Monday 1 June 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 69



ดูออนไลน์ :ลีซาน ตอนที่ 69 ชองยายงเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ(พากย์ไทย)โดย SUMUNEE



ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 69

แชจีคยอมบอกทุกคนที่ผ่านการสอบให้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจตามธรรมเนียม
ชอง ยายงถูกพวกเชกาแกล้งด้วยการขู่ว่า พระเจ้าจองโจไม่โปรดให้ใครสบประมาท และจะทรงหาเรื่องแกล้งคนๆ นั้นจนอ่วมอรทัย ชองยายงเกิดอาการกลัว เมื่อถึงเวลาเข้าเฝ้า พระเจ้าจองโจทรงให้ดื่มเหล้า ทรงเห็นอาการของชองยายงแล้วจึงตรัสว่า
“นั่นเจ้าดื่มไม่เป็นใช่ไหม”
“เอ่อ พะยะค่ะ หม่อมฉัน มีฉายาว่าถ้วยเดียวจอด ไม่ต้องแจวพะยะค่ะ”
“งั้นมา ดื่มเข้าไปอีกถ้วย”


ชองยายงตกใจ “หา.
“เหล้ากานี้ข้าเตรียมให้เจ้าโดยเฉพาะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องดื่มให้หมด เข้าใจมั้ย”
“เอ่อ พระอาญาไม่พ้นเกล้าพะยะค่ะ ก่อนที่ หม่อมฉันจะดื่มเหล้าต่อ ขอรับโทษตายจากฝ่าบาทซะก่อน”
“โทษตายหรือ?”
“พะยะค่ะ เพราะหม่อมฉันโง่เขลา ไม่รู้ว่าเป็นฝ่าบาท พูดจาสามหาวล่วงเกินเบื้องสูง มีโทษสมควรตายพะยะค่ะ”
“งั้นหรือ เจ้าก็รู้ว่ามีโทษตายหรือไง”
ชองยายงอึ้ง “หา”


“แน่นอน คนที่บังอาจลบหลู่พระราชา ถ้าจะเอาเรื่องจริง มีโทษประหารก็ไม่แปลกซักนิด”
“เอ่อ แต่ว่า หม่อมฉัน ทำความผิดเพราะไม่รู้นะพะยะค่ะ”
“ใครบอกว่าไม่รู้ ข้าก็บอกอยู่ว่าข้าเป็นพระราชา อีกอย่าง ถึงไม่เจตนาก็เถอะ เมื่อทำผิดก็คือผิด ยังไงก็ต้องรับโทษไม่ใช่หรือ”
” แต่ว่าฝ่าบาท หากจะว่ากันจริงๆ ตามกฎหมายต้าชิง เมื่อเกิดคดีความ สิ่งแรกที่ต้องดูคือเหตุจูงใจ ฉะนั้น ถ้าใครรู้เห็นเป็นใจกับผู้ต้องสงสัย ก็ถือว่ามีความผิดสถานเดียวกัน”
“ความหมายของเจ้าคือ ข้าก็ผิดเหมือนกัน อย่างงั้นใช่ไหม”
“เอ่อ ทรงอภัยด้วย ถ้าจะว่าโดยหลักการก็เป็นเช่นนั้นพะยะค่ะ”
“แต่ว่า ข้าไม่เห็นรู้มาก่อนว่าต้าชิงมีกฎหมายข้อนี้ด้วยหรือ แสดงว่าเจ้า จะเถียงข้างๆ คูๆ เพื่อหวังปัดสวะให้พ้นตัวหรือเปล่า”
“เอ่อ ไม่เป็นความจริงพะยะค่ะ กฎข้อนี้เพิ่งประกาศใช้ไม่นาน เมื่อเดือนสองตอนต้นปีพะยะค่ะ”
“งั้นหรือ แล้วทำไมต้องเพิ่มข้อนี้ด้วย หรือว่าต้าชิงมีการทุจริตมาก ถึงต้องเพิ่มโทษให้หนักหรือไง”
“ฝ่าบาททรงปรีชา ใช่แล้วพะยะค่ะ ที่จริงกฎหมายของต้าชิง ไม่เหมาะกับโชซอนซักนิด ทำให้ชาวบ้านถูกรังแกพะยะค่ะ”
“ถ้าไม่เหมาะกับบ้านเราจริง สมัยก่อนก็ควรมีการแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยมาถึงวันนี้”
