Thursday, 16 April 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 51



ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 51

เทซูและพวกพากันจับตาดูความ เคลื่อนไหวของชางแทวู เทซูพบว่าก่อนหน้านี้พระเจ้าจองโจทรงมีภารกิจพิเศษให้ตนนำจดหมายลับไปมอบให้ ใต้เท้าท่านหนึ่ง แต่วันนี้เมื่อได้พบกับชางแทวูก็เกิดความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้เทซูจึงกลับไปรายงานฮงกุกยอง
ฮงกุกยองนำความขึ้น ทูลพระเจ้าจองโจ พระเจ้าจองโจทรงเสด็จประพาสเพื่อสืบหาความจริง เมื่อพระเจ้าจองโจทรงเสด็จมาถึงหมู่บ้านที่ยากไร้แห่งหนึ่ง พระเจ้าจองโจทรงทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านล้มป่วยเป็นจำนวนมาก หมอหลวงซึ่งตามเสด็จมาด้วยนั้นทูลพระเจ้าจองโจว่าในเวลานี้มีโรคระบาดไปทั่ว ขอให้พระเจ้าจองโจทรงเสด็จกลับวังหลวงโดยเร็วที่สุด
คนในหอศิลป์ต่างพากันเป็นโรคระบาด ดูเหมือนว่าชางแทวูก็เป็นโรคระบาดเช่นเดียวกัน
แชจีคยอมทูลรายงานพระเจ้าจองโจว่า
“จากรายงานของกรมอาญา ปัญหาโจรผู้ร้าย ค่อยๆ ลดลงไปมากพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นความจริงหรือนี่”
“จริงพ่ะย่ะค่ะ โรคระบาดก็สามารถควบคุม บวกกับเมืองหลวงเข้าสู่ภาวะปกติ ฝ่าบาทคงจะวางพระทัยได้แล้ว”
พระเจ้าจองโจทรงรับฟัง “หึ”
นัม ซาโชทูลต่อว่า “ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ เกี่ยวกับการทำงานของคนที่หอตำรา ได้ผลดีกว่าที่คิดไว้ ไม่เพียงสะสางงานของสามกรมใหญ่ แม้แต่เรื่องที่สั่งสมมาก็จัดการได้อย่างเรียบร้อย จนคนที่ทำงานอยู่เดิมต้องมาขอคำแนะนำด้วยซ้ำ”
“ใช่ ความขยันของพวกเขา จะเป็นแบบอย่างให้ขุนนางที่ทำงานเช้าชามเย็นชามได้เกิดความละอายบ้าง”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
” แต่ว่าฝ่าบาท แล้วขุนนางเก่าที่ถูกพักงาน จะทรงทำไงกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ หรือว่า จะทรงอนุมัติการลาออกของพวกเขาจริงๆ ได้ข่าวว่ามีบางคนเริ่มเปลี่ยนใจที่จะกลับมา หม่อมฉันเห็นว่า ถ้าไงทรงอนุโลม”
“เรื่องนี้ ข้ามีวิธีจัดการอยู่แล้ว”
“ฝ่าบาท ทำไงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“โบราณว่าหลังฝนตก ผืนดินจะยิ่งผนึกเหนียวแน่น ตอนนี้มรสุมผ่านแล้ว ในราชสำนัก จะมีแต่คนที่ซื่อสัตย์จริง ถึงสามารถอยู่ต่อได้”
มีเหล่าขุนนางไปหาฮงกุกยองที่บ้าน ทำให้เขาเข้าวังช้า แชจีคยอมจึงเตือนเขาว่า
” ตอนนี้เจ้าอายุยังน้อย ไม่แปลกที่ยังมีกิเลสครอบงำ แต่ต้องระวังตัวให้มาก พริบตามันจะหมดทุกอย่าง เจ้าเป็นคนที่ฝ่าบาท ทรงไว้วางพระทัยมากที่สุด ยิ่งเป็นเวลานี้ ก็ยิ่งต้องระวังคนรอบข้างจะมาหวังอะไรหรือเปล่า”
