Thursday 11 June 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 75



ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ตอนที่ 75

แชจีคยอมนำรายงานการก่อสร้างประจำสัปดาห์นี้ถวายพระเจ้าจองโจ
“หลายวันนี้รู้สึกว่า งานจะเดินเร็วขึ้นหรือเปล่า”
“นั่นสิพะยะค่ะ เห็นบอกว่า เพราะเครื่องยกน้ำหนักของบัณฑิตชองช่วยผ่อนแรงได้มาก”
นัมซาโชทูลว่า “ที่สำคัญยังช่วยประหยัดค่าแรงได้ถึง 4 หมื่นตำลึง ถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่ของเขานะพะยะค่ะ”
“ข้าก็คิดอย่างงั้น เลยว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็นขุนนางขั้นสาม”
“จะเลื่อนตำแหน่งหรือพะยะค่ะ”
” ที่จริงไม่เพียงแต่เขา งานก่อสร้างที่มีขั้นตอนยุ่งยาก ใช้เวลาแค่ 2 ปีครึ่งก็สำเร็จเรียบร้อย มันเป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายด้วย ฉะนั้นข้าจะมีปูนบำเหน็จให้ทุกคน และได้สั่งการไปอีกว่า การบำเหน็จผลงานจะมีในวันถวายสักการะ จริงสิ งานนี้เตรียมการถึงไหนแล้ว”
“ทุกฝ่ายกำลังประชุมอยู่ คาดว่าจะสรุปผลในเร็ววันนี้พะยะค่ะ” แชจีคยอมทูล
“วันประสูติของเสด็จแม่ปีนี้ ข้าจะจัดให้ยิ่งใหญ่ที่สุด ฉะนั้นการเตรียมงาน ก็ต้องดูให้เรียบร้อยล่ะ”
“น้อมรับพระบัญชาพะยะค่ะ”
แล้ว ก็มีข่าวเรื่องการเรื่อยขั้น ปรากฎว่าเทซูกับคังซกกีได้เลื่อน ซอจังบูไม่พอใจและเครียดมาก ไม่ยอมพูดจากับทั้งสอง เทซูจึงไปทูลพระเจ้าจองโจ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง ให้ข้าเลื่อนตำแหน่งให้ซอจังบูแทนเจ้าหรือ ใช่ไหม”
“พะยะค่ะ หม่อมฉันรู้ว่าที่ทรงทำแบบนี้เพราะตำแหน่งนายทหารขั้น 2 มีได้แค่สองคน เลยอยากให้เขา”
“ไม่ ข้าเลื่อนเขาไม่ได้”
“เอ่อ ฝ่าบาท”



“เรื่องนี้ เป็นไปตามคำสั่งของข้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้า”
“เอ่อ ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ”
” การที่ข้าไม่เลื่อนตำแหน่งเขา เพราะผลงานมีน้อย บวกกับนิสัยหุนหันพลันแล่น ฉะนั้นเรื่องนี้ เจ้าไม่ต้องพูดมากอีก กลับไปบอกให้เขารับรู้ไว้ ถ้าเดือนหน้าไม่มาทำงานอีก ข้าจะถือว่าขอลาออก”
เทซูอึ้ง “เอ่อ คือ ฝ่า ฝ่าบาท”
เทซูกลับไปบอกคังซกกีและพากันกลุ้มใจว่าจะพูดอย่างไรกับซอจังบูดี
แชซกจูกับพวกขุนนางไปดูการฝึกซ้อมของพวกมินจีซู ซึ่งเขาบอกว่าทุกคนเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอคำสั่งจากเขาคนเดียว
คังซกกีให้ทหารตามพวกแชซกจูไปแต่ไม่ทัน เขากลับมารายงาน คังซกกีนำขึ้นทูลพระเจ้าจองโจทันที
“ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ เพราะพวกเขาเตรียมม้าไว้ระหว่างทาง ทำให้เราตามไปไม่ทัน”
เทซูทูลต่อว่า “ถ้าพวกเขาไปทางเขาพงวา จริง ก็แสดงว่าที่นั่น คงเป็นแหล่งซ่องสุมกำลัง ถ้าไงเราไปตรวจค้นเขาพงวาให้ทั่ว”
” ไม่ ถ้าไม่รู้แหล่งกบดานที่แน่ชัด หลับหูหลับตาไปค้น เราจะแหวกหญ้าให้งูตื่นมากกว่า สุดท้ายก็จะกลายเป็นเสียแรงเปล่า ข้าเคยบอกไว้ แค่เห็นพวกเขาไปชุมนุม เราคงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง เราไม่มีหลักฐานที่พวกเขาซ่องสุมกำลังด้วย เลยต้องรอคอยเวลา ถึงจะรู้ว่านี่เป็นการเสี่ยง แต่ก็ต้องรอให้พวกเขาเผยโฉมมาเอง อย่าใจร้อน ทหารบางส่วน ต้องกันไว้ดูแลงานสักการะอาทิตย์หน้า ฉะนั้น ตอนนี้ต้องแบ่งกำลังให้ดี พวกเจ้าส่งคนไปอีก ตามดูพวกเขาไปเรื่อยๆ”
“พะยะค่ะ น้อมรับพระบัญชา” ทั้งสองออกไป
นัม ซาโชทูลถามพระเจ้าจองโจว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันขอถาม แค่ให้คนสังเกตการณ์ก็พอหรือพะยะค่ะ เกิดพวกเขามีการวางแผนชั่วจริง คงจะทำอย่างมิดชิดและรอบคอบ ไม่ให้ใครเห็นพิรุธอย่างแน่นอน”
“ท่านพูดก็ถูก ฉะนั้น เลยต้องให้พวกเขาเผยไต๋มาเอง รอดูไปเถอะ”



