Thursday 16 April 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 50


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 50

ที่ สนามสอบ พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งถามฮงกุกยองว่าเหตุใดจึงไม่มีบัณฑิตเข้าสอบคัด เลือกเป็นขุนนาง ทันใดนั้นเอง ชางแทวูก็มาเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ ชางแทวูทักทายพระเจ้าจองโจโดยไม่ยำเกรงเบื้องสูงแม้แต่น้อย พระเจ้าจองโจทรงเชื้อเชิญชางแทวูไปที่ห้องพระอักษร
จากนั้นพระเจ้าจอง โจทรงมีรับสั่งถามชางแทวูถึงวัตถุประสงค์ที่มาเข้าเฝ้าพระองค์ ชางแทวูทูลพระเจ้าจองโจว่าต้องการเปลี่ยนแปลงพระราชาให้ถูกต้องตามธรรมนอง คลองธรรม เมื่อพระเจ้าจองโจทรงสดับเช่นนั้นแล้วก็ไม่ได้ทรงมีท่าทีที่หวาดกลัวชางแทวู แม้แต่น้อย
พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งตอบกลับไปว่าไม่ว่าใครหรือสิ่งใดก็ ตามก็ไม่สามารถทำให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงพระทัยเดิมไปได้ ชางแทวูทูลพระราชาว่าตนมาเข้าเฝ้าในครั้งนี้นั้นใช่ว่าไม่ได้มีการเตรียมการ มาแต่อย่างใด ถ้าหากพระเจ้าจองโจทรงยังคงยืนยันตามพระราชประสงค์เดิม ตนก็จะงัดข้อกับพระเจ้าจองโจจนถึงที่สุด
อีกด้านหนึ่งนั้น ฮงกุกยองเผชิญหน้ากับคนของชางแทวู ดูเหมือนว่าคนของชางแทวูรู้ดีว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไรกับฮงกุกยอง คนของชางแทวูพูดจาไม่เกรงอกเกรงใจฮงกุกยองแม้แต่น้อย
พระเจ้าจองโจทรง กลัดกลุ้มพระทัยด้วยปัญหาของแชซกจูและบรรดาขุนนางใหญ่ เมื่อพระมเหสีโยอึยทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น พระนางก็ทรงเสด็จไปที่หอศิลป์เพื่อพบกับซองซงยอน เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นในหอศิลป์ ก็ร่ำลือกันว่าซองซงยอนจะเข้าไปเป็นพระสนมในเร็ววันนี้ แต่ก็มีหลายคนที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่าหลังจากที่ซองซงยอนเข้าวังหลวงแล้วจะ ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เนื่องจากในวังหลวงกล่าวขานกันว่าพระมเหสีโยอึ ยซึ่งประทับอยู่ที่ตำหนักหลวงจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดบรรดานางสนม ถ้าหากเรื่องที่ซองซงยอนถูกเรียกตัวเข้าวังหลวงเป็นความจริง ซองซงยอนจะต้องพบภัยพิบัติใหญ่หลวงอย่างแน่นอน ซงยอนก็เกิดความกลัดกลุ้มใจขึ้นมา
ขณะที่ปาร์กซายอง และเทซูกำลังดื่มเหล้าด้วยกันนั่นเองได้หยิบยกข่าวลือที่ซองซงยอนถูกเรียก ตัวเข้าวังหลวงขึ้นมาพูดคุยกัน เทซูซึ่งเดิมทีรู้สึกขุ่นข้องหมองใจอยู่แล้วนั้นรู้สึกว่าถูกทำร้ายจิตใจ เป็นอันมาก เนื่องจากเทซูตระหนัก ดีว่าซองซงยอนคิดอย่างไรกับพระเจ้าจองโจ แต่ตนก็ไม่กล้าเปิดเผยความในใจให้ซองซงยอนรู้ได้