“ขอบ คุณมาก ข้าจะจำใส่ใจไว้ แต่ว่า ท่านไม่ต้องเป็นห่วงแทน ข้ารู้ว่าสิ่งที่ท่านกังวลคือความโลภของข้าจะทำให้ฝ่าบาทเสื่อมเสีย ซึ่งถ้าข้าเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงจริง คงไม่ติดตามฝ่าบาทมาถึงวันนี้หรอก”
“ใต้เท้าฮง”
” ไม่เชื่อก็คอยดู ความจงรักภักดีของข้าจะไม่มีวันเปลี่ยน สิ่งที่ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อรากฐานของฝ่าบาท อีกไม่นานท่านจะเข้าใจความหมาย หมดเรื่องแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะครับ”
แชซกจูกับเหล่าขุนนางคิดหาวิธีกลับเข้ามาทำงาน ถึงขนาดคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าจองโจ
” ทรงอภัยให้กับความโง่เขลาของเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเป็นเพราะความห่วงใยที่มีต่อบ้านเมืองและราชสำนัก โดยไม่มีเจตนาคิดขัดพระบัญชาเลยแม้แต่น้อย ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ” แชซกจูทูล
“นั่นสิ ในเมื่ออยากให้ข้าพิจารณา ก็ไม่ควรทิ้งงานและขัดคำสั่งเมื่อเรียกให้มาพบอีก ตอนนี้สำนึกได้ก็สายไปแล้ว หรือท่านว่าไง”
“ฝ่าบาท”


” ที่สำคัญอีกอย่าง ถ้าพวกท่านสำนึกผิดจริงและอยากให้ข้ายกโทษ วันนี้ที่มาพบ ก็ควรเป็นผู้นำอีกคน ที่บงการให้พวกท่านทำโน่นทำนี่ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมที่มา ไม่เห็นเงาใต้เท้าชางแทวู มาคุยกับข้าบ้างล่ะ”
“เอ่อ แต่ว่าฝ่าบาท นั่นเป็นเพราะ”
” ข้าเคยเห็นแก่ส่วนรวมจนอ่อนข้อให้พวกท่าน อุตส่าห์ออกจากวังไปพบใต้เท้าชางถึงบ้าน คิดดูซิ ขนาดพระราชายังลดตัวได้ แล้วขุนนาง จะไม่ยอมอ่อนข้อให้พระราชาบ้างหรือ”
แชซกจูไปขอร้องให้ชางแทวูไปขออภัยโทษต่อพระเจ้าจองโจ แต่คนสนิทของชางแทวูไม่ยอม
พระ มเหสีโยอึยทรงพยายามเกลี้ยกล่อมให้พระพันปีเฮคยองรับซองซงยอนมาเป็นสนม แต่พระพันปีเฮคยองไม่ทรงยอม และบอกว่าไม่อยากได้ยินชื่อซองซงยอนด้วย
” ฐานะของนาง ไม่มีครอบครัวรองรับเป็นหลักเป็นฐาน ที่สำคัญ เรายังมีกฎว่าเด็กกำพร้าห้ามเข้าวัง อย่าว่าแต่เลือกสนมเลย ข้อมูลแค่นี้ยังไม่พอใช่ไหม หรือเจ้าอยากฟังคุณสมบัติที่ด้อยกว่าในแง่ไหนอีก”
“แต่ว่า เทียบกับเรื่องคุณสมบัติ เรายังต้องคำนึงถึงพระทัยของฝ่าบาทบ้าง ฝ่าบาททรงโปรดปรานนาง เสด็จแม่ก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือเพคะ”
” ข้านึกว่าเจ้าน่าจะเข้าใจดี ว่าการเลือกสนมคราวนี้ จุดประสงค์เพื่อสร้างฐานอำนาจให้ฝ่าบาทมากกว่าเรื่องอื่น แสดงว่า ที่แล้วมาข้าคงดูเจ้าผิดไปซะแล้ว”
“เสด็จแม่เพคะ”
“ก่อนที่งานนี้จะเสร็จสิ้น เจ้าไม่ต้องมาพบข้าอีก และไม่ต้องมาคำนับทุกเช้าด้วย หมดเรื่องแล้วเชิญออกไปซะ”