ซอ จังบูได้ยินชาวบ้านเทิดทูนพระเจ้าจองโจก็ไม่พอใจ ทำให้ถูกชาวบ้านรุมซ้อม จนมินจีซูมาช่วยไว้ และเขาก็คาดหวังจะให้ซอจังบูมาเป็นพวก ยิ่งรู้ว่าซอจังบูโดนอะไรมาบ้าง แถมเขากลับไปฝึกทหาร ก็โดนบอกให้ไปรับผิดชอบงานอื่นแทนยิ่งทำให้ซอจังบูแค้นใจมาก
พระเจ้าจองโจทรงยืนทอดพระเนตรไปไกล พระหมื่นปีจองซุนเห็นก็เข้ามาทรงทัก
“มีอะไรทำให้ฝ่าบาทกังวลใจหรือ ดูเหมือนสีหน้าไม่สู้ดีด้วย ทำไมออกมายืนที่นี่คนเดียวล่ะ”
“เปล่าเลย ไม่มีอะไรทำให้หม่อมฉันกลุ้มใจได้ เพราะเห็นอากาศดี เลยออกมารับแดดซักครู่เท่านั้น”
” งั้นหรือ งั้นก็โล่งอกไปที เรากำลังจะมีงานฉลองเมืองใหม่ เกิดฝ่าบาทไม่สบายขึ้นมาคงจะแย่ ขอให้รักษาสุขภาพดีๆ ไหนๆ ก็ทุ่มเทเพื่อเมืองใหม่ขนาดนี้ ยังไงก็ตาม น่าจะได้ชื่นชมผลงานให้คุ้มหน่อย”
“แน่นอน หม่อมฉันก็หวังอย่างงั้น ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ไม่ต้องทรงเป็นห่วงแทนหรอก”
“หึ ได้ งั้นข้าขอตัวไปที่อื่นก่อน”
มิ นจีซูมาพบแชซกจู ขากลับเจอกับซอจังบูและทหาร ทำให้ถูกตามล่า ซอจังบูเห็นเป็นมินจีซูที่เคยช่วยเขาไว้จึงบอกให้หนีไป และสั่งทหารว่าไม่ให้บอกใครว่าจับคนร้ายไม่ได้ แชซกจูรู้ก็ไปทูลให้พระหมื่นปีจองซุนทราบ
“ว่าไงนะ เป็นความจริงหรือนี่”
“จริงพะยะค่ะ ดูเหมือนว่าฝ่าบาท รับสั่งให้คนสะกดรอย ดูพวกเราอยู่เงียบๆ เผื่อจะเห็นช่องโหว่ จะได้เล่นงานทันที”
“หึ แต่ได้ยินว่า มินจูซีติดต่อคนของหน่วยพิทักษ์ราชย์ได้คนหนึ่ง เป็นความจริงหรือเปล่า”
“ตอนนี้ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่ว่า ถ้าโชคดีละก้อ เราอาจได้ผู้ช่วย ที่เป็นคนในของฝ่าบาทมาเป็นกำลังสำคัญ”
“เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้อย่าเพิ่งด่วนสรุป เราต้องดูคนๆ นั้นให้ดี ข้าอยากรู้ว่าเรื่องเป็นมายังไงกันแน่”
“หม่อมฉันเข้าใจ แต่ว่า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เราน่าจะเปลี่ยนแผนซักนิดดีมั้ยพะยะค่ะ”
“เปลี่ยนแผนหรือ หมายความว่าไง”
” ถ้าฝ่าบาททรงจับตาดูความเคลื่อนไหวของเราจริง ไม่แน่ว่า อาจทรงเห็นพิรุธบางอย่างก็ได้ เพราะงานนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตพวกเราทุกคน จะให้ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ฉะนั้น เมื่อฝ่าบาททรงเกิดความระแวง เราก็ควรลงมือก่อน เล่นงานให้ตรงจุด อย่าได้รอช้า”
“เล่นงานให้ตรงจุด หมายความว่าไง”
เวลาเดียวกันพวกเทซู คังซกกี ก็กำลังคุยกันเรื่องกำหนดการ
“กำหนดการเสด็จออกมาแล้ว พรุ่งนี้เช้าเคลื่อนขบวนออกทางประตู “ทุนวา” ฉะนั้น คนที่ถวายอารักขา ต้องเตรียมการก่อนหน้าให้พร้อม”