ในเวลานี้เมื่อรู้ เรื่องที่ ซองซงยอนถูกเรียกตัวเข้าวังหลวง ยิ่งทำให้ความรักที่มีต่อซองซงยอน ยากที่จะหักห้ามใจต่อไปได้ ตกดึก ขณะที่ซองซงยอนเดินทางกลับบ้านหลังจากที่ได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจมาแล้ว นั้น ซองซงยอนพบว่าเทซูยืนรอนางอยู่
ซองซงยอนเปิดเผยความรู้สึกที่มี ต่อพระเจ้าจองโจให้เทซูรู้ ซองซงยอนยอมรับกับเทซูว่านางอยากเข้าวังหลวงเพื่อจะได้พบและได้ยินเสียงพระ เจ้าจองโจทุกวัน นางอยากอยู่เคียงข้างพระเจ้าจองโจเพื่อคลายความกลัดกลุ้มพระทัยให้พระองค์ ซองซงยอนพูดด้วยน้ำตาคลอว่าแต่นั่นก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้น ความฝันที่ไม่สามารถเป็นความจริงขึ้นมาได้
หลังจากที่เทซูฟังซองซงยอน พูดจบแล้ว เทซูก็เปิดเผยความในใจต่อซองซงยอน เทซูตัดพ้อว่าเหตุใดตนจึงไม่สามารถอยู่เคียงข้างซองซงยอนได้ เทซูถามย้ำซองซงยอนว่าตนไม่สามารถแทนที่พระเจ้าจองโจได้จริงหรือ ทุกครั้งที่ตนเห็นซองซงยอนเสียใจ ตนจะรู้สึกเสียใจยิ่งกว่า ตนไม่อยากให้ซองซงยอนต้องเสียใจอีกต่อไป เป็นไปไม่ได้จริงหรือที่ตนไม่สามารถแทนที่พระเจ้าจองโจ
ในเวลานี้เอง ซองซงยอนถึงรู้ความจริงว่าเทซูรักนางมาก แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว ในเวลานี้หัวใจของนางได้มอบให้พระเจ้าจองโจไปแล้ว หัวใจนางไม่สามารถรับใครเข้ามาได้อีก ซองซงยอนกลับเข้าบ้านโดยไม่ปริปากพูดแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คืนนี้ทั้งเทซูและซองซงยอนต่างนอนไม่หลับด้วยกัน ทั้งคู่
ถึงเวลาประชุมไม่มีเหล่าขุนนางมาประชุม พระเจ้าจองโจทรงเสด็จไปที่เหล่าขุนนางชุมนุมกันอยู่
“ไหนๆ ที่นี่ก็เป็นแหล่งชุมนุมของขุนนาง งั้นทีหลังก็ย้ายราชสำนักมาอยู่นี่ซะเลยดีกว่า ท่านจะเห็นด้วยมั้ย”
ชา งแทวูทูลว่า “ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่หม่อมฉันทำ เพื่อให้ฝ่าบาททรงรู้ถึงหลักการปกครองที่ถูกต้อง โดยไม่เคยหวังเรื่องอื่น เป็นการแสดงความภักดีอย่างหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ ปล่อยให้ราษฎรเจ็บไข้ได้ป่วย ละทิ้งหน้าที่ที่พึงกระทำ ทั้งหมดนี้ เพื่อแสดงความภักดีต่อข้าหรือไง”
” ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงฝ่าบาททรงขับไล่อดีตขุนนางและลูกอนุฯ พวกเราก็จะกลับไปทำงานทันที อีกทั้งจะช่วยฝ่าบาท บริหารราชการอย่างแข็งขันโดยไม่มีการบิดพลิ้วอีก” ชางแทวูต่อรอง
“หรือก็แปลว่า ถ้าข้าไม่ตกลงก็คงได้เห็นดีไปข้างหนึ่ง อย่างงั้นใช่ไหม”
“ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทคงต้องไตร่ตรองให้ดี”
” ท่านพูดก็มีเหตุผล เหมือนที่ท่านเคยบอก คราวนี้ข้าเป็นฝ่ายผิดจริงๆ เพราะบ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ของพระราชาคนเดียว ที่เป็นเสาหลักค้ำจุนคือขุนนางอย่างพวกท่าน ถ้าไม่มีขุนนาง ต่อให้ข้าเก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองต่อไปได้ คราวนี้ถือว่าข้าโง่เอง ต้องขอบคุณท่านเสนาซ้าย ที่ให้บทเรียนอันทรงคุณค่า”