“เสด็จแม่”
ปาร์คยองมุนเลือกซองซงยอนให้เป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ของพระเจ้าจองโจ เข้าไปถวายการเขียนพระรูป ซองซงยอนถึงกับอึ้งไป
” ทุกวันนี้ฝ่าบาททรงปฏิรูปการปกครองหลายอย่าง เพื่อยกเลิกค่านิยมโบราณและความเหลื่อมล้ำ หากเจ้าไปแสดงฝีมือในฐานะช่างเขียนรุ่นใหม่ อีกหน่อยก็จะเป็นแบบอย่างให้คนอื่นด้วย”
“ขอบคุณใต้เท้ามากค่ะ”
” แต่ว่า ก่อนจะเสนอชื่อให้กรมพิธีการ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ทุกวันนี้ มีข่าวลือว่าเจ้าจะไปเป็นพระสนมในวัง เป็นความจริงหรือเปล่า ต้นตอข่าวลือมาจากไหน ข้าก็ไม่อยากรู้ แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง เจ้าคงหมดสิทธิ์จะได้เป็นจิตรกรเอก เพราะฉะนั้น เลยอยากถามความเห็นของเจ้า ตกลงจะเลือกทางไหน เจ้าต้องคิดให้ดีล่ะ”
พระเจ้าจองโจรับสั่งให้นัมซาโชตามซองซงยอนมาเฝ้า
“สีหน้าเจ้าไม่ดีเลย ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกเพคะ เพียงแต่ หลายวันนี้ไม่ค่อยได้นอน ไม่ได้ป่วยตรงไหน ไม่ต้องทรงเป็นห่วงหรอกเพคะ”
“งั้นหรือ จริงๆ แล้ว หลายวันก่อนชุงจอน บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องของเจ้า เรื่องนี้ เจ้าก็รู้อยู่ใช่ไหม”
“เอ่อ รู้เพคะ หลายวันก่อนพระมเหสี เสด็จไปที่ศูนย์ศิลปะ และมีรับสั่ง ถึงสิ่งที่พระนางทรงคิดเอาไว้”
” งั้นหรือ อย่างงี้นี่เอง แล้วหลังจากนั้น นางก็มาพูดกับข้าบ้าง ถ้าข้าจำเป็นต้องมีสนมจริงๆ คนๆ นั้น ก็น่าจะเป็นเพื่อนที่คอยปลอบประโลม และนางยังบอกว่า คนๆ นั้นน่าจะเป็นเจ้า ซงยอน ข้า อยากรู้ว่าในใจเจ้า มีความคิดยังไงแน่ ถ้าหาก ถ้าเราเป็นอย่างงั้นได้จริง”
พอดีแชจีคยอมเข้ามาขัดจังหวะบอกว่าชางแทวูมาเฝ้า พระเจ้าจองโจสั่งให้ซองซงยอนไปรอที่ห้องทำงาน แล้วพระองค์ก็ออกมาพบชางแทวู
” ท่านมาเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้มากนัก นึกว่าต้องรอนานกว่านี้ซะอีก เอาล่ะ ไหนๆ มาแล้วคงไม่ใช่นั่งเฉยๆ ท่านจะพูดอะไรกับข้าอีก ข้ากำลังรอฟังอยู่”
” พ่ะย่ะค่ะ งั้นหม่อมฉันจะขอทูลเดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่หม่อมฉันจะทูลฝ่าบาทนั้น ถ้าต่างจากที่ทรงคิดไว้ก็ขอทรงอภัยล่วงหน้า หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า ที่มานี่ไม่ใช่เพื่อขอให้ทรงอภัยโทษหรือสารภาพผิดใดๆ หม่อมฉันเห็นว่าฝ่าบาททรงใช้มาตรการผิดพลาด มันคือความเผด็จการและลองผิดลองถูก ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การปกครองของโชซอน ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันจึงไม่นึกเสียใจ ที่จะต่อต้านความแข็งกร้าวของฝ่าบาทเลย รู้อยู่ว่าเป็นเส้นทางที่ผิด หม่อมฉันเป็นขุนนางจะห่วงแต่เอาตัวรอด จนยอมละทิ้งศักดิ์ศรีได้ยังไง เพราะฉะนั้น ที่หม่อมฉันมาเข้าเฝ้า ก็เพื่อจะแสดงจุดยืนให้ชัดเจน”