“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เราได้เตรียมพร้อมหมดแล้ว”
นัมซาโชบอกว่าพระเจ้าจองโจเสด็จมา เทซูจึงทูลว่า
“นี่คือ 24 จุดสำคัญ ระหว่างทางเสด็จไปป้อมฮวาซอง เราจะวางทหารไว้ทุกจุด เพื่อถวายอารักขาอย่างเข้มงวด”
“แล้วการดูแลป้อมในเวลากลางคืนล่ะ”
“พร้อมแล้วทุกด้านพะยะค่ะ”
“งานฉลองเมืองใหม่คราวนี้ เราจะให้แสดงศักยภาพของไพร่พล ฉะนั้น อย่าให้มีอะไรผิดพลาดได้ล่ะ”
“พะยะค่ะ”
“แต่ว่า ทำไมเมื่อวานไม่ได้รับรายงานการสะกดรอย เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“เอ่อ เพราะว่า ไม่มีอะไรผิดสังเกตพะยะค่ะ” เทซูทูล
“งั้นหรือ พรุ่งนี้ก็จะเดินทางแล้ว พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอะไรบ้างเลยหรือ” พระเจ้าจองโจทรงสงสัย
คังซกกีทูลว่า “เพราะป้อมฮวาซองมีทหารมากมายคอยเฝ้า พวกเขาเลยไม่กล้าทำบุ่มบ่ามก็ได้พะยะค่ะ”
“นั่นสิ ว่าแต่ ทำไมไม่เห็นซอจังบูล่ะ”
“เอ่อ เห็นว่าไม่ค่อยสบาย ออกเวรตั้งแต่บ่ายพะยะค่ะ”
“งั้นหรือ เขาเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” พระเจ้าจองโจทรงเป็นห่วง
มินจีซูให้คนไปนัดซอจังบูออกมาพบ
“กล้าดียังไงให้คนมาหาข้า ไม่กลัวข้าจะจับท่านหรือไง”
“ที่ข้ายอมเสี่ยงมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อจะพบท่านซักครั้ง เชิญดื่มก่อนดีมั้ย”
“ช่างเถอะ มีอะไรก็ว่ามา”