“ฝ่าบาท”


“เชิญอ่านดู นี่คือคำตอบจากข้า หลังได้รับบทเรียนคราวนี้”
“เอ่อ ฝ่า ฝ่าบาท นี่คือ”
” เรื่องที่จะประกาศพรุ่งนี้ พวกท่านนึกว่าตัวเองเป็นต่อ ขู่ให้ข้ากลัวหน่อยแล้วข้าจะยอมอ่อนข้อ เห็นทีคงคิดผิดแล้ว เพราะฉะนั้น ที่ข้ามาเพื่อจะแสดงเจตนาชัดเจน เหมือนที่เขียนในจดหมาย อีก 5 วันข้างหน้า จะมีการสอบขุนนางอีกครั้ง”
“ฝ่าบาท”
“แต่ว่า คราวนี้จะต่างจากการสอบที่แล้วมา หากใครผ่านเกณฑ์คัดเลือก จะไม่ต้องเริ่มจากพื้นฐาน ให้เป็นขุนนางระดับ 7 ถึง 8 ได้ทันที ยิ่งใครได้คะแนนดี จะได้ตำแหน่งสำคัญเทียบเท่าระดับเจ้ากรม นอกเหนือจากนี้ ยังจะมีกฎว่า ใครมีคุณสมบัติแต่ไม่เข้าสอบ ข้าจะตัดสิทธิ์คนๆ นั้น ให้ภายใน 10 ปี ห้ามรับราชการไม่ว่าหน่วยงานไหนทั้งสิ้น”
“ฝ่าบาท ทำแบบนี้ไม่ได้ ถือว่าผิดกฎนะพ่ะย่ะค่ะ จะทรงให้ราชสำนักแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
” ใช่ ไหนๆ ก็ไหนๆ ถือโอกาสนี้แบ่งราชสำนัก ออกเป็นสองฝ่ายซะเลย ระหว่างที่ไม่มีพวกท่านมาทำงาน ทำให้ข้าเกิดความคิดบางอย่าง นั่นก็คือ ทางการไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานซ้ำซ้อนหรือเลี้ยงคนมากเกินไป หลังจากมองดูถึงรู้ว่า นั่นเพราะสมัยก่อนพระเจ้ายอนซันเพิ่มหน่วยงานโดยไม่จำเป็น หลังจากผ่านยุคนั้นมาแล้ว ความฟุ่มเฟือยก็ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้น ข้าจึงคิดว่าจะปฏิรูประบบขุนนางให้ง่ายต่อการทำงานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยถือเอาโครงสร้าง ในยุคก่อนพระเจ้ายอนซันมาประยุกต์ใหม่ ทุกหน่วยงาน ให้ดูจากหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นหลัก ถ้างานซ้ำซ้อนก็รวมเป็นหนึ่งเดียวซะ สับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บังคับบัญชา ให้ไปเรียนรู้งานของฝ่ายอื่น จะได้ไม่ยึดติดเกินไป ระดับล่างก็เหมือนกัน ตำแหน่งไหนไม่สำคัญหรือเป็นส่วนเกิน ถ้าไม่อยากออกก็ให้รวมกับคนอื่นซะ ถ้าตอนนี้พวกท่านจะกลับมา ข้าก็ไม่แน่ใจว่า ยังมีตำแหน่งไว้รองรับหรือเปล่า เข้าใจหรือยัง นี่คือสิ่งที่ข้าเรียนรู้ เหมือนที่ท่านเคยบอก ขุนนางคือเสาหลักของบ้านเมือง แต่ข้าก็ได้เรียนรู้ว่า สิ่งสำคัญกว่านั้นคือไม่ควรให้พวกเขากุมอำนาจจนข้าแทบทำอะไรไม่ได้เลย ท่านจะสอนข้าใช่ไหม งั้นก็ได้ ข้าก็จะสอนท่านเหมือนกันว่าอะไรคือหน้าที่ของขุนนาง รวมถึง จิตสำนึกของการเป็นขุนนาง ให้ทุกคน ได้รู้ซึ้งแก่ใจซะบ้าง”
ชางแทวูและเหล่าขุนนางต่างอึ้งไปตามๆ กัน
“ราชเลขา” พระเจ้าจองโจตรัสเรียกฮงกุกยอง “เอาคำสั่งที่ข้ามอบให้ ไปประกาศเดี๋ยวนี้”