“อย่างงั้นหรือ”


“เพราะฉะนั้น โปรดทรงลงอาญาที่หม่อมฉันขัดพระบัญชา ตามแต่จะเห็นควรด้วยเถอะ”
“ลงโทษท่านหรือ? ใช่ น่าลงโทษจริงๆ อ้า เอาไปดูเอง นี่คือคำสั่งที่รอให้ท่านมา แล้วมอบให้ท่าน”
ชา งแทวูอ่านแล้วอึ้งไป พระเจ้าจองโจทรงตรัสว่า “ท่านอ่านไม่ผิดหรอก เป็นคำสั่งให้ท่านกลับมาเป็นเสนาซ้ายอีกครั้ง ข้ารู้ว่าท่านได้เจียดทรัพย์สินของตัวเองไปช่วยเหลือชาวบ้าน แถมยังสั่งการ ให้ขุนนางอื่นช่วยกันบริจาค บรรเทาความเดือดร้อนไปบางส่วน แม้ว่าเราสองคนจะต่างความคิด แต่ข้าก็รู้ว่านอกจากเป็นที่นับหน้าถือตาแล้ว ท่านยังเป็นห่วงราษฎร ไม่ต่างกับตอนที่ยังรับราชการอยู่ และยังทำตัวเป็นแบบอย่าง ให้คนรุ่นหลังได้เจริญรอยตาม เพราะฉะนั้น จงรับคำสั่งจากข้า กลับมาทำงานใหม่เถอะนะ จากนั้น ข้าจะผ่อนผันให้ขุนนางอื่น ไม่ลงโทษสถานหนักฐานขัดคำสั่ง เป็นไงบ้าง ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการลงโทษที่พอเหมาะสมได้ไหม”
“จะทรงใช้พระคุณกับหม่อมฉันใช่ไหม”
“งั้นหรือ ท่านคิดอย่างงั้นหรือ ก็ตามใจ จะคิดอย่างงั้นก็ไม่ผิด”
” แม้ฝ่าบาทจะทรงเมตตา แต่จุดยืนของหม่อมฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยน ถ้าให้หม่อมฉันกลับมาจริง ก็จะเหมือนอย่างตอนนี้ หม่อมฉันจะคัดค้านการใช้อำนาจเผด็จการของฝ่าบาท”
“ก็ทำไปสิ ที่ข้าต้องการจากท่านก็คือข้อนี้ วันก่อนข้าก็เคยบอกท่านแล้วว่า นโยบายปกครองของข้า ไม่ใช่มุ่งกำจัดคนที่เห็นต่าง ยอมรับคนที่เห็นตรงกัน แต่ต้องการความคิดที่หลากหลายไปสู่ทิศทางเดียวกัน ท่านบอกว่ามีจุดยืนก็ไม่เป็นไร ส่วนข้า ก็จะใช้นโยบายใหม่ของข้า เพราะฉะนั้น เมื่อท่านกลับมาทำงานใหม่ มีอะไรไม่พอใจก็เสนอมาได้เต็มที่ ถ้ามีเหตุผลพอ ข้าพร้อมจะรับฟังความคิดคนอื่น แต่ถ้าไม่ถูกต้อง ข้าก็จะสู้กับพวกท่าน ยืนกรานความคิดตัวเอง ข้าจะให้รู้ว่า ความเสมอภาคเท่าเทียม และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จะทำให้บ้านเมืองเจริญได้”
ฮงกุกยองรู้เรื่องที่ชางแทวูจะได้เป็น เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไม่เห็นด้วย รีบเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ ซึ่งพระเจ้าจองโจทรงทราบดีอยู่แล้ว ทรงตรัสว่า
“ข้าตั้งใจไว้แต่แรกอยู่แล้ว เพราะเขามีบารมีมากพอ สามารถควบคุมขุนนางทั้งหลายให้อยู่ในโอวาท”