” นั่นเป็นแค่กฎเกณฑ์ ใช้สำหรับปกครองอย่างง่ายเท่านั้น หม่อมฉันขอบังอาจทูล ทุกวันนี้บ้านเมืองเรา แทบไม่มีกฎหมายข้อไหนที่เหมาะสมอย่างแท้จริงพะยะค่ะ”
“ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยซิ ข้อไหนที่เจ้าว่าไม่เหมาะบ้าง”
พระ เจ้าจองโจทรงพูดคุยกับชองยายงอยู่นานสองนาน จนแชจีคยอมและนัมซาโชอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเวลาดึกมากแล้ว พระเจ้าจองโจยังตรัสกับชองยายงอีกว่า
“ในความคิดของเจ้าคือ ขุนนางโชซอนไร้ประสิทธิภาพ เพราะแสวงหาลาภยศมากกว่างั้นหรือ”
“ถูกแล้วพะยะค่ะ โบราณว่ามนุษย์เกิดมา จะมีกิเลสสองอย่าง คือแสวงหาความรู้และแสวงหาลาภยศ เราต้องยอมรับว่า นี่คือกิเลสโดยพื้นฐาน”


“แต่ เม่งจื๊อ เคยบอกว่า มีวิธียับยั้งกิเลสเหล่านี้ไง”
“ไม่พะยะค่ะ ท่านเม่งจื๊อ ไม่ได้ชี้แนะวิธีที่ชัดเจน”
“ไม่จริง ข้าว่าเจ้ามองโลกในแง่ร้าย”
“ขอทรงอภัย แม้เป็นพระราชาก็ไม่ควรเถียงส่งเดชนะพะยะค่ะ”
“เอาเถอะ งั้นข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าดู ตามข้ามาสิ”
พระเจ้าจองโจพาชองยายงมาที่ห้องสมุด ชองยายงตื่นตาตื่นใจมาก
“โห รวมบทกวีแห่งยุค ว้าว เล่มนี้ก็มีด้วย เฮ่อๆๆ”
“นี่ เจ้ามาดูสิ บทนี้เขียนไว้ว่า กิเลสทั้งปวง เกิดจากสิ่งยั่วยุและขาดความยับยั้งชั่งใจ”
” แต่ว่า ความหมายของท่านเม่งจื๊อไม่ใช่แบบนี้พะยะค่ะ ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันเปิดบ้าง แหะ หึ บทนี้ตีความอย่างชัดเจน คนดีคือคิดดีทำดี ห่างไกลจากสิ่งยั่วยุทั้งปวง เหล่านี้ ล้วนเป็นความหมายให้คนใฝ่หาความดีพะยะค่ะ แหะ”
พระเจ้าจองโจทรงถูกพระทัยมาก ทรงเปลี่ยนเรื่องคุยต่อ
“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องดาราศาสตร์บ้าง ข้ากำลังคิดอยู่ว่า จะสร้างหอดูดาวให้เป็นกิจจะลักษณะหน่อย”



ชองยายงหาวนอน “เอ่อ แหะ ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ เรื่องสร้างหอดูดาว หม่อมฉันก็เห็นด้วย”
“เอาเถอะ เจ้าคงเหนื่อยแล้ว วันนี้พอแค่นี้”
“หา ไม่เป็นไรพะยะค่ะ พูดถึงเรื่องดาราศาสตร์ หม่อมฉันคุยได้ยาวเลย เพราะเป็นเรื่องที่ถนัด”
“พอทีเถอะ ข้าว่าไงก็ว่าอย่างงั้น อย่าพยายามเถียงได้ไหม”
“เอ่อ พะยะค่ะ”
“หึๆ จริงๆ ข้าก็เหนื่อยเหมือนกัน ไว้วันหลังค่อยคุยต่อ อีกอย่าง เรื่องที่เราคุยวันนี้ ทำรายงานมาให้ข้า เข้าใจหรือเปล่า”
“พะยะค่ะฝ่าบาท”
“เมื่อกี้ได้ยินว่า สนใจหนังสือปรัชญาใช่ไหม อ้า ชอบก็เอาไปอ่านซะ”
ชองยายงคาดไม่ถึง “อะไรนะ”
“บอกให้เอาไปไงเล่า”