” พ่ะย่ะค่ะ นี่คืองานเฉพาะหน้า ที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วงนี้ อันดับแรกคือหน่วยปราบปราม ต้องกำชับให้ดูแลสวัสดิภาพของราษฎรให้ดี ส่วนงานในเมืองหลวง ก็ให้กรมอาญาคอยดูแล สะสางงานที่เร่งด่วนไปก่อน และพอหลังจากสอบแล้ว ค่อยจัดระบบใหม่ให้เข้าที่เข้าทางกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ”
แช จีคยอมกล่าวต่อ “ส่วนกรมการศึกษาและวิทยาการที่จะรวมตัวกัน จะให้เชื้อพระวงศ์บางคนที่ว่างงานไปดูไว้ก่อน และให้คนของฝ่ายปกครอง ย้ายมาดูแลเรื่องสอบให้ผ่านไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาตามนี้แหละ พยายามลดความสูญเสียให้น้อย พวกท่านก็ช่วยกันสอดส่องละกัน” พระเจ้าจองโจตรัสกับพวกแชจีคยอม
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พวกขุนนางมาร้องขอให้พระเจ้าจองโจทรงพิจารณาใหม่ พระเจ้าจองโจทรงออกไปเผชิญหน้าและตรัสว่า
” ข้าก็อยากทำตามกฎหมายเหมือนกัน แต่ตอนนี้ขุนนางทั้งหลายพากันยื่นหนังสือลาออก แล้วจะให้ข้าทำยังไง ลืมแล้วหรือว่า พวกท่านก็ได้ยื่นใบลาออกตามด้วย ที่สำคัญ พอข้าบอกให้กลับมา พวกท่านก็ทำเป็นไม่รับรู้อีก แล้วตอนนี้ จะมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้า ให้รับฟังความเห็นพวกท่านก็แปลกไปแล้ว”
ทุกคนตกใจ “ฝ่าบาท”
” ถอยไปให้หมด นับแต่วันนี้ พวกท่านไม่ใช่ขุนนาง ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น ขืนมาโวยวายที่นี่อีก ข้าจะเรียกทหารมาจับ และลงโทษให้หนักด้วย”
พระเจ้าจองโจทรงไปตรัสกับพวกเชกา ทำให้เชกาตกใจ
“เดี๋ยว ทรงรับสั่งว่าไงนะพ่ะย่ะค่ะ จะให้พวกเรา ดูแลงานของสามกรมใหญ่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เหมือนที่รู้อยู่ งานราชการต่างๆ จะหยุดชะงักไม่ได้ เพราะฉะนั้น เลยอยากให้พวกท่านดูแลไปก่อนชั่วคราว”
“แต่ว่าฝ่าบาท เราเป็นแค่เจ้าหน้าที่ในหอตำราหลวง จะรับภารกิจด้านบริหารได้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ”
ชาย แก่กล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่จริงพวกเรา ยินดีถวายชีวิต แม้ให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่เกี่ยง แต่ว่า หากเป็นงานนี้ หม่อมฉันเห็นว่าไม่สู้เหมาะนัก”

“ทำไมอย่างงั้นล่ะ ทำไมพวกท่านถึงทำแทนไม่ได้”
” สามกรมใหญ่โดยเฉพาะที่ปรึกษานั้น มีหน้าที่ถวายคำแนะนำต่างๆ แต่ในภาวะที่ฝ่าบาททรงมีความขัดแย้งกับเหล่าขุนนาง แล้วให้เรามารับหน้าที่แทน ฝ่าบาทก็จะถูกครหาว่าทรงไม่เป็นกลางนะพ่ะย่ะค่ะ” ชายแก่กล่าว