” แต่ว่าฝ่าบาท ทำแบบนี้ไม่ถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว น่าจะสลายขั้วอำนาจเก่าให้หมดไป แต่นี่ เท่ากับฝ่าบาททรงทำลายโอกาสทองแท้ๆ”
“ข้าเคยบอกเมื่อไหร่ว่า จะสลายขั้วอำนาจเก่าไม่ให้อยู่ในวังอีก”
“เอ่อ ฝ่าบาท”
” ถ้าท่านคิดอย่างงั้นจริง แสดงว่าเข้าใจความหมายผิดซะแล้ว เพราะแต่แรกมา ข้าก็ไม่เคยคิดอย่างงั้นเลย สิ่งที่ข้าทำ ไม่ใช่เพื่อกำจัดพวกเขา เพียงแต่คิดว่า จะดัดนิสัยไม่ให้เหลิงเกินไป แต่ข้าก็รู้ ถ้าให้พวกเขากลับมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าทำอะไรก็จะถูกคัดค้านไปซะหมด แต่ปากบอกว่าจะใช้คนอย่างเท่าเทียม เอาเข้าจริงกลับมีแต่คนของเราเต็มไปหมด มันคงขัดกับนโยบายน่าดู และข้าก็ไม่ใช่ว่า อยากเป็นพระราชาที่ทำในสิ่งที่ตัวเองพอใจ”
“ฝ่าบาท”
“ข้าจะให้พวก เขาเปลี่ยนแนวคิด ใช้ความสามารถที่มีให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง แม้ว่าอาจจะยากเย็น แต่เส้นทางของข้าก็มีอุปสรรคอยู่แล้ว ความคิดของข้าแบบนี้ ท่านน่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นจงอย่าพูดมาก ทำตามที่ข้าสั่งก็พอแล้ว”
จังหวะนั้นพระพันปีเฮคยองจะมาขอพบพระเจ้าจอง โจ แต่ซังกุงทูลว่าอยู่ที่ท้องพระโรง พระพันปีเฮคยองทรงเห็นว่าที่ห้องทำงานยังจุดไฟอยู่ก็ถามว่าทำไมห้องทำงานไม่ ดับไฟ ซังกุงอึกอักไม่กล้าทูล พระพันปีเฮคยองเข้าไปดูแล้วก็พบกับซองซงยอน
“เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่”
“เอ่อ คือ พระพันปี”


“นี่เป็นห้องทำงานของฝ่าบาท และที่ๆ เจ้านั่งก็เป็นเก้าอี้ของพระราชา เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาวางมาดอยู่ในห้องนี้น่ะ”
“เอ่อ พระพันปี ทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันไม่รู้ว่านั่งไม่ได้”
“หุบปาก”
“พระพันปี”
“ลากตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปข้างนอก”
“พระพันปีๆ”
“ไม่ได้ยินหรือไง ข้าบอกให้ลากตัวออกไป” ซังกุงรีบรับคำทันที
” พระพันปี อภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ พระพันปี ทรงฟังหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว อย่าทรงทำอะไรหม่อมฉันเลยเพคะ พระพันปี ทรงอภัยด้วย หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ พระพันปี”
“เฮ่ย ช่างไม่รู้กาลเทศะจริงๆ เจ้ากล้าตีตนเสมอเบื้องสูง อยู่ในห้องทำงานของฝ่าบาทโดยพละการ ช่างไม่มีใครอบรมซะบ้าง มันน่าโมโหจริงๆ มิน่าล่ะ ถึงได้เสนอหน้ากับพระมเหสีและฝ่าบาทเพื่อหวังจะเข้าวังใช่ไหม”