“เอ่อ ฝ่าบาท หนังสือหายากแบบนี้ ยอมให้หม่อมฉันอ่านจริงหรือพะยะค่ะ”
” ใช่ ไม่เพียงแต่หนังสือ สิ่งที่ข้ามีทุกอย่าง ถ้าชอบก็แบ่งให้ได้หมด หรือต่อให้ข้าไม่มี จะส่งคนไปสรรหาตามที่เจ้าต้องการ เมื่อข้าใจกว้าง ก็หวังให้เจ้าตอบแทนบ้าง ใช้สติปัญญาที่เจ้ามี ทำงานเพื่อบ้านเมือง และราษฎรของเราให้เต็มที่”


พระเจ้าจองโจทรงมีพระราชประสงค์ที่จะกวาดล้างพ่อค้าค้ามนุษย์ พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้คุมขังพ่อค้าต้าชิง
แชจีคยอมเข้ามาทูลรายงานพระเจ้าจองโจว่า
“ผู้ต้องหาทุกคนถูกคุมไปกองปราบ พรุ่งนี้จะเริ่มการไต่สวนพะยะค่ะ”
“แล้วพ่อค้าต้าชิงที่ถูกจับด้วยล่ะ”
หัวหน้าองครักษ์ทูลว่า “ทำตามพระบัญชา ถูกขังเช่นกันพะยะค่ะ”
“ดีมาก งานนี้ข้าจะให้กองปราบดำเนินการ ท่านช่วยไปสั่งการด้วย”
“พะยะค่ะ”
“แต่ว่าฝ่าบาท แล้วพ่อค้าต้าชิงที่ถูกจับมาจะทรงทำไงดีพะยะค่ะ” แชจีคยอมทูลถาม
“ทำยังไงหรือ หมายความว่าไงน่ะ”
“เพราะต้าชิงกำลังจะส่งทูตมาที่นี่ ถ้ารู้ว่าเรากักตัวพ่อค้าของพวกเขาไว้ ไม่แน่อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ได้”
” จะยังไงก็ช่าง เราไม่ควรปล่อยปละละเลยให้คนมาเหินเกริมในบ้านเมืองไม่ใช่หรือ แม้ว่าที่ปล่อยกู้คือคนของเรา แถมยังจับลูกหนี้ไปขาย แต่มีคนนอกช่วยสนับสนุน แล้วเราจะปล่อยได้ยังไง พวกเขามาหากินในบ้านเมืองเรา แล้วยังทำร้ายคนของเราอีก ข้าต้องให้รับโทษตามกฎหมายอย่างสาสม”
ชองยายงหอบหนังสือเดินมา พระเจ้าจองโจทรงทอดพระเนตรเห็นก็ทัก
“ท่าทางเหมือนจะยุ่งนะ”
“อ้อ ฝ่าบาท เฮ้ยๆๆ”
“ตามสบายเถอะ ไม่ต้องมากพิธี”
“ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ”
“ว่าแต่ หอบหนังสือเยอะแยะจะไปไหน”
“ทูลฝ่าบาท เป็นข้อมูลของแต่ละหน่วยงานที่ต้องดำเนินการพะยะค่ะ”
“งั้นหรือ ข้ารู้แล้ว ดูเหมือนหนังสือจะหนักมาก รีบไปเร็วเข้า”
“พะยะค่ะ” ชองยายงรีบเดินไป
นัมซาโชมองตามแล้วทูลว่า “นึกยังไงถึงไปอยู่ฝ่ายบุคลากรก็ไม่ทราบ ปกติคนที่สอบได้จอหงวน มักจะขอไปอยู่หน่วยงานสำคัญกว่านี้ทั้งนั้น”
“ปล่อยเขาไปเถอะ คงมีเหตุผลบางอย่าง”
ชอง ยายงนำหนังสือไปให้เหล่าขุนนาง และบอกว่าใครต้องการสิ่งใดให้หาเอาเอง สร้างความไม่พอใจให้เหล่าขุนนางไม่น้อย ขุนนางบางคนถึงกับไปบ่นกับแชซกจู
” ทุกท่านเห็นหนังสือที่ราชเลขาส่งมาหรือเปล่า บอกว่าเพื่อไม่ให้ฝ่ายปกครองมีอำนาจในการโยกย้าย ถึงขนาดจะกำหนดวาระในการดำรงตำแหน่งด้วยซ้ำ”


“นั่นยังไม่เท่าไหร่ จะมีการลดขุนนางระดับ 6 ลงไปกว่าครึ่ง หมอนั่นเป็นแค่จอหงวนใหม่ ช่างมีความคิดพิเรนทร์นัก ท่านเสนาขวา รู้จักคนชื่อชองยายงหรือเปล่า”
“ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นบัณฑิตที่สอบได้จอหงวน ข้ายังรู้มาว่า ทุกวันนี้ฝ่าบาททรงโปรดปรานเขานัก” แชซกจูกล่าว
“ฮึ่ม แล้วนี่แปลว่าอะไร มันจะกำแหง ถือว่าเป็นคนโปรดจนมาล้ำเส้นพวกเราหรือยังไง”
เวลานั้นชองยายงคุยกับเพื่อนและเพิ่งจะแยกกัน เขาก็พบกับชางแทวู
“อ้อ ท่านมหาเสนาฯ” ชองยายงทัก
“เจ้าก็คือจอหงวนใหม่ชื่อชองยายงหรือ”
“ท่านรู้จักข้าด้วยหรือครับ”
“คนดังอย่างเจ้า ใครไม่รู้จักก็แปลกล่ะ แนวคิดที่เจ้าเสนอ ข้าก็ได้อ่านเหมือนกัน ถึงจะไม่ค่อยรู้อะไร แต่ช่างเป็นคนใจกล้านักนะ”
“ท่านอ่านด้วยหรือครับ ขอบคุณใต้เท้ามาก”
” อย่าเพิ่งด่วนดีใจ อะไรกัน ที่ไปอยู่ฝ่ายบุคลากรเพื่อจะทำเรื่องพวกนี้น่ะหรือ ไปอยู่หน่วยงานที่ว่างที่สุด เพื่อจะได้เสนอแนวคิดพิศดารรายวัน อย่านึกว่าเป็นคนโปรดแล้วจะทำอะไรก็ได้ เจ้าไม่รู้หรอกว่าอะไรคือการเมือง อาศัยว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรงคงไม่ช่วยอะไรหรอกนะ”
“เอ่อ เดี๋ยวครับใต้เท้า แหะ ถ้าแนวคิดของข้า ไม่ถูกใจท่าน ก็ขออภัยด้วย แต่ว่า สิ่งที่ข้านำเสนอหลายอย่าง ไม่ใช่เพื่อทำเล่นๆ น่ะครับ เพราะข้าเองก็รู้ ว่าขุนนางเก่าอย่างพวกท่าน คงไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ทุกวันนี้การเสนอนโยบายใหม่ มักมาจากขุนนางรุ่นหลัง ถ้าไม่ดีจริง ผุ้ใหญ่อย่างพวกท่านก็ควรให้คำชี้แนะ จากนั้นเมื่อมีการถกเถียงไปมา ย่อมมีจุดลงตัวสำหรับทุกฝ่าย ทำให้ข้า กล้าที่จะเสนอแนวคิดแผลงๆ เอ่อ อีกอย่าง ขอบคุณใต้เท้ามาก เมื่อข้ารู้ว่า ผู้ใหญ่อย่างท่าน ยอมเสียเวลาอ่านนโยบายเพ้อฝันที่ข้าเขียน แล้วก็ ไหนๆ ก็ไหนๆ คือ คุยถึงขั้นนี้แล้ว ข้าขอพูดต่ออีกหน่อยได้ไหมครับ”
“ฮึ่ม พูดอะไร”
” อยากจะ ขอยืมตำราที่ท่านเขียน,เล่มที่ชื่อ ซองซูลุน น่ะครับ คือ ผลงานอื่นๆ ของท่าน ข้าอ่านหมดแล้ว ขาดแต่เล่มนี้ ข้าจะรีบอ่าน แล้วคืนท่านโดยเร็ว ไม่ทราบว่า พอจะเมตตาได้ไหมครับ นะครับ ใต้เท้า”
ด้านแชซกจูนำเรื่องชองยายงไปทูลพระหมื่นปีจองซุน
“ชองยายงน่ะหรือ”
“ถัดจากฮงกุกยอง หมอนี่เหมือนจะมาแทนที่ยังไงอย่างงั้น”
” คอยจับตาดูไปอีกซักพักเถอะ เพราะสิ่งที่เราต้องห่วงไม่ใช่คนๆ นี้ วันก่อนฝ่าบาททำให้ข้าคิดได้อย่างหนึ่ง เขามีราชโองการของอดีตพระราชา และพร้อมจะไล่ข้าออกจากวังได้ทุกเมื่อ”
“อะไรนะ ราชโองการของอดีตพระราชาหรือ”
“นี่แหละคือประเด็นสำคัญ จริงๆ แล้วเขามีอะไรอยู่ในมือหรือเปล่า เราต้องสืบให้รู้ถึงจะวางใจ หึ”
