั้งว่าฮวง จุ้ยในที่เดิมไม่สู้ดีนัก หลังจากข้าทบทวนอยู่นาน จึงคิดว่าให้ย้ายสุสานจะดีกว่า ทำเลใหม่ที่มองไว้ คือเขา “ฮาซาน” ที่เมือง “ซูวอน” ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการอยู่ เสร็จเมื่อไหร่ก็จะย้ายทันที ส่วนการตั้งชื่อ จะให้ชื่อว่าอุทยานฮอนยง”


“แต่ว่าฝ่าบาท ทำไมทรงตัดสินพระทัยเร็วนัก การย้ายสุสาน ต้องคิดให้รอบคอบนะพะยะค่ะ”
“ท่านเสนาขวา บอกแล้วว่าข้าคิดมานาน เพราะฉะนั้น ถ้าท่านไม่คัดค้านที่ข้าจะย้ายสุสานของเสด็จพ่อ ก็ขอให้ทำตามคำสั่งเงียบ ๆ ดีกว่า อีกอย่างเรื่องนี้ ใช่ว่าข้าทำด้วยความหุนหันพลันแล่น แต่เพราะว่า นับแต่วันแรกที่ครองราชย์ ข้าก็มีความคิดนี้อยู่แล้ว เข้าใจหรือยัง”
เมื่อเลิกประชุม เหล่าขุนนางต่างยังไม่เข้าใจความต้องการของพระเจ้าจองโจ ชางแทวูจึงบอกพวกเขาว่า
“ท่านไม่ได้ยินที่รับสั่งหรือไง นับแต่วันแรกที่ครองราชย์ก็ทรง คิดอยู่แล้ว จะแปลว่าอะไร ก็คือทรงรอวันนี้มานาน ตลอดหลายปีที่ทรงครองราชย์มา ทรงคิดจะทำเรื่องนี้อยู่แล้ว จำได้ว่านับแต่ทรงเป็นพระราชา ไม่เคยลงอาญาคนที่มีส่วนทำให้องค์ชายซาโตสิ้นพระชนม์ ก็แสดงว่า ทรงรอจนถึงวันนี้ ที่มีกองกำลังเข้มแข็ง บวกกับขุนนางใหม่ซึ่งเป็นที่ไว้วางพระทัย ทำงานตามประสงค์ได้ จนมาถึงการย้ายสุสาน”
“หา แล้วจะยังไงต่ออีก หมายความว่า พอเริ่มจากการย้ายสุสาน ต่อด้วยคิดบัญชีกับคนที่มีส่ วนเกี่ยวข้องงั้นหรือ” ชางแทวูไม่ตอบ
คังซกกีสั่งให้ทหารเวรดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะคืนนี้ที่พระเจ้าจองโจจะเรียกขุนนางบางคนเข้าพบ แล้วพระเจ้าจองโจก็เชิญแชจีคยอมมาเฝ้า
“ใต้เท้าเชิญนั่ง”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท นี่คือ กำปั่นทองของอดีตพระราชา ใช่ไหมพะยะค่ะ”
“ใช่แล้วท่าน ข้างในมีอะไรเก็บอยู่บ้าง ข้าอยากให้ท่านร่วมเป็นพยาน จึงให้มาพบเป็นการด่วน”
“ฝ่าบาท นี่คือราชโองการของอดีตพระราชาจริงหรือพะยะค่ะ”
“จริงสิใต้เท้า เสด็จปู่รับสั่งว่า ไม่เพียงแต่พระหมื่นปี ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของเสด็จพ่อ ให้ข้าลงโทษได้หมด”
แชจีคยอมเข้าใจมากขึ้น “อ้อ”
“และแผ่นนี้ คือรายชื่อคนที่มีส่วนทำให้เสด็จพ่อถูกปรักปรำ”
“ฝ่าบาท” แชจีคยอมอึ้งไป