” ได้ข่าวว่า คราวนี้ท่านไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง คนอื่นผลงานน้อยกว่า ยังได้ดิบได้ดีไปหมด ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี เพราะเคยผ่านจุดนี้มาก่อน อุตส่าห์ทำงานให้คนๆ หนึ่ง สุดท้ายกลับถูกมองข้ามไม่เห็นความดี ข้าเข้าใจความรู้สึกนี้ที่สุด”
“ถ้าเป็นห่วงข้าละก้อ ขอบอกว่าไม่จำเป็น เพราะว่า ข้าไม่อยากยุ่งกับท่าน และไม่สนใจด้วย”
“แต่ข้ามีบางอย่างให้ท่านสนใจ”
ถึงวันเดินทาง พระเจ้าจองโจทรงคิดถึงพระสนมซองซงยอน ทรงบอกกับนางในพระทัยว่า
“ไปด้วยกันนะซงยอน ข้าอยากให้เจ้าเห็น เมืองใหม่ที่ข้าสร้างขึ้น”
เทซูประกาศให้ทหารทราบทั่วกันว่า
” การเสด็จคราวนี้ เพื่อไปป้อมฮวาซอง ใช้การเดินทางทั้งหมด 8 วัน ฉะนั้น ต่อหน้าชาวเมืองทั้งหลาย จึงต้องแสดงถึงพระบารมีของฝ่าบาทและความยิ่งใหญ่ของราชสำนัก หน้าที่ของทหาร จึงต้องดูแลอย่างเข้มงวด ฉะนั้น ทุกคนต้องตั้งใจถวายอารักขา จนกว่าฝ่าบาทจะเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัย ถ้ามีอันตรายก็ต้องปกป้องด้วยชีวิต เข้าใจหรือเปล่า”
“เข้าใจครับ”
คัง ซกกีกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ข้าจะแบ่งหน้าที่ สำหรับทหารแต่ละหน่วย หน่วยหนึ่ง ประตูทุนวา หน่วยสอง ถนนจองโน หน่วยสาม ประตูซึนยี หน่วยสี่ ถนนซกโว
ทางด้านปาร์คยองมุนก็สั่งช่างภาพทุกคนให้เก็บภาพเหตุการณ์ให้ครบ
“แล้วพิธีถวายสักการะพรุ่งนี้ และการแสดงของทหารจะแบ่งงานยังไง” ปาร์คยองมุนถาม
“ครับ งานช่วงเช้าเป็นหน้าที่ช่างเขียนกัม ส่วนการแสดง เป็นหน้าที่ข้ากับช่างเขียนลีครับ”
“อึม การแสดงในเวลากลางคืน มักจะเขียนรูปลำบาก แต่ยังไง ทุกคนก็ต้องทำให้ดีล่ะ”
ด้านมินจูซีก็ทราบจากแชซกจูว่ามีการเปลี่ยนแผน



“คืนพรุ่งนี้ที่มีการแสดงกำลังพล จะมีการสับเปลี่ยนเวรยามใหม่ ทำให้เปิดทางให้พวกเจ้าลำบากกว่าที่คิด”
“สรุปแล้วยังไงกันแน่ครับ เราจะยกเลิกแผนที่วางไว้”
” ไม่ ไม่ใช่อย่างงั้น หึ พรุ่งนี้ฝ่าบาท หลังจากถวายสักการะแล้ว ช่วงบ่ายจะใช้เส้นทางนี้ เสด็จไปวัดยงจู และช่วงนี้ คือเวลาที่ฝ่าบาททรงปลอดจากทหารคุ้มกันทั้งหลาย เพราะจะสนทนาธรรมกับนักบวชหลายรูปเพียงลำพัง และช่วงนี้ภายนอกของวัดจะมีทหารคุ้มกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนของเรา จะแอบเปิดทางให้พวกเจ้า มีเวลาให้พวกเจ้าทำงาน ไม่เกินครึ่งชั่วยาม พลาดจากนี้แล้วสถานการณ์จะเปลี่ยน เพราะอีกครึ่งชั่วยาม หน่วยพิทักษ์ราชย์ที่อยู่ด้านนอกของวัด จะมาสมทบกับฝ่าบาทเพื่ออารักขาในการเสด็จกลับ ที่สำคัญ ระหว่างที่พวกเจ้าลงมือ เราจะแกล้งไปที่อื่นซะก่อน ให้มีทหารบางส่วนคอยคุ้มกันเราก็พอ เข้าใจมั้ย”
“ครับใต้เท้า หึ”
กลางคืนพระเจ้าจองโจทรงอ่านฎีกาที่ได้รับมามากมาย ชางแทวูมาขอเข้าเฝ้า
“แล้วความหมายของท่านคืออะไร ข้าใช้ป้อมฮวาซองลดอำนาจของขุนนาง เป็นความคิดที่ไม่ถูกงั้นหรือ” พระเจ้าจองโจทรงถาม
” ใช่แล้วพะยะค่ะ หลายร้อยปีที่ผ่าน รากฐานของขุนนางอยู่ที่เมืองฮันยาง แล้วฝ่าบาททรงมาสร้างเมืองใหม่ มิเท่ากับบั่นทอนฐานอำนาจของเหล่าขุนนางหรอกหรือ”
“แต่มันก็น่าแปลก ข้าดูสีหน้าท่านวันนี้ ทำไมรู้สึกเครียดนัก นี่หมายความว่าไง แสดงว่าในใจท่าน มีเรื่องบางอย่าง ที่ไม่สามารถพูดได้หรือเปล่า”
“หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง”
” ท่านเป็นขุนนางเก่าก็จริง แต่ข้าเชื่อว่าเป็นคนสุจริตพอ ข้อนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธ และท่านก็น่าจะเข้าใจดีว่า สิ่งที่ข้าทำ ไม่มีอะไรผิด ท่านพูดถูกแล้ว ทุกวันนี้ ข้าต้องการสลายขั้วอำนาจทั้งหมด แต่ว่า นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง สิ่งที่ข้าทำ เพื่อจะช่วยราษฎรที่ถูกขุนนางกดขี่ ให้ได้รับความเป็นธรรม”
“ฝ่าบาท”