ซอง ซงยอนรู้สึกคลื่นไส้ จึงไปขอรับการตรวจจากหมอหลวง หมอหลวงตรวจดูอาการของซองซงยอนอย่างละเอียดว่านางตั้งครรภ์หรือไม่ โดยให้ซองซงยอนกินยาอีก 5 วัน แล้วจะมาตรวจอีกทีก็จะทราบผลแน่นอน ซองซงยอนจึงสั่งไม่ให้หมอหลวงกับโชบีบอกใคร
ระหว่างทางกลับซองซงยอนกับโชบีเห็นปาร์คยองมุนพาขุนนางต้าชิงเข้ามา และซองซงยอนรู้จักจึงเข้าไปทักทาย และถามว่า
“ไปไงมาไงคะนี่ ทำไมอาจารย์มาที่นี่ได้ล่ะ”
“ใต้เท้ามากับคณะทูตน่ะครับ”
“เพราะอยากรู้ข่าวของซองซังกุง ถามใต้เท้าปาร์คก็บอกว่าเข้าวังแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย” ขุนนางต้าชิงแสดงความยินดี
“แล้วท่านล่ะคะ สบายดีหรือเปล่า ตอนเกิดการเปลี่ยนแปลง ได้ยินว่าท่านออกจากกรมศิลปะของต้าชิง จากนั้นก็เงียบหาย ไม่มีข่าวอีก”
“ดีที่เหตุการณ์สงบลง ข้าจึงได้กลับไปทำงานอีกครั้งน่ะครับ ว่าแต่ ทุกวันนี้ท่าน คงจะไม่เขียนรูปอีกแล้วใช่ไหม”
“หึ ได้แต่เขียนเป็นงานอดิเรก ไม่เหมือนเมื่อก่อนน่ะค่ะ”
” งั้นหรอกหรือ ก่อนมานี่ ยังนึกว่าจะได้เห็นผลงานใหม่ๆ ของท่านบ้าง กลับต้องผิดหวังซะแล้ว อ้อ จริงสิ ไม่ทราบว่า ท่านยังจำใต้เท้า จางหย่วนเหวย ได้หรือเปล่า”
“อ้อ จำได้สิคะ จำได้ ตอนอยู่ต้าชิง ข้าเคยเขียนรูปทิวทัศน์ให้เขาดูด้วยซ้ำ”
“ใช่ ที่มาคราวนี้ เขาเป็นหัวหน้าคณะทูต มาพร้อมกับข้าด้วย”
“อ้อ จริงหรือคะ แล้วใต้เท้าจางเป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีครับ”



ด้านจางหย่วนเหวยทูตต้าชิงเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ
“ทุกท่านมาไกลคงจะเหนื่อย การเดินทางไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“ไม่มีพะยะค่ะ เพราะฝ่าบาททรงอำนวยความสะดวก การเดินทางเที่ยวนี้จึงสบายขึ้น” จางหย่วนเหวยทูล
“เฮ่อๆๆ งั้นก็ดีแล้ว ข้าได้กำชับคนที่ดูแล ขาดเหลืออะไรก็ไปบอกพวกเขาได้นะ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ถ้าอย่างงั้น ข้าจะพาไปที่พักก่อน”
“พะยะค่ะ”
และเมื่อพูดคุยถึงจุดประสงค์การมาของจางหย่วนเหวย พระเจ้าจองโจก็ทรงไม่พระทัย
“ท่านบอกว่าไงนะ ให้ข้าปล่อยพ่อค้าต้าชิงที่ถูกจับมางั้นหรือ”
” พะยะค่ะ ระหว่างที่มาเมืองหลวง ได้ยินว่าทางการโชซอนได้จับกุมพ่อค้าของเราไว้ อภัยที่หม่อมฉันขอทูลว่า พวกเขาเป็นราษฎรของเรา ถึงทำผิดกฎหมายก็ควรจับตัวไว้ แล้วส่งกลับให้เราลงโทษเอง”
“แต่คนกลุ่มนี้ ทำความผิดในโชซอน อีกทั้งพยานหลักฐานพร้อม เราจึงต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้คงมอบตัวให้ท่านไม่ได้”
“ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันจะพากลับไปรับโทษตามกฎหมาย และจะลงโทษให้หนัก ตามกฎหมายของต้าชิง”
” ไม่ ข้าไม่เห็นด้วย เพราะว่า ข้าไม่เชื่อว่าต้าชิงจะลงโทษพวกเขา ให้สาสมกับความผิด เพราะนี่ เป็นเรื่องที่กดขี่ราษฎรของเรา พวกท่านคงไม่เห็นความสำคัญ จริงหรือเปล่า ยังไงก็ขอบอกอีกครั้ง ข้อเสนอนี้ข้ายอมรับไม่ได้ เมื่อพวกเขาทำผิด ก็ต้องรับโทษตามกฎหมายโชซอน ฉะนั้น จงอย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก”
“ฝ่าบาท จะไม่ยอมรับปากจริงหรือ”
“ใช่”
“ในเมื่อฝ่าบาททรงยืนกราน งั้นก็ตามพระทัย หม่อมฉันคงไม่มีอะไรจะทูลอีก”
แชจีคยอมทูลพระเจ้าจองโจว่าเรื่องคงไม่จบง่ายๆ แน่ พระเจ้าจองโจทรงให้ตามชองยายงมาพบ
” นี่คือ ข้อพิพาทที่เกิดตั้งแต่สมัยต้าหมิงถึงต้าชิง เหมือนที่พวกเขาบอก มีผู้ลักลอบเข้าเมืองตั้งแต่สมัยก่อน ไปมาระหว่างสองประเทศพะยะค่ะ” ชองยายงทูล
“แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน พวกเขาไม่ได้ลับลอบเข้าเมือง แต่ทำผิดกฎหมายของเรา”
” แต่ว่า กรณีนี้ไม่เคยเกิดมาก่อน อีกทั้งไม่มีข้อมูลอ้างอิงด้วย สัญญาที่ทำไว้กับต้าชิง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการค้าในเขตชายแดน ไม่ให้มีการล่วงล้ำอาณาเขต และเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยมีผลมากนัก”
“ถ้าไม่ เคยเกิดมาก่อน พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเรา แต่ยังไง พวกเขาต้องหาข้ออ้างแน่ เจ้าไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่หอตำราดู หาช่องทางแก้ปัญหานี้ให้ได้ จะเอาคดีอื่นมาเปรียบเทียบก็ไม่ว่า สรุปคืออย่าให้เราเสียเปรียบ เข้าใจมั้ย”
“พะยะค่ะ”
ชองยายงไปพบเชกาและลงมือหาข้อมูลกัน
เวลาต่อมาหัวหน้าองครักษ์เข้ามาทูลพระเจ้าจองโจว่ามีเรื่องด่วน
“ว่าไงนะ พวกเขาส่งทหารไปที่กองปราบหรือ”
” พะยะค่ะฝ่าบาท เห็นบอกว่า ทหารที่มากับคณะทูต ได้บุกไปถึงกองปราบ เรียกร้องให้ปล่อยพ่อค้าต้าชิง ทำให้ทหารสองฝ่ายเกิดการเผชิญหน้าพะยะค่ะ”
“ส่งหน่วยพิเศษไปดูแล อย่าให้เกิดการปะทะขึ้น” พระเจ้าจองโจสั่งแชจีคยอม
“พะยะค่ะ”
“ต้องระวังอย่าให้เรื่องบานปลายกว่านี้ เพราะถ้าสองฝ่ายใช้กำลังจริง สุดท้ายจะกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ”
“ทราบแล้วพะยะค่ะ”
พระมเหสีโยอึยทรงอยู่กับซองซงยอนและทราบเรื่องก็ตกพระทัย
“อะไรนะ ทหารต้าชิงบุกรุกกองปราบของเรา ทำไมเป็นอย่างงั้นล่ะ”
“พระมเหสี”
“เฮ่อ ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้นะ แล้วยังไง ทางการจะทำไงกับเรื่องนี้”