ซองซงยอน เอาแต่ร้องไห้ “มิน่าพระมเหสีถึงได้ขัดคำสั่งข้าอยู่เรื่อย ทั้งที่นางว่านอนสอนง่ายมาตลอด กลับเห็นแก่ผู้หญิงอย่างเจ้า แม้จะขัดใจข้าก็ยังกล้าดึงดัน ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีไหนประจบพระมเหสี แต่ยังไงจะไม่ให้เจ้าเข้าวังแน่นอน ฉะนั้นสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้จงฟังให้ดีด้วย”
หลังจากซองซงยอนกลับไปแล้ว พระเจ้าจองโจก็เสด็จมา ทรงทราบว่าพระพันปีเฮคยองรออยู่ข้างในก็แปลกพระทัย
“เสด็จแม่”
” มานั่งทางนี้สิจ๊ะ ถ้าจะมองหาเด็กคนนั้นละก้อ แม่ให้นางกลับไปนานแล้ว ดึกป่านนี้มีคนงานหญิงมารอเจ้าอยู่ในห้องทำงาน ถ้าใครรู้เข้าคงไม่งามแน่ แม่จึงให้นางกลับไปซะ มีธุระอะไรก็ให้นางในไปติดต่อละกัน นั่งก่อนสิฝ่าบาท ที่แม่มานี่เพราะมีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
“รู้แล้วใช่ไหมว่ามีประกาศคัดเลือกพระสนมติดอยู่ทั่วเมืองน่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
” หลายวันนี้จึงมีชนชั้นสูงส่งประวัติลูกสาวเข้ามามากมาย แต่ใจจริงแล้ว แม่มีคนที่หมายตาไว้แต่แรก คราวนี้แม่คิดว่า จะให้น้องสาวฮงกุกยองมาเป็นสนมของเจ้า ฉะนั้น จึงอยากให้รับรู้ไว้ก่อน”
“น้องสาวใต้เท้าฮงหรือ เสด็จแม่ทรงหมายถึง”
“แม่รู้ว่าเจ้ากำลังเป็นห่วงเรื่องอะไร แต่แม่เชื่อว่าคนๆ นี้ แม้จะกลายเป็นญาติของเรา ก็คงไม่ใช้อำนาจไปในทางที่ผิด”
“แต่ว่าเสด็จแม่ เขาเป็นคนสนิทของหม่อมฉัน ซึ่งใครๆ ก็รู้ แล้วให้มาเกี่ยวดองกับเรา หม่อมฉันเห็นว่าไม่เหมาะนะพ่ะย่ะค่ะ”
” ไม่เป็นไร อย่าคิดอย่างงั้นสิ เขามีความดีความชอบที่ช่วยให้เจ้าได้ครองบัลลังก์ ข้อนี้เจ้าคงไม่ปฏิเสธหรอกนะ แม้ว่าปัญหาที่เกิด ถือว่าโชคดีที่จบลงได้ แต่ความศรัทธาของราษฎรเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึง เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายซ้ำอีก เราต้องแสดงให้เห็นถึงความมีอำนาจของเจ้า และความเป็นหนึ่งเดียวของคนในราชสำนัก เพราะฉะนั้น เพื่อเห็นแก่บ้านเมืองและราชวงศ์ของเรา ขอให้เจ้าอย่าคิดเรื่องอื่น และงานนี้ ปล่อยให้แม่จัดการตามที่เห็นชอบเถอะนะ”
วันต่อมา ก่อนเข้าท้องพระโรง ฮงกุกยองก็จัดให้มีการตรวจค้นอย่างละเอียด รวมทั้งชางแทวูด้วย สร้างความไม่พอใจให้กับชางแทวูและคนสนิท จนเกือบมีเรื่อง ชางแทวูตัดบทก่อนว่า
“ไม่ต้องเถียงกับพวกเขา เจ้าก็คือคนที่ก่อตั้งหน่วยทหารพิเศษ ชื่อว่าฮงกุกยองใช่ไหม ภาษิตว่าสุนัขที่เลี้ยงนานๆ จะเดินกร่างเหมือนเจ้าของ น่าจะตรงกับเจ้านี่แหละ”
ฮงกุกยองอึ้ง “ใต้เท้า”



“ผ่านการเลือกสนมเมื่อไหร่ เจ้ายังได้ตีสนิทถึงฝ่ายในด้วยซ้ำ เห็นทีว่าอนาคตจะเป็นทรราชย์ซะกระมัง”
เหตุการณ์นี้ทำให้ฮงกุกยองนึกถึงวันที่พระมเหสีจองซุนมาพบเขา บอกว่ามีวิธีทำให้ชางแทวูกลับไปอยู่เมืองชางยอง