“ข้าจะปฏิรูปการเมืองใหม่โดยเริ่ม จากที่นี่ ถ้าจะพัฒนาโชซอนก็ต้องเน้นเกษตรและการค้า หากจะมุ่งสองอย่างนี้ก็ต้องส่งเสริมให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่นี่จะไม่มีการแบ่งพวก ไม่มีแก่งแย่งทางการเมือง มีแต่พระราชาที่ห่วงใยราษฎร และขุนนางที่ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง โดยให้ที่นี่เป็นตัวอย่าง แล้วเมืองอื่นก็จะเจริญรอยตาม ข้าจะทำให้บ้านเมืองของเราก้าวหน้ายิ่งกว่าต้าชิงด้วยซ้ำ แต่นี่คงไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าจึงอยากขอความร่วมมือจากท่านมหาเสนาบดีซักครั้ง เพื่อให้งานนี้ลุล่วง ข้าอยากถามท่านในฐานะพระราชา ข้าทำแบบนี้ ถือว่าผิดหรือเปล่า”
เช้าวันรุ่งขึ้น ในพระราชพิธี พระพันปีเฮคยองทรงมีรับสั่งกับพระเจ้าจองโจน้ำตาคลอ
“ขอบใจมากนะฝ่าบาท ที่แม่อดทนมานาน ก็เพื่อรอดูผลงานของเจ้าในวันนี้”
“เสด็จแม่”
“เจ้าสามารถล้างมลทินให้เสด็จพ่อที่ถูกปรักปรำในอดีต ตอนนี้ถึงให้แม่ตายก็ไม่เสียดายแล้ว รีบมาถวายการคำนับเร็วเข้า”
” พะยะค่ะเสด็จแม่ เสด็จพ่อ หม่อมฉันมาแล้ว หม่อมฉันคือลูกซาน ทรงทอดพระเนตรอยู่หรือเปล่า หม่อมฉันได้สร้างเมืองใหม่ โฉมใหม่แห่งโชซอนตามเจตนาของเสด็จพ่อแล้ว”
มินจูซีให้คนไปตามซอจังบูมาพบจนได้ เขาดีใจที่เห็นซอจังบู
“มีธุระอะไร”
“มีเรื่องหนึ่ง ข้าอยากได้คำตอบจากเจ้า”
“คำตอบหรือ”