คิม ซังกุงทูลว่า “ตอนนี้เห็นว่ายังหาทางออกไม่ได้เลยเพคะ แต่ก็น่าเป็นห่วงไม่น้อย ถ้าสองฝ่ายเกิดการปะทะจริง อาจบานปลายไปถึงสงครามก็ได้นะเพคะ”
พระมเหสีโยอึยถึงกับทรงหอบ ซองซงยอนฟังแล้วก็คิดหนักเช่นกัน
ซอง ซงยอนไปขอเข้าเฝ้าพระพันปีเฮคยอง แต่พระนางไม่ยอมให้เข้าเฝ้า ซองซงยอนบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากต้องทูลขอพระพันปีเฮคยอง พระสนมวาพินมาเห็นจึงเข้าไปทูลขอพระพันปีเฮคยองให้ จนซองซงยอนได้เข้าเฝ้า
“ว่ามา มีเรื่องด่วนอะไรนักหนาถึงอยากพบข้า”
“หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า ถ้าไง จะขออนุญาตออกนอกวังซักครั้งได้ไหม เพคะ”
“ซองซังกุง นี่เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ จะออกไปข้างนอกงั้นหรือ”
” พระพันปีอย่าทรงกริ้ว ที่หม่อมฉันต้องการออกไปไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว ตอนนี้ราชสำนัก กำลังมีข้อพิพาทกับทูตจากต้าชิง จนอาจเกิดการกระทบกระทั่งได้ทุกเมื่อ หม่อมฉัน พอมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เพคะ”
“อะไรนะ”
“จึงมาขออนุญาต ให้หม่อมฉันออกไปข้างนอกซักครั้ง จะได้ไหมเพคะ”


เวลานั้นเหล่าขุนนางไปรอที่ท้องพระโรง พระเจ้าจองโจเสด็จมา
“ฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่สาย ที่จะปล่อยตัวพ่อค้าต้าชิงที่ถูกจับมาพะยะค่ะ” ขุนนางท่านหนึ่งทูลทันที
” นั่นสิพะยะค่ะ หากเพราะเรื่องแค่นี้ ทำให้บาดหมางกับต้าชิง เราจะกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสีย ฉะนั้น ทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขาจะดีกว่า”
” แต่ว่า จากอดีตถึงปัจจุบัน เรายอมอ่อนข้อให้ต้าชิงตั้งเท่าไหร่แล้ว กลัวจะบาดหมางกับพวกเขา กลัวจะทำให้พวกเขาไม่พอใจ ถึงเราเป็นฝ่ายถูกก็ไม่สามารถอ้างเหตุผลได้”
“แต่คราวนี้ ที่พวกเขาต้องการ เพียงแค่นักโทษไม่กี่คนเท่านั้น มันจะคุ้มแล้วหรือ หากจะเอาทั้งประเทศไปแลกด้วย เรื่องแค่นี้ น่าจะให้ยุติง่ายๆ ซะ”
” เมื่อยุติแล้ว คิดว่าพวกเขาจะไม่เอาเปรียบมากกว่านี้อีกหรือ ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูล เรื่องนี้เราไม่ควรอ่อนข้อง่ายๆ แม้จะเป็นเจ้าอาณานิคมก็เถอะ จะมาใช้กำลังบังคับให้เรามอบตัวคนที่ทำผิดได้ยังไง หม่อมฉันเห็นว่า ต่อให้เรื่องนี้ยิ่งบานปลาย ก็ไม่ควรทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขาโดยไม่มีเหตุผล เพราะวันนี้อาจจะแค่ให้มอบตัวนักโทษก็จริง ใครจะรู้ว่าวันข้างหน้า จะบังคับให้มอบแผ่นดินหรือไม่ก็ราษฎรไปเป็นทาสหรือเปล่า”