“นอกจากจะมี ราชโองการของเสด็จปู่แล้ว ข้ายังมีหลักฐานความผิดของพวกเขา ฉะนั้น จึงมีสิทธิ์และเหตุผลพอ ที่จะเอาเรื่องพวกเขาได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าข้าจะทำแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้เสด็จพ่อ เพียงแต่ ต้องการปรับโครงสร้างในราชสำนักใหม่ ขุนนางเก่าที่กุมอำนาจ ห่วงแต่ผลประโยชน์ ทำให้บ้านเมืองล้าหลัง ข้าอยากกำจัดให้หมดซะ”
แชจีคยอมอึ้งไปอีกครั้ง “ฝ่าบาท”
“ที่เสนอให้ย้ายสุสานของเสด็จพ่อ เป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น ข้าจะถือโอกาสนี้ เปลี่ยนโฉมการเมืองซะใหม่ และถ้าพวกขุนนางเก่ายังคัดค้านอีก ข้าจะเอาราชโองการที่เก็บไว้ สั่งปลดพวกเขาให้หมด”
แชซกจูสืบทราบเรื่องนี้ก็รีบไปทูลพระหมื่นปีจองซุน
“อยู่ในกำปั่นทองหรือ ที่แท้ไพ่ตายในมือฝ่าบาทก็คือของสิ่งนี้นี่เอง อดีตพระราชาทรงประทาน ราชโองการลับ ให้มีสิทธิ์ประหารข้าได้ทุกเมื่ออย่างงั้นหรือ”
“พระหมื่นปี”
“เมื่อก่อนข้าเคยสั่งท่าน ให้หาบ้านส่วนตัวข้างนอกหลังหนึ่ง ยังจำได้หรือเปล่า”
“จำได้พะยะค่ะ”
“ข้าจะเรียกประชุมทุกคน สั่งให้ไปพบข้าที่นั่นซะ”
“พระหมื่นปี”
“ว่ายังไง”
แชซกจูเตือนว่า “ทุกวันนี้ ฝ่าบาทยังทรงเพ่งเล็งพระหมื่นปีอยู่ ถ้าเราทำอะไรโจ่งแจ้งนัก”
” ยังไงข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว เข้าใจหรือเปล่า ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำ ฝ่าบาทก็ไม่ปล่อยข้า รวมถึงพวกเราทุกคน และถ้าฝ่าบาทจะทำอะไรจริง ข้าคงไม่อยู่เฉยๆ นั่งรอความตาย และไม่ยอมมอบชีวิตให้เขาง่ายๆ ด้วยเข้าใจมั้ย”
เทซูไปซื้อชุดเด็กอ่อนไว้มอบให้พระสนมซองซงยอน แต่พระสนมซองซงยอนก็ยังไม่คลอดสักที แม้จะเลยกำหนดมาแล้ว สร้างความร้อนใจให้พระพันปีเฮคยองและพระมเหสีโยอึยมาก ทรงถามหมอหลวงว่ามีปัญหาอะไร หมอเองก็หนักใจมากเพราะน้ำเดินแล้วแต่ไม่มีอาการเจ็บเลย
“ว่าไงนะ สนมซองน้ำเดินแต่ยังไม่คลอดอีกหรือ”
“ถูกแล้วพะยะค่ะพระพันปี ปกติหญิงที่ใกล้คลอด หากน้ำเดินเมื่อไหร่ จะมีอาการเจ็บท้องเป็นระยะ สุดท้ายทารกก็จะออกมาอย่างปลอดภัย แต่นี่ ปรากฎว่าสนมซอง เหมือนมีอาการน้ำเดินก็จริง แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บพระครรภ์ ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลังนะพะยะค่ะ”


“ปัญหาใหญ่ยังไง หมายความว่า มีโอกาสที่เด็กจะตายในครรภ์งั้นหรือ”
“เป็นไปได้พะยะค่ะ เพื่อกระตุ้นให้มีการคลอด,จึงให้เสวยยา “พุกซูซาน” หากในสามวันนี้ยังไม่เจ็บท้อง นอกจากเด็กจะเสียชีวิตแล้ว แม้แต่พระสนมเองก็อาจมีอันตรายได้พะยะค่ะ”
โชบีสงสารพระสนมซองซงยอนมากจนร้องไห้ออกมา พระสนมซองซงยอนต้องปลอบโชบีเสียอีก พระเจ้าจองโจทรงทราบจากพระมเหสีโยอึยก็รีบเสด็จมาเยี่ยม
“ซงยอน หึ เจ้าเป็นไงบ้าง”
“ฮือ ฝ่าบาท”
“เฮ่อ ทำใจดีๆ ไว้ คงไม่มีปัญหาหรอก ไม่ว่ายังไงข้าจะช่วยเจ้าและลูกของเรา เจ้าต้องเชื่อข้า เข้าใจหรือเปล่า”
“ฮือ ทรงอภัยด้วยเพคะ ฮือ หม่อมฉันทำให้ฝ่าบาททรงเป็นห่วง ไม่สมควรจริงๆ”
“พูดอะไรอย่างงั้นเล่า ทีหลังห้ามพูดแบบนี้อีกนะ”
“ฮือ ฝ่าบาท”
” เฮ่อ อย่าร้องไห้ ให้หมอหลวงทุกคน คอยดูสนมซองเอาไว้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องให้นางกับลูกปลอดภัย หากพวกท่านทำไม่ได้ ก็ไปเชิญหมอข้างนอกมาให้คำแนะนำ เพื่อความปลอดภัยของพระสนม เข้าใจหรือเปล่า”
หมอหลวงน้อมรับ “พะยะค่ะฝ่าบาท”
เทซูรู้เรื่องก็เป็นห่วงมาก พระเจ้าจองโจทรงคอยถามนัมซาโช เพราะผ่านไปสองวันแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว พระเจ้าจองโจทรงให้ตามหมอหลวงมาเฝ้า
จนวันที่สาม พระสนมวาพินเกิดเจ็บครรภ์ก่อน ยิ่งทำให้โชบีเศร้าและเป็นห่วงพระสนมซองซงยอนมาก แต่ไม่นานพระสนมซองซงยอนก็มีอาการเจ็บครรภ์ตาม
ในที่สุดพระสนมวาพินคลอดองค์หญิงน้อย พระพันปีเฮคยองทรงอึ้งไปเล็กน้อย ขณะที่พระสนมซองซงยอนคลอดองค์ชายน้อย พระมเหสีโยอึยทรงตื่นเต้นไม่น้ อย
“ซงยอน”
“หึ พระมเหสี”
“ลำบากเจ้านัก เจ้าสร้างผลงาน ให้แก่ฝ่าบาทอีกแล้ว”
“พระมเหสี”