” สิบปีก่อน คนที่ทำให้เขาต้องระเห็จออกไปก็คือข้า เรื่องนี้เจ้าคงได้ยินมานานแล้วใช่ไหม ชางแทวูคนนี้ ไม่ใช่คนที่จะเล่นงานง่ายๆ ข้าให้เขาไปอยู่บ้านเดิมก็เพราะสาเหตุนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเจ้าเห็นแก่อนาคตของฝ่าบาทจริง ก็ต้องรีบหาวิธี กำจัดคนๆ นี้ให้พ้นทางซะ”
“พระหมื่นปีน่าจะยังไม่หายกริ้วหม่อมฉัน แล้วทำไมต้องมาช่วยหม่อมฉันอีก”
“ข้าทำเพื่ออะไร เจ้าน่าจะรู้ดี แต่ว่าข้าก็ไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ถือว่าเป็นความภักดี ที่จะตอบแทนพระเมตตาของฝ่าบาทละกัน”
” งั้นหม่อมฉันก็จะทูลว่า ขอปฏิเสธความหวังดี ถ้าใต้เท้าชาง อีกหน่อยจะเป็นขวากหนามของฝ่าบาทจริง หม่อมฉันย่อมมีวิธีกำจัดเขา โดยไม่ต้องรบกวนถึงพระหมื่นปี เพราะฉะนั้น โปรดอย่าเสนอเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพระหมื่นปีอีก”
“งั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นก็ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าต้องการแบบนี้ ข้าก็ไม่ฝืนใจ แต่ว่า เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็มาหาได้ทุกเมื่อ ข้ายินดีต้อนรับเสมอ”
วัน ต่อมา พระเจ้าจองโจเสร็จจากประชุมก็พบว่าซองซงยอนคือช่างเขียนพระองค์ ทรงอึ้งไป และการเข้าวังครั้งนี้ซองซงยอนได้พบกับพระมเหสีโยอึยด้วย
“นี่แปลว่า เจ้ามาวันนี้เพื่อจะเขียนพระรูปหรอกหรือ”
“ใช่แล้วเพคะ”
“แต่ว่า ถ้าเจ้าได้เป็นพระสนมจริง”
” หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า นี่ก็คือ คำตอบที่หม่อมฉันจะมีให้พระมเหสีที่หลายวันก่อน เสด็จไปที่ศูนย์ฯ น่ะเพคะ พระมเหสีเคยถามหม่อมฉันว่า ถ้าได้เข้าวังจริง ก็ต้องออกจากศูนย์ศิลปะ แล้วหม่อมฉันจะยอมเช่นนั้นหรือเปล่า หลังจากที่ หม่อมฉันได้ฟังรับสั่งนี้แล้ว ก็กลับไปคิด ทบทวนอยู่หลายตลบ จนในที่สุด ถึงรู้ว่าที่ๆ เหมาะกับหม่อมฉัน คือศูนย์ศิลปะ และสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ คือเป็นช่างเขียนรูป แค่นี้ก็พอแล้วเพคะ”
“ไม่จริง ข้าไม่เชื่อที่เจ้าพูด ความคิดของเจ้า ข้ารู้แก่ใจดี”
“เอ่อ พระมเหสี”
“เพราะอะไรกัน อะไรทำให้เจ้าตัดสินใจแบบนี้ บอกมาเร็วเข้า”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกเพคะ ที่ทูลไปทั้งหมด หม่อมฉันได้ผ่านการไตร่ตรองแล้ว”
“ซงยอน”
” ขอทรงอภัยด้วยเพคะ พระมเหสี เคยรับสั่งว่าถ้าหม่อมฉันเลือกทางนี้ ก็จะไม่ทรงฝืนใจเด็ดขาด เพราะฉะนั้น โปรดเห็นแก่ความชอบของหม่อมฉัน อย่าทรงรับสั่งถึงเรื่องนี้อีกเลยเพคะ”
ด้านเทซูรู้ว่าซองซงยอนจะเป็นช่างเขียนก็ถามว่าเพราะอะไรถึงได้ทำแบบนี้