“หม่อมฉันเห็น ด้วยกับท่านมหาเสนาบดี ถ้าดูในภาพรวม เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความมั่นคงของบ้านเมือง ถ้าไม่สามารถลงโทษคนที่ทำความผิดได้ แล้วเราจะดูแลสวัสดิภาพของราษฎร ให้บ้านเมืองร่มเย็นได้ยังไง”
พระเจ้าจองโจทรงกลับมาคิดหนัก ชองยายงก็เข้ามาเฝ้า
“อะไรนะ ราชสาส์นหรือ”
” ถูกแล้วพะยะค่ะ หม่อมฉันนึกถึงล่ามที่เคยไปต้าชิง อาจมีความรู้บ้าง จึงไปขอคำปรึกษา ในสมัยพระเจ้ายอนจง ก็เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ แต่ได้รับราชสาส์นจากฮ่องเต้ต้าชิง ทางเราก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติ จึงยอมส่งนักโทษให้กลับไปหมด”
“แล้วความหมายของเจ้าคืออะไร ให้ไปขอราชสาส์นจากฮ่องเต้ เพื่อดึงเวลาไม่ให้เกิดการปะทะงั้นหรือ”
“พะยะค่ะ รับสั่งถูกต้องแล้ว มีเวลาให้หน่อย เราจะหาวิธีรับมือพวกเขาได้ง่ายขึ้น”
“แต่คิดว่าพวกทูตจะยอมรับเงื่อนไขนี้หรือ”
“ถ้าแค่นี้ยังไม่ยอมรับ ฝ่าบาทก็ทรงยืนกราน ให้พวกที่นึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่นัก ได้เห็นจุดยืนของเราบ้าง”
พระเจ้าจองโจเสด็จไปพบจางหย่วนเหว่ย
“เรื่องแค่นี้ทำให้บานปลาย ท่านไม่คิดว่าวู่วามไปหน่อยหรือ”
” หม่อมฉันต้องขออภัย แต่จะโทษหม่อมฉันก็ไม่ถูก เพราะคนที่ปฏิเสธคำขอ คือฝ่าบาทต่างหาก แล้วตอนนี้ คิดจะทำไงต่อ ถึงขั้นนี้แล้ว ยังทรงยืนกรานไม่ปล่อยคนอีกหรือ”
“ขอราชสาส์นมาก่อน”
จางหย่วนเหว่ยตกใจ “หา”
“ถ้ามีราชสาส์นจากฮ่องเต้ต้าชิง ถึงตอนนั้น ข้าก็จะมอบคนให้”
“ฝ่าบาท”
” เท่าที่รู้ ในสมัยพระเจ้ายอนจงของเรา ก็เคยเกิดกรณีแบบนี้ ตอนนั้นราชสำนัก ได้รับราชสาส์นจากฮ่องเต้ของท่าน จึงยอมปล่อยนักโทษ ข้าจึงอยากให้ท่าน ทำตามกฎที่เคยมีมา”
“หึ ราชสาส์นหรือ ไม่นึกว่าฝ่าบาทจะทรงใช้วิธีนี้ แสดงว่า ระหว่างที่รอราชสาส์นจากฮ่องเต้ ทางนี้อาจจะทำอะไรบางอย่างไปก็ได้”
“จะคิดยังไงก็ช่าง นี่คือข้อเสนอจากข้า”
“หึ เอางั้นก็ได้ฝ่าบาท หม่อมฉันจะนำราชสาส์นมาให้ และไม่ต้องรอนาน หม่อมฉันสามารถวายต่อฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ”
พระเจ้าจองโจทรงเป็นฝ่ายตกพระทัยเอง “อะไรนะ”
” ฝ่าบาทก็ทรงทราบดี หม่อมฉันมาในฐานะผู้แทนพระองค์ ฉะนั้น สิ่งที่หม่อมฉันทำทุกอย่าง ก็ด้วยพระนามแห่งฮ่องเต้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าหม่อมฉันจะมอบราชสาส์นก็ไม่ใช่เรื่องผิด ทรงพอพระทัยหรือยัง ขอเพียงให้หม่อมฉัน มอบราชสาส์นก็พอใช่ไหม”
“อะไรนะท่านทูต”

จบ ตอนที่ 69

No comments:

Post a Comment