เชกากล่าว ต่อว่า “และไม่เพียงเท่านี้ พวกเราได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท ทำให้ได้มายืนอยู่ตรงนี้ และถ้าจะให้พวกหม่อมฉันรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์อีก ก็เกรงว่าจะยิ่งผิดธรรมเนียมไปใหญ่นะพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่แหละถูกแล้ว พวกท่านทำแค่นี้ก็พอ ถ้าข้าทำอะไรผิดก็คอยตักเตือน บางครั้งอาจจะลุแก่อำนาจไปบ้าง ก็คอยหมั่นสังเกต อะไรที่ไม่ดีก็ชี้ให้เห็นถึงความบกพร่อง นี่คือหน้าที่ของพวกท่าน แค่นี้ ก็ถือว่าเริ่มต้นได้อย่างดีแล้ว ข้าไม่เห็นว่าถ้าจะใช้พวกท่าน มันเป็นความลำเอียงเข้าข้างตรงไหน เข้าใจมั้ย เพราะข้าไว้ใจพวกท่าน ถึงมอบหมายงานสำคัญให้โดยไม่ลังเล ก็แค่เอาอย่างตอนนี้ เห็นข้าทำอะไรไม่ถูกก็คอยเตือน ดึงให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยซะ เข้าใจหรือเปล่า”
ทุกคนกล่าวพร้อมกัน “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ทางด้านแชจีคยอมทูลพระเจ้าจองโจเรื่องอาการป่วยของชาวบ้าน
” อาการของผู้ป่วยที่อยู่หน่วยแพทย์ชุมชน ทยอยดีขึ้นตามลำดับหลังจากได้รับยา โดยเฉพาะ คนที่ส่อแววเป็นพาหะนำโรค ก็ได้ลดจำนวนไปมากพ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างเป็นข่าวดีสำหรับข้านัก”
“พ่ะย่ะค่ะ งั้นตอนนี้ก็ให้หมอดูแลผู้ป่วยไป ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่น ก็ย้ายมาดูเรื่องการสอบที่กำลังจะมีขึ้นดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาตามที่ท่านว่า เพราะอีกสองวันก็จะมีการสอบแล้ว ข้าหวังว่า คราวนี้จะผ่านพ้นอย่างราบรื่น โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย”
” แต่ว่า จะมีบัณฑิตมาสอบหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ ถ้าคราวนี้ ยังทำให้การสอบเป็นโมฆะอีก อาจทำให้ราชสำนักและฝ่าบาท เป็นที่ครหาของผู้คนได้”
ทางด้านมินคนสนิทของชางแทวู ก็รายงานชางแทวูว่า
” ใต้เท้าไม่ต้องห่วงครับ ไม่เพียงแต่สำนักบัณฑิต แม้แต่โรงเรียนทั่วเมืองก็ได้รับคำสั่งจากท่าน เชื่อว่าสอบคราวนี้ ยังคงต้องล้มเลิกเหมือนเดิมอีกครั้ง”
“อย่าเพิ่งมั่นใจอย่างงั้น หลายคนเรียนหนังสือมาชั่วชีวิตก็เพื่อหวังเป็นขุนนาง หากรู้ว่าฝ่าบาทมีรับสั่งอย่างงั้นจริง ต้องมีใครบางคนหวั่นไหว ไม่ทำตามที่ข้าสั่ง”
ฮงกุกยองทูลพระเจ้าจองโจว่า ขณะนี้เหล่าบัณฑิตพากันทยอยเดินทางมาแล้ว พระหมื่นปีจองซุนทรงมาพบฮงกุกยอง
“พระหมื่นปี”
” ไม่ต้องตกใจนักหรอก ที่ข้ามาหาเพราะมีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเจ้า แถวนี้มีคนเยอะ เราจะยืนคุยกันอย่างงี้หรือ” พระหมื่นปีจองซุนตรัส
“หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า ไม่มีอะไรต้องพูดคุยกับพระหมื่นปี เพราะฉะนั้น เชิญเสด็จกลับไปตำหนักซะ”
” ข้าจะคุยเรื่องชางแทวู ถ้าเจ้าสนใจจริง ข้ามีวิธีทำให้คนๆ นี้กลับไปอยู่เมืองชางยองเหมือนเดิม ว่าไง เปิดโอกาสให้ข้าช่วยเจ้า ขจัดเสี้ยนหนามให้ฝ่าบาทดีมั้ย”