” ทำแบบนี้ เจ้าจะไม่ได้ถูกเลือกเป็นสนมอีกรู้มั้ย ถ้าเลือกจะเป็นช่างเขียนจริง ฝ่าบาทก็ต้องทรงคิดว่า เจ้าอยากอยู่ศูนย์ศิลปะมากกว่าการเข้าวัง”
“เป็นอย่างงั้นจริงๆ”
“อะไรนะ”
“ข้าคงไม่เข้าวัง จะเขียนรูปต่อไป”
“ซงยอน”
“ไม่ผิดหรอก ข้าบอกแล้วว่า จะอยู่ศูนย์ศิลปะต่อไป”
” เพราะอะไร มีเหตุผลมั้ย เจ้ารอฝ่าบาทมานานไม่ใช่หรือ ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างพระองค์ เจ้าเคยบอกว่าเรื่องอื่นไม่สนใจทั้งนั้น ทำไมเจ้าถึงทำงานในศูนย์ศิลปะ ก็เพื่อหวังจะพบฝ่าบาท แม้แค่มองเห็นไกลๆ เจ้าก็ดีใจแล้วไม่ใช่หรือ แล้วทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ ฝ่าบาททรงรออยู่ แม้แต่พระมเหสีก็ช่วยเจ้า แล้วยังลังเลอะไร”
“แต่ข้าทำไม่ได้ เข้าใจหรือเปล่า ข้าไม่ควรเห็นแก่ตัว ข้า มีสิทธิ์อะไรไปถวายการรับใช้ ในเมื่อเป็นแค่คนงานต่ำต้อย จะเข้าวังได้ยังไง เพราะข้าคนเดียว อาจทำให้พระพันปี ทรงบาดหมางกับพระมเหสี แล้วหลังจากนั้น แม้แต่ฝ่าบาท ก็จะทรงมีปัญหาเพราะข้า ฮือ”
“ซงยอน ถ้าอย่างงั้น แล้วตัวเจ้าเองล่ะ คนอื่นจะเป็นไงก็ช่างเถอะ แล้วเจ้าล่ะ ต่อไปเจ้าจะอยู่ยังไง ในเมื่อออกมาก็ร้องไห้แล้ว ไม่ทันไรเจ้าก็เจ็บถึงขนาดนี้ ยังคิดว่าสามารถ จะเฝ้ามองฝ่าบาทจนชั่วชีวิตได้หรือ” ซองซงยอนตอบไม่ถูกเอาแต่ร้องไห้
ทางด้านนัมซาโชก็ทูลถามพระเจ้าจองโจว่า
” ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจซักนิด ไม่ทราบว่าควรจะถามหรือไม่ หม่อมฉัน ได้ยินว่าพระมเหสี ทรงเห็นชอบที่จะให้ซงยอนมาเป็นพระสนมใหม่ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้ จริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องนี้เป็นความจริง แต่ว่า สุดท้ายคงไม่ได้สมหวังแล้ว”
“เอ่อ สุดท้ายไม่ได้สมหวัง หม่อมฉันไม่เข้าใจที่ฝ่าบาทรับสั่ง”
” เมื่อกี้ที่นางมารายงานตัว ท่านก็เห็นแล้วนี่ นี่ก็คือ คำตอบที่แน่ชัดจากนาง การที่นางทำแบบนี้ เพื่อจะบอกข้าว่าชาตินี้ นางจะไม่เข้าวัง ท่านรู้มั้ย บางครั้งข้าเคยคิด ว่าถ้าเลือกเกิดได้ ขอเป็นคนธรรมดาซักคนดีกว่า น่าจะมีความสุขมากกว่านี้ วันๆ ก็แค่ทำไร่ไถนา เลี้ยงครอบครัว อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ กับคนที่ตัวเองรัก มีลูกมีหลาน วิ่งเล่นอย่างสนุก ดูแลกันและกันจนตาย เป็นสิ่งที่มนุษย์เรา แทบไม่หวังอะไรมากกว่านี้อีก ขอแค่นี้ก็พอ เป็นพระราชาจะมีความหมายอะไร นอกจากเป็น ผู้ชายที่ไม่เอาไหน ต้องอยู่อ้างว้างจนตาย”
“ฝ่าบาท”
งาน แต่งงานของดัลโฮกับมักซู มีชาวบ้านต่างมาแสดงความยินดี ขณะที่พระเจ้าจองโจก็ต้องทรงรับพระสนมวันนี้ แต่พระเจ้าจองโจกลับคิดถึงแต่ซองซงยอน

จบ ตอนที่ 51

No comments:

Post a Comment