” ได้ยินว่าวันนี้จะมีการสับเปลี่ยนทหารที่เฝ้ายาม จากกลางวันไปเป็นเวลากลางคืน จริงหรือเปล่า ส่วนชุดกลางคืน ให้ไปเฝ้าวัดยงจู และอุทยานฮอนยงแทน”
ซอจังบูอึกอัก “เอ่อ ใช่ แต่ว่าท่านรู้ได้ไง”
“หึ แค่นี้แหละ ขอบใจที่บอก”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง ท่านจะทำอะไร”
“บุญคุณของเจ้า ข้าจะไม่มีวันลืม ขอบใจอีกครั้ง”
และ ขณะที่พระเจ้าจองโจทรงเข้าไปสนทนากับเจ้าอาวาสวัด พวกมินจูซีก็บุกเข้ามาเพราะไม่เห็นทหารยืนรักษาการณ์อยู่ มินจูซีคิดว่าซอจังบูเปิดทางให้แล้ว แต่ปรากฎว่าคังซกกีเห็นความผิดปกติจึงสั่งทหารสู้ เทซูรีบทูลพระเจ้าจองโจให้ทรงหลบก่อน
พวกลูกน้องมินจูซึทำงานล้มเหลวก็พากันหนี เทซูร้องบอก
“ถ้าไม่อยากตาย วางอาวุธแล้วยอมแพ้ซะดีๆ จับมัดไว้ให้หมด”
พระ เจ้าจองโจทรงตรัสกับเทซูว่า “ไม่นึกว่าจะได้เจอท่านอีก ข้ารอให้ท่านมาลอบทำร้ายซักครั้ง รู้มั้ยว่ารอนานแค่ไหนน่ะ คนลงมือถูกจับหมดแล้ว รีบไปคุมตัวผู้บงการมาให้ข้า”
“พะยะค่ะ”
เทซูพาทหารไปจับเสนาขวาแชซกจู และเจ้ากรมปกครองโอแทจิก ส่วนคังซกกีไปจับเจ้ากรมอาญา และเจ้ากรมราชทัณฑ์ด้วย แต่ทั้งสี่หนีไปได้
“อะไรนะ พวกเขาหนีไปหมดหรือ” พระเจ้าจองโจทรงแปลกพระทัย
“พะยะค่ะ คิดว่าคงจะไหวตัวทัน เลยหนีไปซะก่อน”
“เฮ่ย ส่งทหารไปจับเดี๋ยวนี้ เข้าใจมั้ย ส่งทหารไปให้หมด ยังไงก็ต้องจับมาให้ได้”
“พะยะค่ะ”



เวลาต่อมาเทซูกลับมารายงานผลให้พระเจ้าจองโจทรงทราบ
” ส่งคนไปเฝ้าด่านตรวจและค้นหาในเมืองซูวอน เชื่อว่าพวกเขาคงหนีไปไม่ไกล ภายในวันนี้ต้องจับกลับมาได้แน่ ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ หม่อมฉันลืมจับตาคนพวกนี้ไว้”
“ไม่หรอก ข้าเองก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าลงมือ”
แชจีคยอมทูลถามว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันขอทูลถาม เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แล้วการแสดงในคืนนี้ให้เลื่อนไปมั้ยพะยะค่ะ”
” ไม่ ไม่จำเป็นต้องเลื่อน การแสดงกำลังพลเป็นพิธีสำคัญอย่างหนึ่ง เพื่อแสดงศักยภาพของทหารให้ทุกคนได้ประจักษ์ ฉะนั้นจึงต้องมีต่อไปเหมือนเดิม ส่วนการตามหาพวกขุนนาง ให้หน่วยอื่นไปรับผิดชอบ หน่วยพิทักษ์ราชย์ ให้เตรียมพร้อมสำหรับแสดงการต่อสู้คืนนี้ เข้าใจหรือเปล่า”
เทซูน้อมรับ “พะยะค่ะ”
เทซูออกมาก็คุยกับคังซกกีและซอจังบู และพากันแปลกใจเมื่อฟังความจากซอจังบู
“หมายความว่า เป็นคำสั่งลับจากฝ่าบาท ให้ท่านทำแบบนี้น่ะหรือ”
“ใช่ ถ้าพวกเขามีการวางแผนจริง คงอยากรู้เรื่องของหน่วยทหาร ข้าเลยแกล้งทำเนียนแสดงความไม่พอใจ”
เทซูกับคังซกกีพากันโล่งอก ซอจังบูกล่าวต่อว่า
“ทีแรกก็เล่นละครไปอย่างงั้น ไม่นึกว่าจู่ๆ มินจูซีจะมาหลงกลซะได้”
“เจ้าก็เหลือเกิน อย่างน้อยน่าจะบอกเราก่อน รู้มั้ยข้ากับเทซูเป็นห่วงเจ้าแค่ไหนน่ะ”
“เฮ่อๆๆ ถ้าบอกให้รู้ก่อน พวกมันก็ต้องรู้ทัน เพราะพวกเจ้าไม่รู้ มินจูซีถึงได้เชื่อไง”
“เฮ่อๆๆ สรุปคือ ในที่สุดพวกมันก็หลงกล บุกเข้าวัดยงจู ตามที่เราคิดไว้หรือ”
“ใช่ เอ่อ แต่ยังไง ข้าก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้”
“อดห่วงไม่ได้ เรื่องอะไรอีกล่ะ”