พระพันปีเฮคยองทรงถามฮงกุกยองเรื่องจะ ให้น้องสาวมาเป็นสนม ฮงกุกยองยินดี จากนั้นพระพันปีเฮคยองก็ทรงให้ไปติดประกาศรับสมัครสนมใหม่ พระมเหสีโยอึยจึงนำเรื่องนี้ขึ้นไปทูลพระเจ้าจองโจ
“หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญจะมาทูล แม้จะรู้ว่ารบกวนฝ่าบาท แต่ก็ต้องมาเพคะ”
“รบกวนอะไรกัน ไม่หรอก ว่ามา เจ้ามีเรื่องสำคัญอะไรหรือ”
“ฝ่าบาท เช้าวันนี้ เสด็จแม่โปรดให้ติดประกาศเกี่ยวกับเรื่องรับสนมใหม่เพคะ”
“ว่าไงนะ แล้วทำไม จนป่านนี้เพิ่งมาบอกข้าล่ะ แม้จะเป็นเรื่องของฝ่ายใน แต่ก็ควรให้ข้ารับรู้บ้างไม่ใช่หรือ”
” ขอทรงอภัยเพคะ เพราะรู้ว่าฝ่าบาททรงงานหนักทั้งวัน เสด็จแม่เกรงว่าจะทำเป็นการรบกวนพระทัยเลยดำเนินการซะเอง ฝ่าบาทเพคะ ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการมีทายาทสืบสันตติวงศ์ เพื่อให้บัลลังก์ยิ่งมีความมั่นคง เพราะฉะนั้น การเลือกพระสนมก็เพื่อสืบต่อราชวงศ์ หวังว่าฝ่าบาทจะทรงเห็นชอบด้วยนะเพคะ”
“แล้วเจ้ายอมที่จะ ให้ข้ามีสนมหรือ หรือว่า เสด็จแม่ทรงตำหนิ”
“ไม่มีเลยเพคะ จริงๆ หม่อมฉันเป็นคนเสนอเรื่องนี้เองด้วยซ้ำ ฉะนั้น ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวล ว่าหม่อมฉันจะไม่สบายใจหรอกเพคะ”
“เอาเถอะ ข้าเข้าใจ ในเมื่อเจ้ากับเสด็จแม่เห็นดี ข้าก็คงไม่คัดค้าน ปล่อยให้ไปจัดการละกัน”
“หึ ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ แต่ว่าฝ่าบาท หม่อมฉัน ยังมีบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาต”
“งั้นหรือ ก็พูดมาสิ ไม่ว่าเจ้าจะขออะไร ข้าก็ให้ได้ทุกอย่าง ชุงจอน”
“ฝ่าบาท ที่จริงหม่อมฉัน มีคนที่มองไว้แต่แรก จะให้มาเป็นสนมของฝ่าบาทเพคะ”
“งั้นหรือ นางเป็นใครกัน”
“ก็คือซงยอนเพคะ”
“ชุงจอน” พระเจ้าจองโจทรงตกพระทัย
” หม่อมฉัน อยากให้ซงยอน มาเป็นสนมของฝ่าบาทจริงๆ เพคะ ผู้หญิงคนนี้ ว่าไปก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อม แม้จะไม่มีชาติตระกูล แต่หม่อมฉันเชื่อว่านางเหมาะจะเป็นสนมของฝ่าบาทยิ่งกว่าใครทั้งสิ้น ฝ่าบาททรงอนุญาต ให้นางมาถวายการรับใช้ เป็นพระสนมดีมั้ยเพคะ”
“หึ แต่ว่าเจ้า”
” ถ้าหากว่า ฝ่าบาทต้องมีพระสนมจริง หม่อมฉันก็เห็นว่า น่าจะเป็นคนที่โปรดปรานอยู่ก่อน และสามารถปลอบพระทัยฝ่าบาทได้ ซึ่งซงยอน เป็นคนที่จะอยู่เคียงข้างฝ่าบาทได้ดี หม่อมฉันเข้าใจถูกหรือเปล่าเพคะ โปรดอย่าทรงปฏิเสธ อย่าเห็นแก่หม่อมฉันจนตัดนางออกไปนะเพคะ นี่คงเป็นสิ่งเดียว ที่คนไม่เอาไหนอย่างหม่อมฉัน จะทำเพื่อฝ่าบาทได้ นอกจากนี้แล้ว หม่อมฉันก็เหมือนไม่มีประโยชน์เลย เพราะฉะนั้น ถ้าฝ่าบาททรงเห็นแก่หม่อมฉันจริง ก็โปรดให้หม่อมฉันได้ทำอะไรบางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่าบาทบ้าง”

จบ ตอนที่ 50

No comments:

Post a Comment