จบ ตอนที่ 71
“ขอบใจมากที่มีโอรสให้ฝ่าบาทซะที หึ เพราะผลงานของเจ้า ทำให้ข้า ได้ปลดเปลื้องภาระ ที่กดดันมาหลายปีด้วย”
“พระมเหสี”
“ขอบใจมาก ฮือ ขอบใจเจ้าจริงๆ”
นัมซาโชนำเรื่องพระโอรสและพระธิดาขึ้นทูลพระเจ้าจองโจ ทรงดีพระทัยมาก
“ถือเป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดสำหรับราชสำนักแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยพะยะค่ะ”
“ยินดีด้วยพะยะค่ะ”
พระพันปีเฮคยองเสด็จมาเยี่ยมและยินดีกับพระสนมซองซงยอน
“นี่หรือคือหลานชายของข้า หึ หลายปีนี้ ข้ารอจนเกือบสิ้นหวังแล้ว”
“เสด็จแม่”
“หึ ขอบใจเจ้าจริงๆ เจ้ามีความดีความชอบต่อฝ่าบาทและราชสำนักของเรามากรู้มั้ย”
“ขอบพระทัยเพคะ”
ขณะที่พระเจ้าจองโจทรงเสด็จไปเยี่ยมพระสนมวาพินก่อน
“อ้อ ฝ่าบาท”
“ไม่เป็นไร นอนลงเถอะวาพิน หึ ขอบใจเจ้ามากนะ เพื่อเป็นการปลอบใจ เจ้า ข้าจึงมาเยี่ยมก่อน”
“ทรงอภัยด้วยเพคะ ที่หม่อมฉัน ไม่มีโอรสให้ฝ่าบาท”
” ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากไปเลย ไม่ว่าลูกชายหรือลูกสาว ข้าก็รักเท่าเทียมกัน ยิ่งถ้าเป็นลูกหญิง ข้าจะยิ่งเป็นห่วงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องคิดมาก ดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ ก็พอ เข้าใจหรือเปล่า”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”
จากนั้นพระเจ้าจองโจก็เสด็จไปหาพระสนมซองซงยอน
” โอ๋ โอ เด็กคนนี้หรอกหรือ เด็กคนนี้ ก็คือลูกชายที่ข้า รอคอยมานาน หึ ข้าไม่รู้จะพูดอะไรกับเจ้าดี รู้สึก มีแต่ความตื้นตัน จนไม่รู้จะบรรยายออกมา เป็นคำพูดไหนดีแล้ว”
“หึ ฝ่าบาท”
“หึ ฟังให้ดีนะซงยอน ลูกของเราคนนี้ คือรัชทายาทในอนาคต เข้าใจหรือเปล่า ข้าจะให้เขา เป็นรัชทายาทของเรา สืบบัลลังก์ต่อจากข้า เป็นพระราชา แห่งโชซอนองค์ต่อไป”
“หึ ฝ่าบาท” ต่างดีใจทั้งคู่

จบ ตอนที่ 71

No comments:

Post a Comment