“รู้สึกว่า จะจับพวกเขาได้ง่ายเกินไป ถ้าวางแผนก่อการร้ายจริง น่าจะทำอะไรรอบคอบกว่านี้”
” โธ่เอ๊ย จับได้ก็ถือว่าดีแล้ว ให้พวกมันวางแผนยังไงก็หนีไม่พ้นมือเราหรอกน่า เร็วเข้าไปดีกว่า ใกล้ถึงเวลาแสดงแล้ว ข้าจะค่อยๆ เล่าให้ฟังว่าไปเจออะไรมาบ้าง เร็วเข้า ไป บอกให้มาไง”
การแสดงเริ่มแล้ว แชซกจูกับพวกขุนนางหลบอยู่ รอสถานการณ์ ขุนนางถามว่าเหตุการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง แชซกจูบอกว่า
” เริ่มแสดงกำลังพลแล้ว อีกหนึ่งชั่วยาม ทุกอย่างก็จะจบ เราปล่อยให้มินจูซีถูกจับ เชื่อว่าคงทำให้ฝ่าบาทชะล่าใจ แล้วคนที่เราเตรียมไว้อีกส่วน ก็จะลงมือตามแผนทันที”
ซอจังบูถามทหารว่างานถึงไหนแล้ว ทหารตอบว่า



“การแสดงต่อสู้ที่กำแพงเมืองเพิ่งจะผ่านไปครับ”
“ฮ่า งั้นอีกไม่นาน คงมีการดับไฟทั่วบริเวณนี้”
” ใช่ครับ ถ้ามีการดับไฟจริง เปิดเฉพาะข้างกำแพงคงจะดูอลังการ์มาก แต่ทุกอย่างจะอยู่ในความมืด โดยเฉพาะป้อมนี้แล้วยิ่งใหญ่ เกิดอะไรขึ้นก็แทบไม่มีใครรู้”
“เฮ่อๆ นั่นสิ ก็มันมืดนี่นา เอ่อ ว่าแต่ ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ รีบไปเฝ้าประตูตะวันออกเร็วเข้า”
“ประตูตะวันออก ที่นั่นมีทหารจาก 5 กองพลมาเฝ้าแล้วไม่ใช่หรือครับ”
“งั้นหรือ เอ ไม่ใช่คนของเราหรือไง” ซอจังบูแปลกใจ
“ไม่ใช่ครับ วันนี้ตอนฝ่าบาทไปถวายสักการะ ก็มีการสับเปลี่ยนเวรยามแล้วนี่”
“อ้อ งั้นหรือ ข้าก็ลืมไป เฮ่อๆๆ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน เอ”
ซอ จังบูยังแปลกใจและคิดถึงคำพูดของมินจูซี บวกกับเทซูที่บ่นว่าจับพวกคนร้ายได้ง่ายเกินไป ทำให้ซอจังบูนึกบางอย่างแล้วก็ตกใจมากรีบไปหาพวกเทซูกับคังซกกีทันที ซึ่งเทซูกำลังสั่งทหารว่าช่วงดับไฟให้ทุกคนระวังมากขึ้น
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่ง เราถูกหลอกแล้ว พวกเราหลงกล”
“หือ หลงกลอะไร ท่านเอาอะไรมาพูดน่ะ”
“คนร้ายจะลงมือเวลานี้ต่างหาก ถือโอกาสที่เราชะล่าใจ พอดับไฟเมื่อไหร่ พวกมันก็จะลงมือทันที”
คังซกกีตกใจ “ว่าไงนะ”

จบ ตอนที่ 75

No comments:

Post a Comment